“เป็นยังไงบ้าง? เห็นชัดไหม?” ขณะฟอร์สเดินออกจากถนนเส้นที่ตั้งคฤหาสน์ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด เธอเห็นซิลเดินกลับมาด้วยสีหน้ามืดมนและเหม่อลอย
ซิลพยักหน้าช้าๆ
“เห็นชัด…”
กล่าวจบ คล้ายกับเธอฟื้นคืนสติ กล่าวด้วยความตกใจ
“ฉันรู้จักหล่อน… ไม่สิ… เขา”
“เขา?” ฟอร์สทำหน้างุนงง
ซิลเหลียวซ้ายแลขวาตามความเคยชิน ก่อนจะพูดต่อ
“เขาคือเชอร์แมน! เชอร์แมนที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง! เขา… กลายเป็นผู้หญิง!”
ฟอร์สผงะเล็กน้อย ถามตามสัญชาตญาณ
“ไม่ได้จำผิดใช่ไหม? อาจเป็นน้องสาวเชอร์แมนก็ได้”
ซิลส่ายหน้าหนักแน่น
“ไม่ผิด… เธอเองก็ยอมรับว่าใช่ แถมยังห้ามไม่ให้ฉันรบกวน เพราะเธอต้องการตัดขาดจากอดีตโดยสิ้นเชิง! แต่ว่า… ทำไมเขาถึงกลายเป็นผู้หญิงไปได้…”
ดวงตาฟอร์สกลอกไปมา คล้ายกับฉุกคิดบางสิ่งได้
“ก็มีโอกาสเป็นไปได้เหมือนกัน… มีบางเส้นทางที่จะเปลี่ยนให้ผู้ชายกลายเป็นสตรีในบางลำดับ”
เธอจำได้ว่า มิสจัสติสเคยเล่าให้สิ่งที่คล้ายคลึงกันในช่วงเวลาแลกเปลี่ยนอิสระ
“จริงหรือ?” ดวงตาซิลเบิกกว้าง ถามด้วยความตะลึง
“แน่นอน!” ฟอร์สยืนกรานหลังจากนึกทบทวนเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
“เรื่องแบบนี้…” ซิลมิอาจทำใจยอมรับได้สักพัก แต่ก็มิได้โต้แย้ง เพียงถามต่อ “เส้นทางไหน?”
ฟอร์สตอบกลับ
“แม่มด! เอ่อ… เส้นทางนักลอบสังหาร”
“แม่มด… เชอร์แมนกลายเป็นแม่มดไปแล้ว…” ซิลเน้นย้ำกับตัวเอง
ทันใดนั้น เธอเพิ่มเสียง
“เธอกำลังถูกหลอกใช้รึเปล่า? ท่าไม่ดีแล้ว ฉันต้องไปตักเตือน!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ซิวหันหลังและออกวิ่งเต็มฝีเท้า พยายามไล่ตามรถม้าเช่าให้ทัน
ทว่า เธอหาเป้าหมายไม่พบแม้จะวิ่งผ่านถนนมาสองสามเส้น ราวกับเชอร์แมนและรถม้าอันตรธานหายไปในอากาศ
ซิลค่อยๆ ลดฝีเท้า จนในที่สุดก็หยุดนิ่ง มองไปยังถนนว่างเปล่าตรงหน้าด้วยอารมณ์ซับซ้อน
ด้านหลังเธอ ฟอร์สที่อาศัยการเดินผ่านกำแพงบ้านมาตรงๆ ในที่สุดก็ไล่ทัน
“หายไปแล้ว…” ซิลพึมพำ
ฟอร์สมองตรงไปข้างหน้า ตอบอย่างครุ่นคิด
“อีกฝ่ายไหวตัวทัน…”
โดยไม่รอให้ซิลตอบสนอง เธอหันกลับมาถอนหายใจ
“กลับกันเถอะ ไว้มองหาโอกาสอื่น”
ซิลไม่ขยับ ยังคงยืนนิ่งในตำแหน่งเดิม
ผ่านไปสักพัก เธอหันไปพูดกับฟอร์สที่กำลังทำหน้าฉงน
“ในเมื่อทางนั้นพบความผิดปรกติจากเรา พวกเขาจะเร่งแผนให้เร็วขึ้นไหม?”
“เป็นไปได้! ถ้าพวกเขาไม่อยากให้แผนตัวเองล้มเหลว มีโอกาสสูงมากที่จะลงมือในคืนนี้เลย เพราะพวกเรายังไม่มีเวลาเตรียมตัว!” ฟอร์สเห็นพ้องกับแนวคิดของซิล “พวกเราควรกลับไปที่บ้านไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด ซ่อนตัวและเฝ้าจับตามองต่อไป!”
ซิลพยักหน้ารับ ตอบโดยไม่ลังเล
“ตกลง”
…
เขตท่าเรือ ภายในโกดังที่เต็มไปด้วยสินค้า
เชอร์มาเน่กำลังนั่งบนลังไม้สกปรก มือไพล่หลังทั้งสองข้าง ผิวกายถูกรัดด้วยใยแมงมุมเส้นบางๆ ที่เหนียวมาก
คล้ายกับถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมล่องหน ทำไม่ได้แม้กระทั่งการส่งเสียงร้อง
“สถานการณ์ในตอนนี้เป็นผลดีกับเธอนะ” ทริสซี่ยืนเบื้องหน้าเชอร์มาเน่ ในมือกำลังถือลูกบอลไฟสีดำสนิท “อย่างน้อยก็จะได้พิสูจน์ว่า หมอนั่นรักเธอจริงๆ หรือแค่ลมปาก”
เชอร์มาเน่ทั้งโกรธและหวาดกลัว พยายามดิ้นรนอ้อนวอนทางสีหน้า แต่ทริสซี่ก็มิได้หวั่นไหว เพียงเลื่อนฝ่ามือที่ถือเปลวไฟสีดำลงมาทาบกับท้องเชอร์แมน
คล้ายกับเปลวไฟเหล่านี้มีชีวิต พวกมันแผ่ออกเป็นแผ่นคล้ายกระแสน้ำในตอนแรก พยายามแทรกซึมเข้าไปในผิวหนังและชั้นเนื้อ
ผมสีดำขลับและนุ่มสลวยของทริสซี่แหกกฎธรรมชาติ ลอยขึ้นไปในอากาศด้วยตัวเองราวกับมีมือล่องหนจำนวนมากคอยพยุง บรรยากาศรอบตัวเริ่มแผ่กลิ่นแปลกๆ ที่ยากอธิบาย
เส้นผมเหล่านั้นขยายขนาดจนเป็นเส้นหนา แยกออกไปทุกทิศทาง
สุดปลายเส้นผม ลำแสงลึกลับปรากฏขึ้นทีละจุด อัดแน่นด้วยอักขระคำสาป ก่อนที่จุดแหล่งเหล่านั้นจะไหลมารวมตัวกันและกลายเป็นเปลวไฟสีดำ แผ่ซ่านเข้าไปในท้องเชอร์มาเน่และเลือนหายไป
ใบหน้าของเชอร์มาเน่สั่นกระตุกอย่างมิอาจควบคุม แต่มิได้แสดงอาการเจ็บปวด คล้ายกับเป็นเพียงการตอบสนองของร่างกาย
เมื่อจิตใจของหญิงสาวเริ่มสงบ เธอพบว่าร่างของทริสซี่ในเดรสยาวสีดำ ค่อยๆ โปร่งใสและเลือนหายไป
รูม่านตาของเชอร์มาเน่เบิกกว้าง พยายามดิ้นรนสุดชีวิตอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีวิธีหลุดพ้นจากพันธนาการ
เธอพยายามซ้ำๆ หนแล้วหนเล่า ประหนึ่งโกดังเก็บของค่อยๆ ถูกน้ำท่วมสูงขึ้นทีละหนึ่งเซนติเมตร
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ประตูโกดังถูกเปิดออกจนชนผนังเสียงดัง
ร่างหนึ่งปรากฏกายขึ้น เป็นไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดในวัยกลางคน
มันมิได้ปรากฏตัวในสภาพปรกติ วิกผมสีขาวที่สวมประจำหายไป เผยให้เห็นศีรษะที่ค่อนข้างเถิกและมีเส้นผมสีดำพันกันยุ่งเหยิง คล้ายกับเพิ่งแห้งหลังจากตากฝน แต่ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เมฆในกรุงเบ็คลันด์เบาบางมาก พระจันทร์แดงส่องสว่างกึ่งกลางท้องฟ้า ไม่มีฝนตกแม้แต่หยดเดียว
บนใบหน้าที่ชัดลึกของไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด เม็ดเหงื่อจำนวนมากไหลตามร่องลงมาถึงคอ คล้ายกับมีด้ายสีดำบางๆ ถูกฝังอยู่ใต้ผิวหนัง
หลังค่อมเล็กน้อย กล้ามเนื้อบนใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาแฝงความเจ็บปวดและกังวล
กวาดตามองไปรอบๆ สักพัก เมื่อพบเชอร์มาเน่ มันเผยความสุขในตอนต้น ก่อนจะเผยความกังวลเล็กๆ ตามมา แต่จากนั้นก็พยายามเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก
เมื่อเชอร์มาเน่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในโกดัง ใบหน้าเธอพลันสดใสร่าเริง ประหนึ่งกำลังมีออร่าแสงสว่างแผ่ออกมา
จากนั้น เธอเผยสีหน้ากังวลเจือหวาดกลัว พยายามส่ายหัวอย่างยากลำบาก แต่ลำคอถูกรัดไว้ด้วยใยแมงมุมล่องหนอย่างแน่นหนา มิอาจขยับเขยื้อน
ความกังวลในใจเพิ่มพูนขึ้นทุกวินาที หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกจากดวงตาหยดแล้วหยดเล่า กระจ่างใสแต่เปี่ยมไปด้วยความเปราะบาง
ขณะไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดเริ่มเข้าใกล้ เสียงหนึ่งดังขึ้นระหว่างคนทั้งสอง
คล้ายกับที่นั่นมีกำแพงล่องหนกีดขวางอยู่ ส่งผลให้ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดมิอาจย่างกรายเข้าไปหาเชอร์มาเน่ที่ถูกพันธนาการ
“ถ้าต้องการถอนคำสาปและพาเธอกลับไป… จงตอบคำถามของฉันโดยไม่ปิดบัง” ทันใดนั้น ตรงมุมหนึ่งของโกดัง ร่างของสตรีถูกวาดขึ้น
ใบหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยเสน่หา ทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน เป็นราวกับใบหน้าในอุดมคติของเด็กหนุ่มวัยรุ่นทุกคน ไม่ใช่ใครนอกจากแม่มดทริสซี่
โดยไม่รอให้ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดตอบ หญิงสาวยกมือขวาพร้อมกับเสกเปลวไฟ
ตามใบหน้า มือ ลำคอ และผิวทั้งหมดของไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดพลันโปร่งใส เผยให้เห็นบรรดาเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมา
และในเส้นเลือดทุกเส้น เปลวไฟสีดำกำลังไหลเวียนอย่างเงียบงันประหนึ่งกระแสน้ำ
ความเจ็บปวดในดวงตาไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดเพิ่มพูนจนถึงขีดสุด แต่เพียงไม่นานก็หายไป
สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาเผยความเย้ยหยันเล็กๆ ราวกับผู้ที่ถูกสาปไม่ใช่ตน แต่เป็นทริสซี่ที่ยืนห่างออกไปไกล
ทริสซี่ตรงมุมโกดังถูกไฟสีดำคลอกร่างในพริบตา จากนั้น ใยแมงมุมที่มองไม่เห็นจำนวนมหาศาลโผล่ออกจากความว่างเปล่าและพันธนาการร่างของเธอโดยที่ไม่ถูกไฟเผา
ทริสซี่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับเชอร์มาเน่ทันที ถูกพันธนาการด้วยรังไหมล่องหนจนยากจะขยับตัว
ณ ช่องระบายอากาศด้านบนโกดัง ร่างหนึ่งถูกวาดขึ้นจากความว่างเปล่า เป็นสตรีที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาอายุ สวมเสื้อคลุมสีขาวเรียบๆ แต่ดูศักดิ์สิทธิ์ เส้นผมสีดำ ดวงตาสีฟ้า ดูงดงามและเลอค่า เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ยากจะอธิบาย
“คาร์เทอริน่า·เปลเล่…” ทริสซี่เปล่งเสียงอย่างไร้เรี่ยวแรง
ขณะเดียวกัน ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดจับร่างตัวเอง ดึงหุ่นมายาที่พันด้วยด้ายเพลิงสีดำออกมา
มันชำเลืองไปทางเชอร์มาเน่ด้านข้าง ก่อนจะหันไปยิ้มให้ทริสซี่
“หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความตาย ฉันไม่เคยประมาท หลังจากที่เจ้าไซเคสตาย ฉันก็รู้ทันทีว่าสักวันอาจถึงคิวของตัวเอง… หึหึ… นับตั้งแต่ที่เธอตามล่าฉัน หลายต่อหลายคนก็พยายามล่าเธอเช่นกัน พวกเราอดทนกันมาก ด้วยกังวลว่าเธอจะกลัวและเตลิดหนีไปก่อน จนกระทั่งสบโอกาสเข้าในวันนี้… นอกจากนั้น… ของขวัญที่เธอมอบให้… ชั้นหนึ่งเลย”
ได้ยินคำพูดของไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด เชอร์มาเน่ที่พยายามดิ้นรนมาสักพัก หยุดพฤติกรรมทั้งหมดของตัวเองทันที สีหน้าเหี่ยวเฉาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ดวงตาของเธอเบิกกว้างแต่ล่องลอย ราวกับกำลังจมลึกลงไปในทะเล
“ความรัก…” ทริสซี่หัวเราะในลำคอ ราวกับกำลังเย้ยหยันตัวเอง
เธอมิได้ตื่นตระหนกเลยสักนิด
…
คฤหาสน์เพลงกุหลาบ กลางดึกสงัด
หลังจากส่งแขกกว่ายี่สิบชีวิตเข้านอนและเตรียมจัดกิจกรรมล่าสัตว์ในวันรุ่งขึ้น ไคลน์ที่หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย กระตุกตื่นกะทันหัน
สัมผัสวิญญาณของมันถูกกระตุ้น ฉากขึ้นผุดขึ้นในนิมิตลางสังหรณ์
พลตรีโจนาส·โคลเกอร์ที่สวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาว แอบบินออกจากหน้าต่างและร่อนลงพื้นในลักษณะแหกกฎธรรมชาติ
อะไรกัน… เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย… แปลว่ามันมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์บางอย่างเช่นกัน… หลังจากชุดความคิดแล่นเข้ามาในหัวไคลน์ มันเปลี่ยนแมลงสาบจำนวนมากด้านนอกอาคารให้เป็นหุ่นเชิดและใช้ ‘ตา’ ของพวกมันในการสำรวจสภาพแวดล้อม
แทบจะในเวลาเดียวกัน โจนาส·โคลเกอร์ปรากฏขึ้นในการมองเห็นของแมลงสาบตัวหนึ่ง
หลังจากครึ่งเทพรายนี้ออกจากคฤหาสน์เพลงกุหลาบ มันทำการบิดเบือน ‘ระยะทาง’ และมาถึงริมฝั่งแม่น้ำทัสซอค ทำท่าเตรียมข้ามไป
แมลงสาบตัวหนึ่งกำลังเฝ้ามองอย่างเงียบงันโดยไม่ตอบสนอง
ดูเหมือนว่าจะมุ่งหน้าไปทางฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำทัสซอค… คิดจะทำอะไรกันแน่? รสนิยมที่ชื่นชอบล่าสัตว์ในเขตชานเมือง มีเพื่อกลบเกลื่อนการกระทำนี้? เฉกเช่นที่แนะนำให้เราซื้อคฤหาสน์เพลงกุหลาบ? ไคลน์ที่นอนอยู่บนเตียง พยายามวิเคราะห์พฤติกรรมของโจนาส
รอจนกระทั่งครึ่งเทพแห่ง MI9 เหยียบลงบนฝั่งทิศใต้ของแม่น้ำทัสซอค ไคลน์ฉุกคิดถึงบางสิ่ง
ย้อนกลับไปในตอนที่มันเคยหนีตายออกจากซากปรักหักพังใต้ดินที่มีอินซ์·แซงวิลล์และคนของราชวงศ์ ไคลน์โผล่ออกมาแถวๆ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเบ็คลันด์ และบริเวณดังกล่าวคือริมแม่น้ำทัสซอคฝั่งทิศใต้ที่อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์เพลงกุหลาบ!
………………………..