ช่วยให้ร่างกายถูกคุ้มครองโดยความฝัน ชะลอภัยอันตรายที่มาจากความมืด… นี่มันเหมือนกับการนอนในซากสมรภูมิแห่งเทพ…
แต่ว่า… พลังของความมืดในดินแดนเทพทอดทิ้งไม่น่าจะถูกควบคุมโดยเทพธิดา เพราะคนที่หายตัวไปในนั้น ไม่น่าจะถูกส่งเข้าไปยังหมู่บ้านสายหมอก… แล้วถูกส่งไปไหน? หรือว่ายังอยู่ในจุดเดิม แต่มิอาจปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างและแก่ตายหรือไม่ก็อดอาหารตาย? เมื่อได้ยินคำตอบจากอาโรเดส คล้ายกับไคลน์เริ่มเข้าใจบางสิ่ง
อย่างไรก็ตาม ไคลน์พบว่าวิธีนี้ไม่มีประโยชน์นัก เพราะพิธีกรรมเลื่อนลำดับของเดอะซันน้อยประกอบด้วยสามส่วน หนึ่ง แช่ตัวเองลงในน้ำแข็งที่ไม่ละลายตามปรกติ สอง ต้องอยู่ในความมืดบริสุทธิ์ และสาม ต้องดื่มโอสถขณะอยู่ในสภาพดังกล่าว การทำให้ตกอยู่ในความฝัน จะส่งผลให้เดอะซันน้อยมิอาจลงมือทำขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
อา… คงต้องรอให้เดอะซันน้อยปรึกษากับเจ้าเมือง จากนั้นก็นำแนวทางของอีกฝ่ายมาพิจารณา… ขณะเดียวกัน เราจะถามเลียวนาร์ดเกี่ยวกับวิธีสร้างความมืดที่มาพร้อมโลกแห่งความฝันชั่วคราว… ไคลน์พยักหน้ารับ เป็นนัยเข้าใจคำตอบจากกระจกวิเศษ
สำหรับวิธีแรก ยอมถูกกัดกร่อนและกลายเป็นสัตว์ประหลาด มันไม่มัวเก็บมาคิดแม้แต่น้อย – ในโลกของศาสตร์เร้นลับ สิ่งนี้เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย ไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาได้แน่นอน
เมื่อนึกคำถามอื่นไม่ออก ไคลน์ไตร่ตรองสักพักและกล่าว
“จะตามหาสูตรโอสถลำดับ 3 ของเส้นทางนักทำนาย ‘ปราชญ์โบราณ’ ได้จากที่ไหน?”
บนผิวกระจกบานใหญ่ แสงน้ำกระเพื่อมเล็กน้อยก่อนจะเผยฉากวังมืดที่ปราศจากแสงธรรมชาติ
สำหรับฉากนี้ ไคลน์ยังไม่ลืม และนึกออกทันทีว่าคำตอบคืออะไร
ที่นี่คือแหล่งกบดานของซาราธที่กลายเป็นสัตว์ประหลาด!
แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในวัง คราวนี้ไม่มีกลุ่มก้อนหนอนแมลงโปร่งใสขนาดใหญ่อีกต่อไป
ขณะรูม่านตาไคลน์กำลังเบิกกว้าง ข้อความสีเงินด้านล่างเขียนจบประโยค
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ซาราธหายไปแล้ว!”
“ข้าไม่เห็นเขาแล้ว!”
หายไปแล้ว… ไคลน์เกือบลืมหายใจ
มันพอจะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าซาราธฟื้นกลับมาได้ เพราะท้ายที่สุด สิ่งนี้คือผลลัพธ์ลูกโซ่จากการเปิดประตูภายในหมู่บ้านสายหมอก แต่มันก็ไม่คิดว่าผู้ทรงอิทธิพลรายนี้จะออกจากวังที่เคยหลบซ่อน!
