Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 982 : ‘จอมเวทพิสดาร’ VS ‘ปรสิต’

มองไปทางตำแหน่งสวน นิมิตของฉากในบริเวณดังกล่าวผุดขึ้นในใจไคลน์

ณ มุมมืดในจุดที่ถูกดอกไม้บดบัง หนูสีเทาจำนวนมากที่ดูคล้ายกับถูกผีสิง กำลังวิ่งวนไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่งพลางส่งเสียงร้อง ผลักพวกพ้องสายพันธุ์เดียวกันเข้าไปยังจุดใจกลาง

ในจุดใจกลาง หนูสีเทาขนาดเท่าแมวโลเอ็นชอร์ตแฮร์กำลังยืนสี่ขา ดวงตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด คล้ายกับการควบแน่นของก้อนเลือด

หางของมันสะบัดไปมาด้วยความเร็วสูง ราวกับต้องการขจัดความบ้าคลั่งออกไปด้วยพฤติกรรมนี้

และเมื่อหนูขนาดปรกติกรูเข้าไปใกล้ มันจะกางกรงเล็บออก จับเหยื่อและฆ่าให้ตาย ศพหนูตัวแล้วตัวเล่ากองรวมกันเต็มบริเวณ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้หนูขนาดปรกติตัวที่เหลือเลิกกรูเข้าหา

เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์เกิดความคิดสองเรื่อง

ประการแรก ‘นิมิตลางสังหรณ์’ ของตัวตลกที่ถูกยกระดับด้วยพลังของหมอกสีเทา ถือเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับจอมเวทพิสดาร เพราะนั่นจะทำให้ ‘มองเห็น’ ด้ายวิญญาณของเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เข้าควบคุมได้ง่ายขึ้น จริงอยู่ หากเหยื่ออยู่ในที่เปิดโล่ง การระบุต้นตอด้ายวิญญาณจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าสนามรบเป็นโครงสร้างอาคารที่ซับซ้อน หรือมีอาคารหลายหลังเรียงราย จอมเวทพิสดารที่ไม่มีความสามารถในการ ‘มองทะลุโครงสร้าง’ จะมิอาจจำแนกได้ว่าด้ายวิญญาณเส้นต่างๆ เป็นของใครบ้าง อยู่ไกลมากแค่ไหน แถมยังระบุตำแหน่งศัตรูได้ยาก เว้นเสียแต่เหยื่อจะมีพฤติกรรมเฉพาะเจาะจง แตกต่างจากคนอื่น แต่แน่นอน จอมเวทพิสดารหลายคนก็ไม่สนเรื่องนั้น ไม่สนว่าจะควบคุมเป้าหมายผิดหรือไม่ แค่ลงมือไปก่อนก็พอ

ประการที่สอง ครึ่งเทพในเส้นทางนักจารกรรมที่เป็นปรสิตในหนูตัวนั้นใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที ไม่เพียงแต่จะตัวใหญ่กว่าที่เคยเห็นในกระจกวิเศษอาโรเดส แต่สภาพปัจจุบันก็ยังไม่มั่นคง เต็มไปด้วยบรรยากาศดุร้ายและบ้าคลั่ง

โชคดีที่มาทัน หากปล่อยไว้อีกสองสามสัปดาห์ เกรงว่าคงได้เกิดโศกนาฏกรรม… ขณะกระแสความคิดมากมายแล่นผ่านสมองไคลน์ ด้านหน้าเริ่มปรากฏด้ายวิญญาณสีดำให้เห็น

ในเวลานี้ ระยะห่างของมันกับหนูกลายพันธุ์คือห้าสิบเมตร สามารถเข้าควบคุมด้ายวิญญาณได้ทันที!

ขณะเดียวกัน คล้ายกับหนูตัวใหญ่สัมผัสถึงบางสิ่ง รีบลุกพรวดพร้อมกับหันหน้าไปยังตำแหน่งครัว

ดวงตาสีแดงเข้มพลันส่องแสงวาบ ส่งผลให้ชายหนุ่มสวมหมวกผ้าไหมและสูทสีดำพลันชะงัก

มันทำการ ‘ขโมย’ ความคิดสำคัญของศัตรูในอีกสองวินาทีข้างหน้า ส่งผลให้หัวสมองอีกฝ่ายขาวโพลนทันที แผนการคลาดเคลื่อนไปทั้งหมด นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของลำดับ 5 นักชิงฝัน!

วินาทีถัดมา หนูสีเทายกอุ้งเท้าหน้าขึ้น พยายามขโมยพลังพิเศษของศัตรู

ด้วยระดับของมัน หากเป้าหมายอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน สามารถเลือกขโมยพลังพิเศษของเหยื่อได้มากที่สุดหนึ่งจากสามชนิด พลังจะคงอยู่นานสองชั่วโมง แน่นอน การขโมยหนึ่งครั้งจะได้รับพลังเพียงหนึ่งชนิด

ทันใดนั้น สติสัมปชัญญะของหนูยักษ์พลันหยุดนิ่งอย่างน่าประหลาด ท่วงท่าขณะเตรียมใช้พลังขโมย เกิดชะงักไปกะทันหันประหนึ่งถูกด้ายที่มองไม่เห็นพันธนาการแขนขา ร่างกายขยับอย่างเฉื่อยชา

มันถูกควบคุมด้ายวิญญาณขั้นต้นแล้ว!

การประสบความสำเร็จในการขโมยความคิดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ จนทำให้อีกฝ่ายชะงัก ทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตาของจอมเวทพิสดาร!

ก่อนจะเข้าควบคุมด้ายวิญญาณ ไคลน์ทำการเปลี่ยนตำแหน่งของตนกับ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูน และในเมื่อหุ่นเชิดไม่มีความคิด มันจึงไม่ได้รับผลกระทบพลังขโมยความคิด

สิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ จะถูกขโมยไปได้อย่างไร?

เพื่อจะตบตาครึ่งเทพของเส้นทางนักจารกรรม ไคลน์อาศัยพลังภาพลวงตาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ รวมถึงใช้หุ่นเชิดเอ็นยูนที่อยู่ในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ สวมรอยอย่างแนบเนียน

ปัจจุบัน ชายหนุ่มอยู่นอกคฤหาสน์กวางมูสของส.ส. มัคท์ ห่างออกไปราวห้าร้อยเมตร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มันหมดสิทธิ์ควบคุมด้วยด้ายวิญญาณ เพราะผู้ที่ใช้พลังเข้าควบคุมคือเอ็นยูน ไม่ใช่ร่างต้น ต้องไม่ลืมว่าจอมเวทพิสดารสามารถมอบพลังพิเศษให้หุ่นเชิดได้ รวมถึงพลังในการเข้าควบคุมด้ายวิญญาณและเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นหุ่นเชิดของตน!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่ติดข้อจำกัดด้านอื่น ‘จอมเวทพิสดาร’ สามารถยืดระยะการควบคุมด้ายวิญญาณ จากหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรเป็นอนันต์ ได้โดยการวางหุ่นเชิดของตัวเองไว้ทุกๆ หนึ่งกิโลเมตรและทำการส่งต่อพลังพิเศษไปเรื่อยๆ

แต่แน่นอน คำว่าไร้ขีดจำกัดไม่มีอยู่จริง ในแง่หนึ่ง ไคลน์ในปัจจุบันสามารถครอบครองหุ่นเชิดได้ไม่เกินห้าสิบตัว และในอีกแง่หนึ่ง สิ่งที่จอมเวทพิสดารมิอาจส่งต่อให้หุ่นเชิดได้ก็คือ ‘การตระหนักรู้ตนเอง’ ดังนั้น หากต้องการใช้หุ่นเชิดเพื่อควบคุมหุ่นเชิด ระยะทางไกลที่สุดก็ยังคงเป็นหนึ่งกิโลเมตรตามเดิม

หากมีหุ่นเชิดตัวใดอยู่นอกระยะควบคุมหนึ่งกิโลเมตร หุ่นตัวนั้นก็มิอาจขยับเขยื้อน

นอกจากนั้น แก่นแท้ของการส่งต่อพลังพิเศษของจอมเวทพิสดารก็คือ ‘หนอนแมลง’ ที่เป็นรูปลักษณ์ของร่างสัตว์ในตำนาน ทำโดยการปล่อยพวกมันเข้าไปในร่างกายหุ่นเชิดผ่านด้ายวิญญาณ หากไม่ได้เตรียมหนอนแมลงไว้ให้หุ่นเชิดล่วงหน้า หุ่นเชิดตัวนั้นจะมิอาจโอนถ่ายพลังของร่างต้นให้กับหุ่นเชิดที่มันกำลังควบคุม เพราะตัวหุ่นเชิดเองไม่สามารถผลิตหนอนแมลงได้

และในปัจจุบัน ไคลน์สามารถแบ่งหนอนแมลงได้ไม่เกินห้าสิบตัว หากมากกว่านี้ อาการทางจิตจะกำเริบ มิอาจรักษาให้หายถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหมอที่ดี หรือต่อให้มีหมอดี แต่ก็มิอาจรักษาให้กลับไปอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพิ่มอัตราการคลุ้มคลั่งในอนาคต

ดังนั้น จากที่ไคลน์ทดสอบ ระยะการเข้าควบคุมด้ายวิญญาณเหยื่อคือหนึ่งกิโลเมตรบวกหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร แต่หุ่นเชิดตัวใหม่ที่เกิดขึ้นจะต้องอยู่ภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรถ้วนจึงจะสามารถควบคุมได้ ในขณะเดียวกัน หากหุ่นเชิดตาย หนอนแมลงก็จะกลับมายังร่างต้นตามกฎการดึงดูดของพลังพิเศษ แต่ถ้าระหว่างนั้นถูกขัดขวาง ก็มีสิทธิ์ที่จะหายไปตลอดกาล

ขณะครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมกำลังเฉื่อยชา หนูตัวแล้วตัวเล่าโผล่ออกจากด้านข้าง ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ พวกมันล้วนเป็นหุ่นเชิด ทุกตัวต่างเล็งไปยังตำแหน่งของสวน เปิดปากกว้าง ยิงปืนใหญ่อัดอากาศเพื่อถล่มเป้าหมาย

ทันใดนั้น แสงในดวงตาหนูยักษ์พลันสว่างวาบ

เพียงพริบตา ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ ปรากฏตัวในมุมมืดของสวนดอกไม้ รายล้อมไปด้วยซากหนูตาย ส่วนครึ่งเทพของเส้นทางนักจารกรรม มันปรากฏตัวอีกครั้งภายในห้องครัว บนโต๊ะยาวที่เต็มไปด้วยสิ่งของ

มันขโมยตำแหน่งของเกอร์มัน·สแปร์โรว์!

ปัง! ปัง! ปัง!

ปืนใหญ่อัดอากาศจากปากหนูหุ่นเชิดระดมยิ่งอย่างไม่หยุดยั้ง ปะทะใส่ในจุดที่ ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์’ กำลังยืน เศษโคลนเศษเนื้อกระจัดกระจาย ดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานลอยขึ้นฟ้า สาวใช้และคนรับใช้ในเรือนหลักของคฤหาสน์ต่างพากันสั่นระริก เอาแต่ซ่อนตัวอย่างหวาดผวา

สวนดอกไม้ทั้งหมดถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลองด้วยปืนใหญ่อัดอากาศ หากไคลน์ไม่เจาะจงทำลายในจุดเดียว เกรงว่าคฤหาสน์ทั้งหมดคงถล่มลงมาแล้ว

ท่ามกลางฝุ่นตลบอบอวล ซากถูกกลายเป็นผุยผงโดยสมบูรณ์ แต่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ยังคงยืนในจุดเดิมอย่างมั่นคงและปราศจากบาดแผล

‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนระเบิดความโชคดีทั้งหมดที่สั่งสมมา!

ทว่า นั่นก็ทำให้การเข้าควบคุมด้วยวิญญาณหนูยักษ์ถูกขัดจังหวะ ภายในครัวเต็มไปด้วยกระจุกด้ายวิญญาณมากมายปะปนกัน เพราะที่นั่นเต็มไปด้วยหุ่นเชิดหนูสีเทา ชวนให้เกิดความสับสน ยากจะถ่ายพลังเข้าไปควบคุมอีกครั้ง

อาจารย์ของเฮเซล ครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม ฉวยโอกาสที่ได้รับอิสระคืนมา หมุนตัวกลับมาพร้อมกับยกอุ้งเท้าขวาเล็งไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ทำการขโมยความสามารถในการเข้าควบคุมด้ายวิญญาณ

สำหรับครึ่งเทพลำดับ 4 มันสามารถเลือกขโมยพลังได้ค่อนข้างแม่นยำ เพราะมีตัวเลือกมาให้ตัดสินใจถึงสามชนิด และยิ่งถ้าเข้าใจศัตรูมากเพียงใด โอกาสสำเร็จก็ยิ่งมีสูง โดยในคราวนี้ โชคเข้าข้างมัน

และแน่นอน หากเป้าหมายมีระดับต่ำกว่ามาก แถมยังรู้จักเป้าหมายเป็นอย่างดี ครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมสามารถขโมยพลังใดก็ได้ที่มันปรารถนา

เมื่อมันลดอุ้งเท้าขวาลง ครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมยกขาหน้าซ้ายขึ้นต่อทันที ส่งผลให้หุ่นเชิดหนูจำนวนมากนอนหงายลงไปกับพื้น จากจะพลิกตัวกลับมา

นี่คือพลังขโมยเป็นวงกว้าง มันทำการขโมยความสามารถในการเดินของหนูสีเทา!

ทันทีหลังจากนั้น ภายในดวงตาสีแดงเข้มของหนูยักษ์ สัญลักษณ์เวทมนตร์จำนวนมากปรากฏขึ้น

มันกำลัง ‘ถอดรหัส’ อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งพบตำแหน่งของร่างต้นไคลน์

ด้วยดวงตาที่ส่องแสง หนูยักษ์ยกขาขึ้นทั้งสองข้าง หายตัวมาโผล่ข้างๆ ไคลน์ในพริบตา

ในคราวนี้ สิ่งที่มันขโมยคือระยะห่างของทั้งคู่!

ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มหล่อเหลาหน้าเพรียวพลันอันตรธานหายไปจากการมองเห็นของหนูยักษ์ เพราะมันสลับตำแหน่งกับหนูสีเทาตัวหนึ่ง

ณ ต้นไม้รอบๆ แมลงจำนวนมากคลานออกมาพร้อมกับเปิด ‘ปาก’

ปัง! ปัง! ปัง!

ปืนใหญ่อัดอากาศกระหน่ำยิงเป็นชุด หวังทำลายหนูยักษ์และหนูสีเทาไปพร้อมกัน

ขณะไคลน์ควบคุมหุ่นเชิดภายในคฤหาสน์กวางมูส มันไม่ลืมที่จะเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัวให้กลายเป็นหุ่นเชิด เพราะนี่คือหลักการต่อสู้พื้นฐานของจอมอาคมพิสดาร พร้อมจะสลับตำแหน่งของตัวเองกับหุ่นเชิดตัวใดก็ได้ทุกเมื่อ เป็นการวางกับดักศัตรูที่ต้องการประชิดตัว!

ฝุ่นคละคลุ้ง เศษโคลนกระจัดกระจาย หนูยักษ์ที่ถูกครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมสิงร่าง ตกอยู่ท่ามกลางดงกระสุนอย่างมิอาจหลบเลี่ยง

หลังจากเหตุการณ์เริ่มสงบ กลิ่นเลือดคละคลุ้งแผ่ออกจากจุดที่เป็นเป้าโจมตี บริเวณดังกล่าวเต็มไปด้วยเศษเนื้อกระจัดกระจาย

ตายแล้ว? ไคลน์อาศัยการมองเห็นของหุ่นเชิดรอบๆ สำรวจจุดที่ถูก ‘วางระเบิด’

แต่เพียงไม่นานก็ขมวดคิ้ว เพราะมันไม่พบร่องรอยของตะกอนพลัง

ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์หยิบเหรียญทองออกมาดีดขึ้นฟ้า

ระหว่างเหรียญทองกำลังร่อนลง ฉากแล้วฉากเล่าปรากฏขึ้นในใจ นี่คือผลทำนายที่ได้รับจากวิญญาณดารา

เมื่อเทียบกับสมัยก่อน หลังจากกลายเป็นครึ่งเทพ ไคลน์สามารถได้รับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นด้วยการทำนายง่ายๆ และสะดวกสบายเช่นนี้!

………………………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset