Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1026 : ข้อห้ามสองชนิด

เมื่อเห็นชายหนุ่มสวมเสื้อกันลมสีดำ ถือมือลูกโม่ในมือซ้าย กระโดดลงมาจากดวงจันทร์ โจนาส·โคลเกอร์ที่คุ้นเคยกับโลกผู้วิเศษเป็นอย่างดีรีบตอบสนองฉับไว

มันให้หัวแม่มือซ้ายข้างที่ถือนาฬิกาพกหุ้มเหล็ก เตรียมกดปุ่มเหล็กบนหน้าปัดที่ยุ่งเหยิง ขณะเดียวกันก็ยกแขนขวาขึ้น เล็กหกปากกระบอกสีเทาที่เรียงกันเป็นวงกลม ไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์

ขั้นตอนดังกล่าวเปรียบดังประกายไฟที่เกิดจากการเสียดสีโลหะ สว่างขึ้นและหายไปในพริบตา โดยสำหรับนิ้วหัวแม้โป้งซ้ายของโจนาส มันยังมิได้กดลงบนปุ่มเหล็กของหน้าปัด

มันเอาชนะปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของตน หักห้ามใจยังไม่ใช้พลัง ‘ข้อห้าม’ ของ ‘แสงเงาประชันดนตรี’ ในทันที

นั่นเพราะมันยังไม่รู้จักเกอร์มัน·สแปร์โรว์ดีพอ ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีจุดแข็งอย่างไร และเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่ตนกำลังเห็นอาจไม่ใช่ตัวจริง การใช้ข้อห้ามส่งเดชอาจทำให้เสียโอกาสไปโดยเปล่าประโยชน์

มันตั้งใจจะดูเชิงไปอีกสักพัก จะได้กำหนด ‘กฎ’ และบิดเบือนให้สอดคล้องกับจุดแข็งของอีกฝ่าย

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

ปืนลูกโม่ประหลาดกรีดร้องด้วยเสียงสิ้นหวัง กระหน่ำพายุกระสุนสีดำเย็นเยียบ ห้อมล้อมศัตรูภายใต้ดวงจันทร์สีแดงในพริบตา

ทันใดนั้น ร่างของเกอร์มัน·สแปร์โรว์โปร่งใสในทันที กลายเป็นมายาและพร่ามัว

กระสุนที่กระทบร่างแทบจะในพริบตา จากที่ควรฉีกทำลายเสื้อกันลมสีดำ กลับทำได้เพียงสลายภาพตกค้างที่เหลือทิ้งไว้

และด้านหลังโจนาส·โคลเกอร์ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่มีใบหน้าเย็นชาโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า ร่างกายอยู่ในท่ากึ่งคุกเข่า โน้มตัวเล็กน้อย หมวกทรงสูงสีดำเหนือศีรษะถูกฉาบด้วยสีแดงจากดวงจันทร์

ทันใดนั้น มันยกลูกโม่เหล็กสีดำในมือขึ้น อ้าปากเล็กน้อยขณะเล็ง ลั่นไกปืนโดยไม่ลังเล

ปัง!

พื้นฝั่งขวามือของโจนาส·โคลเกอร์เกิดระเบิดทันที เศษดินหินนับไม่ถ้วนปลิวกระจัดกระจาย

การยิงของเกอร์มัน·สแปร์โรว์พลาดเป้าไปไกลมาก แถมพลังทำลายก็ยังบกพร่อง

นี่คือพลัง ‘บิดเบือน’ ของเคาต์แห่งการเสื่อมถอย สามารถหักเหวิถีและลดพลังงานลง

อาศัยโอกาสดังกล่าว โจนาส·โคลเกอร์ใช้พลัง ‘ยุ่งเหยิง’ สร้างอิทธิพลกับมาตรวัดระยะทาง ส่งผลให้เดินไปถึงระเบียงห้องนอนภายในก้าวเดียว

จากนั้น มันหมุนครึ่งตัวพร้อมกับกดปุ่มโลหะปุ่มหนึ่งบนหน้าปัดนาฬิกาพกหุ้มเหล็กในมือ กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม:

“ที่นี่ไม่อนุญาตให้เทเลพอร์ต!”

การเปลี่ยนแปลงลึกลับเกิดขึ้นกับคฤหาสน์เพลงกุหลาบที่ถูกฉาบด้วยแสงจันทร์อย่างเงียบเชียบ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีใสหลังยิงปืนเสร็จ ถูกบังให้โผล่ออกจากความว่างเปล่าอีกครั้ง

มันเปลี่ยนตำแหน่งหลังยิงล้มเหลว

พลัง ‘ข้อห้าม’ ของ ‘แสงเงาประชันดนตรี’ !