แม้แต่ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสก็ยังมิอาจค้นหาที่อยู่… หมอนั่นกำลังวางแผนอะไร? ยิ่งไคลน์ครุ่นคิด มันก็ยิ่งเย็นสันหลัง
หลังจากกลายเป็นลำดับ 4 ครึ่งเทพ มันสามารถยืนยันได้หนึ่งสิ่ง
มันยังมิอาจควบคุมพลังที่รั่วไหลจากมิหมอกได้ดีพอ เมื่อพลังเหล่านั้นไหลซึมออกไปยังโลกความจริง ไคลน์ทำได้เพียงปกปิดออร่าของสายหมอกและความพิเศษ แต่ยังมิอาจยับยั้งกฎการดึงดูดของพลังพิเศษ เพราะมีการพิสูจน์บ่อยครั้งแล้วว่า เส้นทาง ‘นักทำนาย’ ‘ผู้ฝึกหัด’ และ ‘นักจารกรรม’ มักถูกดึงดูดให้เข้าหาสายหมอกโดยมือที่มองไม่เห็น และจากบรรดาทั้งหมด เส้นทางที่มีแรงดึงดูดชัดเจนที่สุดคือนักทำนาย!
นอกจากนั้น เรายังเป็นจอมเวทพิสดารที่น่าหลงใหลในสายตาอีกฝ่าย ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดหากสักวันหนึ่ง ซาราธจะมาเยือนเบ็คลันด์… ไคลน์ยังคงทำหน้านิ่ง กล่าวกับกระจกบานใหญ่
“เข้าใจแล้ว”
สำหรับภาพถัดไปที่ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสแสดงให้เห็น ไคลน์เองก็คุ้นเคยไม่แพ้กัน เพราะนั่นคือฉาก ‘ขุมทรัพย์’ ของตระกูลอันทีโกนัสบนยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส
ใต้ฉาก ข้อความสีเงินเขียนกำกับไว้ว่า
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ยังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่อีก แต่ข้าบอกไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทราบเพียงว่า ง่ายกว่าสองอย่างแรกพอสมควร”
คร่าวนี้ไม่มีสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส? นั่นสินะ สมุดบันทึกเล่มนั้นคงนำทางไปยังยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส ถือว่าอยู่ในหมวดเดียวกับข้อเมื่อครู่… แล้วอะไรคือสิ่งที่ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสมองไม่เห็น? พิจารณาจากความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเส้นทางนักทำนาย กำลังจะบอกว่า… ให้สวดวิงวอน? เทพธิดาคือมารดาแห่งความลับ หมายความว่า หากเทพธิดาไม่ต้องให้อาโรเดสเห็น อาโรเดสก็จะไม่ได้เห็น? ความคิดไคลน์เริ่มกระจัดกระจาย ก่อนจะกลับมารวมกันอีกครั้ง
แน่นอน มันไม่คิดว่าตนจะขอสูตรโอสถ ‘ปราชญ์โบราณ’ จากอีกฝ่ายได้ตรงๆ แบบนั้นจะดูไร้แก่นสารเกินไป เหมือนกับเด็กเล่นขายของ
พิจารณาจากประสบการณ์สมัยเหยี่ยวราตรี มันเชื่อว่าตนต้องสะสมคะแนนผลงาน จากนั้นก็ประกอบพิธีกรรมเพื่อขอสูตรโอสถ ‘ปราชญ์โบราณ’ จากเทพธิดารัตติกาลเป็นการแลกเปลี่ยน
สะสมคะแนนผลงาน… เป็นคำที่คุ้นเคยชะมัด… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ไตร่ตรองบางใส่ภายในใจ:
เห็นได้ชัดว่า เทพธิดาบอกใบ้วิธีสั่งสมผลงานมาแล้ว นั่นคือการสะสางปัญหาของนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียมให้เรียบร้อย!
แต่ไคลน์สงสัยว่า เทพธิดาอาจมีสูตรโอสถเส้นทางนักทำนายถึงแค่ ‘ปราชญ์โบราณ’ เท่านั้น ไม่มีของลำดับที่สูงกว่านี้ เพราะเทวทูตของตระกูลอันทีโกนัสมิได้ร่วงหล่นทันที แต่หนีกลับไปยังวังลับ กลายเป็นสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งในสภาพกึ่งผนึกตัวเอง นอกจากนั้น ไพ่เดอะฟูลก็ยังอยู่ที่นั่น มิได้ถูกนำออกไป
ในเวลาเดียวกัน ไคลน์ที่คิดจะถามต่อเกี่ยวกับร่างโคลนของอามุนด์ พลันฉุกคิดได้ว่า ภายในความทรงจำของครึ่งเทพในร่างหนู คนที่เตือนเกี่ยวกับครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม ไม่ใช่ใครนอกจากกระจกบานนี้!
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา ไคลน์หรี่ตาลงเล็กน้อย มองกระจกบานใหญ่พลางกล่าว
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน เจ้ากลับไปได้ ไว้มีเรื่องรบกวน เราจะเรียกอีกครั้ง”
“ขอรับ นายท่าน! บ๊ายบาย~ ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดส พร้อมที่จะรับใช้นายท่านทุกเมื่อ!” บนกระจกบานดังกล่าว เส้นแสงสว่างขึ้น วาดเป็นสัญลักษณ์คนโบกมือ
รอจนกระทั่งทุกอย่างสงบลง ไคลน์หันหลังไปหยิบกระดาษที่วาดสัญลักษณ์ ดีดนิ้วและปล่อยให้มันลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีแดง
ขณะขี้เถ้าร่วงกราว มันกางมือซ้ายออก เผยให้เห็นหนอนโปร่งใสสองตัวที่มีลวดลายลึกลับ
หนอนทั้งสองตัวดีดดิ้นอย่างอ่อนโยน พลังชีวิตของพวกมันทำให้ห้องนอนใหญ่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง แสงสว่างภายในห้องสลัวลง ก่อนจะสว่างจ้า สลับกันเช่นนี้อย่างต่อเนื่องแต่ไม่เป็นจังหวะ พวกมันคือหนอนวิญญาณที่ไคลน์แบ่งออกมา
ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์เหยียดมือขวาออก ตบใส่หนอนโปร่งใสทั้งสองตัว
ผ่านมือของมันหยุดค้างไว้สักพัก
จากนั้นก็ยกขึ้น ตบกลับลงไปใหม่และหยุดค้าง ทำซ้ำอีกหลายครั้งติดต่อกัน จนกระทั่งออกแรงตบครั้งสุดท้ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ท่ามกลางเสียงแตกหักมายา ไคลน์เกิดอาการชาในหัว
เป็นความรู้สึกคล้ายกับวิญญาณถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เจ็บปวดยิ่งกว่าถูกยิงแล้วกรีดซ้ำ
ไคลน์ใช้พลังตัวตลกเพื่อควบคุมการกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้า ผ่านไปสักพัก มันยกมือขวาขึ้นหน้าผาก พึมพำเงียบกับตัวเอง
ไม่ผิดจากที่คิด ความตายของ ‘หนอนวิญญาณ’ ทุกตัวทำสร้างความเสียหายแก่ร่างวิญญาณ… ขีดจำกัดในปัจจุบันของเราน่าจะเท่ากับหกตัว… อา… ตอนนี้คงต้องรอดูระยะเวลาในการฟื้นตัวก่อน…
โชคดีที่อยู่ในระดับพอทนไหว ไม่อย่างนั้น หากเผชิญหน้าการต่อสู้อันดุเดือดจนหุ่นเชิดถูกทำลาย ถ้าฟื้นฟู ‘หนอนวิญญาณ’ ไม่ได้จะถือว่าอันตรายมาก…
อา… แตกต่างจาก ‘หนอนกาลเวลา’ ของร่างโคลนอามุนด์ ‘หนอนวิญญาณ’ ของจอมเวทพิสดารจะไม่ตายเสมอไปในตอนที่หุ่นเชิดทุกทำลาย ส่วนใหญ่แล้วจะกู้คืนได้ทัน เพราะระยะห่างระหว่างร่างต้นกับหุ่นเชิดมีไม่มาก…
เมื่อยืนยันสถานการณ์และรอจนกระทั่งตะกอนพลังใน ‘หนอนวิญญาณ’ กลับคืนร่างกาย ไคลน์นำวัสดุมาวางอีกครั้งและประกอบพิธีกรรมถึงเดอะฟูล
หลังจากจัดการเสร็จไปทีละขั้นตอน ไคลน์ผลิตกระสุนสีเงินเข้มสองนัดจากซาก ‘หนอนวิญญาณ’ ทั้งสองตัว รวมถึงแท่งเงินสองแท่งและสัญลักษณ์สามมิติที่ซับซ้อนซึ่งคัดลอกมาจากใครบางคน – คนคนนั้นคือ ‘อสรพิษปรอท’ วิล·อัสติน
กระสุนเงินถูกสลักด้วยลวดลายลึกลับที่ยากอธิบาย ปลายทางของลวดลายดังกล่าวกระจุกตัวกันในบริเวณกึ่งกลาง สีทึบแต่ไม่มืด ใครก็ตามที่จ้องมองจะรู้สึกว่าความคิดเชื่องช้า
ไคลน์ดีดเหรียญทองคำขึ้นไปอากาศ ใช้พลังทำนายเพื่อตรวจสอบความสามารถของกระสุน
หากโดนยิง เป้าหมายจะกลายเป็นอัมพาตทันที!
สถานะดังกล่าวจะส่งผลแตกต่างกันไป อิงตามความแข็งแกร่งทางร่างวิญญาณของเหยื่อ ต่อให้เป็นลำดับ 3 ก็ยังต้องชะงักไม่ต่ำกว่าหนึ่งถึงสองวินาที!
เป็นพลังที่เราไม่มี… แน่นอน มันถูกสร้างด้วยความช่วยเหลือจากพลังของมิติหมอก… กระสุนสองนัดนี้คงอยู่ในระดับเดียวกับยันต์ ‘โจรปล้นดวง’ แม้ ‘หนอนวิญญาณ’ ของเราจะด้อยกว่า ‘หนอนกาลเวลา’ ขออามุนด์และพาลีส·โซโรอาสเตอร์ แต่อิทธิพลจากมิติหมอกในคราวนี้สูงกว่าการสร้างยันต์คราวก่อน… เราจะเรียกมันว่า… เอ่อ… กระสุนคุมวิญญาณ… ไคลน์หยิบลูกโม่ลางมรณะออกจากซองปืนใต้รักแร้ ตบโม่ออก บรรจุ ‘กระสุนคุมวิญญาณ’ สองนัดเข้าไป
จากนั้น มันนำกระดาษจดหมายมากางข้างแท่นบูชา ลงปากกาเขียน
“งานต่อไปของคุณก็คือ พยายามรวบรวมยันต์ระดับสูงและกระสุนพิเศษ… ขอให้พระองค์จงสถิตอยู่กับคุณ… จากคนที่เคยมอบคำสั่งให้คุณสามข้อ”
จดหมายฉบับนี้เขียนถึงแพทริค·เบรนแห่งนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่เทพมรณา
ในเมื่อมีลูกน้องอยู่ในมือ ทำไมต้องปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ? ไคลน์รำพัน พับกระดาษจดหมาย จากนั้นก็อัญเชิญผู้ส่งสารของแพทริค·เบรนข้างแท่นบูชา
บนผิวโต๊ะทำงาน เปลวไฟสีดำสนิทลุกท่วมอย่างน่าตกตะลึง จากนั้นก็รวมตัวกันกลายเป็นนกใสขนสีดำ
สัตว์วิญญาณตนนี้ชำเลืองมาทางไคลน์ ค่อยๆ ก้มหน้าลงและจิกกระดาษจดหมายขึ้นมา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายหายไป ไคลน์พยักหน้าและพึมพำกับตัวเอง
คู่ทำพันธสัญญาของแพทริคมีระดับไม่เลวทีเดียว…
มันรวบรวมสมาธิ นำกระดาษจดหมายออกมาอีกแผ่นและเขียนอย่างไหลลื่น
“ผมได้รับพรแห่งการปกปิดมาแล้ว คุณเริ่มมองหาสมบัติปิดผนึกเส้นทางนักจารกรรมได้เลย นอกจากนั้น ผมยังพบวิธีมองเห็นการปลูกถ่ายชะตากรรมแล้ว คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนี้”
“…ผมมีคำถาม คุณพอจะมีวิธีสร้างความมืดที่มาพร้อมโลกความฝันชั่วคราวหรือไม่?”
“…หากคุณมีเวลาว่าง ลองแวะไปที่ทิงเก็นสักครั้ง หาเรื่องยืม 3-0782 ออกมาทำภารกิจและสร้างกระสุนเพลิงสุริยันจากสิ่งนั้น ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันที่กลายพันธุ์ ด้านในมีเลือดศักดิ์สิทธิ์ของสุริยันเจิดจรัสบรรจุอยู่… หากมีกระสุนเพลิงสุริยัน โอกาสประสบความสำเร็จจะมากขึ้น สามารถต่อกรกับร่างโคลนของอามุนด์ได้ดีขึ้น”
……………………………………..