สำหรับโจนาส·โคลเกอร์ ไม่สนว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะถนัดพลังแบบใด แต่ทันทีที่เห็นเทเลพอร์ต มันรีบสร้างข้อห้ามพลังชนิดนี้ทันที เพราะศัตรูที่สามารถเทเลพอร์ตได้ต่อเนื่อง นอกจากจะน่ารำคาญ ยังเต็มไปด้วยความอันตราย!

เมื่อพบว่าเทเลพอร์ตล้มเหลว สีหน้าของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ยังคงไม่แปรเปลี่ยน ร่างกายเกิดการบิดเบี้ยวพร้อมกับสีสันที่ซีดลง จนกระทั่งเหลือเพียงสีดำสนิท

ก้อน ‘สีดำสนิท’ ยุบตัวลงอย่างรวดเร็วและไหลไปตามพื้น ผสมผสานกับเงาดำในบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ได้รับแสงจากดวงจันทร์ ยากจะจำแนกได้ชัดเจน

ปัง! ปัง! ปัง! ในตำแหน่งที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยยืน รูกระสุนถูกสร้างขึ้นพร้อมกับเศษดินหินที่กระจัดกระจาย

โครม!

พื้นพังลงทันที เผยให้เห็นห้องด้านล่าง แต่ปราศจากฝุ่นฟุ้งกระจาย

และแม้จะเกิดเสียงเอะอะเช่นนี้ คฤหาสน์เพลงกุหลาบก็ยังถูกปกคลุมด้วยความเงียบและเงามืด ไม่มีใครตื่นตอนหรือส่งเสียงตอบสนอง

เป็นอีกครั้งที่โจนาส·โคลเกอร์ยับยั้งความต้องการที่จะสร้าง ‘ข้อห้าม’ ไม่ให้ศัตรูซ่อนในเงา เพียงถือ ‘เสียงแผดอันแสนสิ้นหวังของรีเวียร์’ และ ‘แสงเงาประชันดนตรี’ ไว้ในมือสองข้าง คอยสังเกตสิ่งรอบข้างอย่างสุขุม รอให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์โผล่หน้าอีกครั้งจึงค่อยเปิดฉากโจมตี

แต่ภายในห้องที่ชำรุดทรุดโทรม เงาดำทุกจุดยังคงนิ่งสนิท ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น และด้านนอกหน้าต่าง ยอดแหลมของอาคารและปล่องไฟยังคงปกคลุมไปด้วยสีดำที่เย็นเยียบ เหนือท้องฟ้ายังคงมีพระจันทร์สีแดงขนาดมหึมาลอยสูง

พืชในสวน เถาองุ่นที่ห่างออกไปไกล หน้าต่างทรงโบราณ พวกมันคล้ายกับพร่ามัวและทรุดโทรมลงท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด แม้จะยังมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่ประสาทสัมผัสกลับไม่รู้สึกว่ามีอยู่จริง

คฤหาสน์เพลงกุหลาบกลายเป็นสถานที่หม่นหมองและไร้ชีวิตชีวา เงียบสงัด คล้ายกับเป็นมุมที่ถูกโลกลืมและไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครหาพบ

ในฐานะครึ่งเทพ ในฐานะคนใหญ่คนโตที่อยู่ในโลกของข่าวกรอง โจนาส·โคลเกอร์สร้างข้อสันนิษฐานได้อย่างรวดเร็ว มันสงสัยว่าปรากฏการณ์ตรงหน้าอาจเกี่ยวข้องกับพลังในขอบเขต ‘การปกปิด’

ท่ามกลางแนวคิดอันหลากหลาย เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะโผล่ออกมา

มันไม่คิดจะลอบจู่โจมเข้ามา ไม่คิดจะหาโอกาสลั่นกระสุนใส่เราทั้งที่เปิดช่องว่างให้ขนาดนี้… มันไม่รู้จักพลังของ ‘นักกฎหมาย’ หรือ ‘ผู้ตัดสิน’ ในระดับสูงหรอกหรือ? ยิ่งการต่อสู้ผ่านไปและรู้จักศัตรูดีพอ โอกาสได้รับชัยชนะของศัตรูก็ยิ่งริบหรี่… โจนาส·โคลเกอร์เกิดความสับสนเล็กๆ

หลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างไม่รีบร้อน มันพอจะทราบสถานการณ์เบื้องต้นของตัวเอง และเข้าใจว่าการเอาชนะเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ใช่กุญแจสำคัญ ประเด็นหลักคือการหลบหนีออกจากโลกที่แปลกประหลาดและเป็นความลับแห่งนี้

ถ้าไม่รีบหนีออกไป อาจมีอันตรายอื่นๆ ตามมาในภายหลัง!

ขอเพียงเราออกจากคฤหาสน์เพลงกุหลาบที่มืดมิดแห่งนี้ไปได้ ต่อให้เทวทูตเสด็จเยือน เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก เพราะที่นี่ยังคงเป็นเบ็คลันด์… และโลกแห่งการปกปิดที่เกิดจากฝีมือมนุษย์แห่งนี้ย่อมต้องมีทางออก สิ่งนี้คือกฎอันเข้มงวดของโลกเหนือธรรมชาติที่ไม่มีใครสามารถฝ่าฝืน… การฉกฉวยช่วงโหว่ของกฎและบิดเบือนมัน คือสิ่งที่ครึ่งเทพเส้นทางนักกฎหมายชำนาญที่สุด! ท่ามกลางกระแสความคิด โจนาส·โคลเกอร์รีบตัดสินใจ

มันกลับตัวกะทันหัน กระโดดออกจากระเบียงด้วยพละกำลังทั้งหมด เป็นแรงพุ่งอันน่าทึ่งคล้ายกับสปริงที่ถูกบีบอัดและคลาย

ครึ่งเทพแห่งกองทัพลอยขึ้นสูงในอากาศ โดยที่ความเร็วมิได้ลดลง ไม่มีแนวโน้มที่จะร่วงหล่น

มันยังคงรักษาความเร็วเดิมไปเรื่อยๆ และลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการบิน

เคาต์แห่งการเสื่อมถอย ‘ฉกฉวยช่องโหว่’ !

นี่คือการอาศัยช่องโหว่ของกฎเพื่อยืดเวลาในการลอยให้นานขึ้น

หากโจนาส·โคลเกอร์พัฒนาไปเป็นเทวทูตลำดับ 2 มันสามารถใช้พลังนี้เพื่อกระโดดจากพื้นโลกไปจนถึงดวงจันทร์สีแดง

ขณะกระโดดขึ้นไปในอากาศ โจนาส·โคลเกอร์สะบัดแขนขวาพร้อมกับใช้พลัง ‘ยุ่งเหยิง’

มันวางแผนจะสร้างความโกลาหลขึ้นภายในคฤหาสน์เพลงกุหลาบ และเมื่อระลอกคลื่นกระเพื่อมออกไปเป็นวงกว้าง โลกแห่งการปกปิดแห่งนี้จะเผยทางออกให้เห็น

เพียงพริบตา ดอกไม้และเถาองุ่นที่เป็นฉากหลังของคฤหาสน์เพลงกุหลาบเริ่มสั่นไหว เงาดำบนยอดหอคอยแหลม ปล่องไฟ และหน้าต่างโบราณที่มืดมิดเริ่มจางลง

บนโลกแห่งนี้ มีเพียงพระจันทร์สีแดงดวงใหญ่เบื้องหน้ามันที่ไม่แปรเปลี่ยน ยังคงลอยสูงอย่างเงียบสงัด

นั่นคือทางออก! หลังจากใช้พลังยุ่งเหยิง การตอบสนองของสิ่งเร้าช่วยให้โจนาส·โคลเกอร์เริ่มเข้าใจกฎของโลกใบนี้มากขึ้น จึงรีบตัดสินใจ

โดยปราศจากความลังเล มันบิดเอวพร้อมกับใช้พลัง ‘ขยาย’ เพื่อบังคับเปลี่ยนทิศทาง ส่งตัวเองลอยไปทางดวงจันทร์สีแดงสด

ทันใดนั้น ชายผู้หนึ่งโผล่ออกจากเงาดำหน้าอาคารหลักของคฤหาสน์เพลงกุหลาบ สวมเสื้อกันลมสีดำและหมวกผ้าไหมทรงสูง ไม่ใช่ใครนอกจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่มีใบหน้าเย็นชา

ฟ้าว!

สายลมปรากฏขึ้นจากที่ใดไม่มีใครทราบ พัดพาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ให้ลอยตามโจนาส·โคลเกอร์ไปติดๆ

จากนั้น เกอร์มัน·สแปร์โรว์ในสายลมยกปืนลูกโม่เหล็กสีดำในมือขวาขึ้นและเหนี่ยวไก

ปัง!

กระสุนพุ่งออกไป ระเบิดกระจายเป็นเศษลูกปราย

พวกมันทั้งหมดโหมกระหน่ำใส่จุดที่โจนาส·โคลเกอร์กำลังลอยอยู่

ลูกโม่ลางมรณะ ‘โจมตีล้างบาง’ ! การยิงกวาดไปทั่วพื้นที่!

แทบจะในเวลาเดียวกัน โจนาส·โคลเกอร์เปลี่ยนทิศทางการพุ่งโดยไม่มีลางบอกเหตุ จากการมุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์ กลายเป็นพุ่งลงด้านล่าง

มันรอดพ้นจากพายุกระสุนฉิวเฉียด คล้ายกับคาดการณ์สิ่งนี้ไว้แล้ว

ไม่สิ ไม่ใช่ ‘คล้ายกับ’ แต่มันคาดเดาสิ่งนี้ไว้อยู่แล้ว! แม้ว่าเป้าหมายหลักจะยังคงเป็นการหลบหนีออกจากคฤหาสน์เพลงกุหลาบ แต่ก็ยังไม่ลืมว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถฉวยโอกาสโจมตีใส่ มันจึงวางกับดักโดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ หวังจับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่เอาแต่ซ่อนตัว และเป็นฝ่ายชิงตอบโต้ให้ศัตรูให้รับบาดเจ็บสาหัส

ตกลงมาได้ครึ่งทาง ร่างของโจนาส·โคลเกอร์เด้งขึ้นอีกครั้ง เป็นผลจากพลัง ‘บิดเบือน’ ที่ใช้เปลี่ยนแปลงทิศทางในการพุ่ง

สำหรับคราวนี้ เป้าหมายของมันคือ ‘ตำแหน่ง’ ที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังจะพุ่งไป!

ทันทีหลังจากนั้น มันใช้มือซ้ายที่ถือนาฬิกาพก ทำท่ากระชากกลับอย่างแรง เป็นการจับคว้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กลางอากาศ ดึงศัตรูจากด้านหน้าในระยะหลายสิบเมตร

เคาต์แห่งการเสื่อมถอย ‘ขยาย’ !

ฟ้าว!

ท่ามกลางสายลมพัดผ่าน โจนาส·โคลเกอร์คว้าเสื้อเชิ้ตบริเวณหน้าอกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ตามด้วยการเหยียดลูกโม่ประหลาดในมือขวาออกไปข้างหน้า

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

‘เสียงแผดอันแสนสิ้นหวังของรีเวียร์’ ปลดปล่อยกระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับปืนกล เพียงพริบตาเดียว ร่างของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กลายเป็นแผ่นกระดาษที่ปลิวไสวไปทั่วท้องฟ้า

ดวงตาของโจนาส·โคลเกอร์ชะงักไปเล็กน้อย รีบเลื่อนนิ้วหัวแม่โป้งซ้ายกดหนึ่งในปุ่มโลหะของนาฬิกาพกอีกครั้ง

ท่ามกลางเสียงกริ๊ก เคาต์แห่งการเสื่อมถอยเปล่งเสียงสง่าผ่าเผยที่ไม่สั่นคลอน

“ที่นี่ไม่อนุญาตให้ใช้ตัวแทน!”

ทันทีที่สิ้นเสียง สายลมที่คร่ำครวญในอากาศพลันหยุดนิ่ง คฤหาสน์เพลงกุหลาบกลับไปเงียบสงัดอีกครั้ง กลายเป็นโลกที่ปกคลุมด้วยเงาดำมืดอีกครั้ง

โจนาส·โคลเกอร์เปลี่ยนทิศทางในการพุ่งอีกครั้ง พร้อมกับพลิกตัวครึ่งวงกลมกลางอากาศ พยายามมองหาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่ก็ไม่พบความผิดปรกติใดภายใต้ค่ำคืนอันมืดสนิท

เคาต์แห่งการเสื่อมถอยครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปยังดวงจันทร์สีแดงขนาดใหญ่

ทันใดนั้น ตามสวนดอกไม้ ไร่องุ่น และภายในอาคารหลักของคฤหาสน์ เงาดำค่อยๆ โผล่ขึ้นทีละหนึ่ง บ้างขยายขนาดและก่อตัวเป็นรูปทรง

พวกมันทั้งหมดสีเส้นผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าผอมเพรียวชัดลึก สวมหมวกผ้าไหมทรงสูง สวมเสื้อกันลมสีดำ ไม่ใช่ใครนอกจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์!

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ บ้างมีรูปร่างปรกติ บ้างหลังจม บ้างพองออกคล้ายลูกโป่งแก๊ส บ้างเป็นแผ่นบางๆ

ได้เห็นฉากดังกล่าว โจนาส·โคลเกอร์นึกถึงศัตรูตัวฉกาจที่มันเคยเผชิญหน้าทันที

หนึ่งในหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอินทิส:

จอมเวทพิสดาร!

…………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset