Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 970 : พรสวรรค์ในการระดมทุน

หลังจากยืนมองเออร์เนส·โบยาร์เดินจากไปด้วยสีหน้ามึนงง เอ็มลินค่อยๆ เกิดความคิดถอดใจ

มันชำเลืองไปยังสายฝนโปรยปรายด้านนอกระเบียงกันสาด อดไม่ได้ที่จะขบคิด

เออร์เนสสมควรถูกลงโทษด้วยวิธีใด? จริงอยู่ที่เจ้านั่นอาจทำตามคำสั่งใครสักคน หรือไม่ก็ต้องการบอกใบ้ทางอ้อม แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังชั่วช้าอยู่ดี!

ส่วนลอร์ดนีบาส… ตอนนี้เรายังไม่มีพลังพอจะจัดการ ไว้เป็นมาร์ควิสหรือดยุคเมื่อไร เจ้านั่นจะต้องชดใช้ในเรื่องนี้!

มิสเมจิกเชี่ยนประจำความสำเร็จในการตรวจสอบปราสาท… เรายังสรุปไม่ได้ว่าคนของลอร์ดนีบาสที่กำลังจับตามอง ทราบเรื่องนี้แล้วหรือยัง… พิจารณาจากน้ำเสียงของเธอ รวมถึงคำอธิบายและข้อเสนอแนะจากมิสเตอร์ฟูล พวกมันน่าจะยังไม่ทราบ… หมายความว่าลอร์ดนีบาสมิได้ส่งคนไปเฝ้าปราสาท? เช่นนั้นแล้วจะทดสอบไปเพื่ออะไร? หรือตัดขัดด้วยปัญหาบางประการ?

ท่ามกลางความคิดอันหลากหลาย เอ็มลินอยากคุยกับใครสักคนเกี่ยวกับวิธีลงโทษเออร์เนส·โบยาร์ เพราะตนไม่มีประสบการณ์ในทำนองนี้มาก่อน

จากจิตใต้สำนึก ชื่อแรกที่แล่นเข้ามาในหัวมันคือมิสเตอร์แฮงแมน สมาชิกเก่าแก่แห่งชุมนุมทาโรต์รายนี้มีประสบการณ์ในเรื่องต่างๆ ไม่น้อย มีความน่าเชื่อถือ ไม่เคยทำให้สมาชิกคนอื่นผิดหวัง

หลังจากลังเลสักพัก เอ็มลินตัดสินใจตัดตัวเลือกนี้ทิ้ง เพราะเหตุการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับการทดสอบภายในตระกูลผีดูดเลือด การเปิดเผยให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์ทราบโดยที่ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัด จะถือเป็นการทำลายความภาคภูมิใจและภาพลักษณ์ของตระกูลผีดูดเลือด!

ด้วยเหตุผลเดียวกัน มันตัดเดอะเวิร์ลออกจากที่ปรึกษา

แน่นอน มันเดาได้ว่า มิสเตอร์เวิร์ลจะมอบคำแนะนำแบบใด:

เชือดแม่ง!

ไม่ต้องถึงขั้นนั้น… เอ็มลินรำพันในใจ เดินสะกดรอยเออร์เนส·โบยาร์อย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะนึกทบทวนรายชื่อที่ปรึกษาบนโลกความจริง

ทันใดนั้น มันพบว่าตนมีเป้าหมายให้เลือกไม่มากนัก เพราะมีเพื่อนแค่ไม่กี่คน

หากไม่นับพ่อแม่ที่เป็นผีดูดเลือดเหมือนกัน เหลือเพียงสองคนที่มันปรึกษาได้ หนึ่งคือบิชอปยูทรอฟสกี้แห่งวิหารฤดูเก็บเกี่ยว อีกหนึ่งคือ เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ นักสืบชื่อดังที่ช่องทางรวบรวมข้อมูลมากมาย

เชอร์ล็อกออกจากเบ็คลันด์และยังไม่กลับมา… เฮ่อ… ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปปรึกษาบิชอป… แต่เราคงเล่าออกไปตรงๆ ไม่ได้แน่… เอ็มลินคิดไวทำไว เดินผ่านเออร์เนส·โบยาร์ที่เข้าไปในร้านนาฬิกา จนกระทั่งถึงสุดปลายกันสาดริมถนนที่มีรถม้าหลายคันจอดรออยู่

ขึ้นรถเสร็จ สัมผัสการหมุนของล้อ เอ็มลินจ้องไปทางหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจ เห็นน้ำฝนตกกระทบกระจกอย่างต่อเนื่อง ไหลหยดเป็นทางยาว

ท่ามกลางสายตาที่พร่ามัว รถม้าคันหนึ่งแล่นผ่านมันไป

ออเดรย์ถอนสายตาออกจากฉากฝนตกด้านนอกหน้าต่างรถม้า ชำเลืองไปทางสาวใช้ส่วนตัว แอนนี่ ก่อนจะหันไปคุยกับซูซี่ที่กำลังนั่งยองอยู่ด้านข้าง

เธอส่งสายตา สีหน้า และภาษากายที่ไม่ประเจิดประเจ้อนัก:

พวกเราใกล้ถึงบ้านแล้ว ค่อนข้างประหม่า

ซูซี่ส่ายหาง ยกอุ้งเท้าขึ้น จัดระเบียบแว่นกรอบทองที่ห้อยอยู่ตรงลำคอ เมื่อผนวกเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในเชิงสีออร่า ทั้งหมดสามารถตีความได้ว่า:

ไม่ต้องกังวลเกินไป… มาดามเอสลันด์ที่ทำตัวเหมือนกับนักจิตบำบัดคนนั้น ความจริงแล้วเป็นแค่ ‘นักอ่านใจ’ ไม่สามารถมองเห็นคำโกหกของเธอได้

ออเดรย์พยักหน้ารับ เฝ้ามองรถม้าแล่นเข้าไปในคฤหาสน์สุดหรูของบ้านตระกูลฮอลล์ หยุดหน้าห้องโถง

นับตั้งแต่เข้าร่วม ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็น’ เธอใช้เวลาอยู่ที่บ้านน้อยลงมาก เดิมที เธอวางแผนจะนัดเอสลันด์ให้มาพบที่อาคารหมายเลข 22 ถนนเฟลป์ในเขตเหนือ แต่ในเมื่อมิสเตอร์ดอน·ดันเตสเดินทางลงใต้ ไม่ได้อยู่ที่สำนักงาน เรื่องนั้นก็ไม่มีความจำเป็น

ในห้องอ่านหนังสือส่วนตัวของเธอ ออเดรย์ได้พบกับสตรีผมดำยาวถึงเอว มาดามเอสลันด์·โอซิสเลก้าที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ หลังจากกลับถึงเบ็คลันด์ ฉันยุ่งอยู่กับการพบปะเพื่อนฝูง โดยในภายหลังตัดสินใจเข้าร่วมกองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา แทบไม่ว่างเลยจนกระทั่งนัดพบคุณในวันนี้” หลังจากสั่งให้ซูซี่คอยเฝ้าหน้าห้อง ออเดรย์คำนับอย่างสง่างามพร้อมกับเปิดเผยเหตุสุดวิสัย

ทั้งหมดคือสิ่งที่เธอจงใจ ลากการนัดพบให้นานออกมานับเดือน จากนั้นค่อยแจ้งว่าตนย่อยโอสถ ‘นักจิตบำบัด’ เรียบร้อยและเลื่อนลำดับเป็นนักสะกดจิตสำเร็จ แบบนี้จะดูสมเหตุสมผลกว่า เป็นความเร็วทัดเทียมกับอัจฉริยะทั่วไป

เอสลันด์ตอบเสียงเรียบ

“ดิฉันได้ยินว่า คุณกำลังตระเวนช่วยเด็กที่หิวกระหายความรู้ คุณงามความดีของคุณช่างเจิดจรัสยิ่งกว่าเพชรแท้”

ออเดรย์ส่งภาษากายเชิญให้อีกฝ่ายนั่ง พลางเดินไปทางโซฟาเดี่ยวพร้อมกับอืมในลำคอ

“สถานการณ์ของเด็กๆ เหล่านั้นเป็นสิ่งที่ดิฉันไม่เคยพบเจอมาก่อน… เสียงภายในใจร่ำร้องให้ดินฉันทำอะไรสักอย่างกับพวกเขา… มาดามเอสลันด์ หากคุณมีเวลาว่าง สามารถร่วมงานกับฉัน ตระเวนไปตามโรงเรียนต่างๆ พร้อมกับเจ้าหน้าที่กองทุน ไปเห็นด้วยตาว่าเด็กส่วนใหญ่ของอาณาจักรมีสภาพเช่นไร”

กล่าวถึงตรงนี้ เธอหัวเราะในลำคอ คล้ายกับตำหนิตัวเอง

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พักหลังดิฉันชอบเริ่มบทสนทนาด้วยหัวข้อนี้ เพราะอยากให้มีขุนนางและเศรษฐีร่วมกันทำความดีเช่นนี้ให้มากขึ้น เพิ่มเงินบริจาค จะได้ช่วยเด็กให้มาก”

หลังจากได้ยินคำพูดออเดรย์ เอสลันด์ตอบด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กๆ

“ดิฉันก็จะร่วมด้วย จะบริจาคเงินบางส่วนให้กับกองทุกการกุศลเพื่อการศึกษา”

“ผิดแล้วค่ะ ดิฉันมิได้ต้องการบังคับให้คุณบริจาค อยากให้เกิดจากความสมัครใจมากกว่า แค่หวังว่าคุณจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง จากนั้นก็นำสถานการณ์ปัจจุบันของเด็กเหล่านั้นไปเล่าให้คนรอบข้างฟัง รวมถึงสมาชิกของสมาคมแปรจิต” ออเดรย์ส่ายหน้า ปฏิเสธข้อเสนอของเอสลันด์

“ตกลงค่ะ” เอสลันด์พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นพ้อง ก่อนจะพบความนัยแฝงที่น่าเหลือเชื่อ:

มิสออเดรย์ตั้งใจจะระดมทุนจากสมาคมแปรจิต!

แต่นี่เป็นองค์กรลับของผู้วิเศษ!

ไม่ต่างอะไรกับการระดมทุนจากชุมนุมแสงเหนือ!

ออเดรย์เปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวต่อไปว่า

“มาดามเอสลันด์ ดิฉันมีบางสิ่งจะบอก”

“อะไรหรือคะ?” เอสลันด์พยายาม ‘อ่าน’ สีหน้าและภาษากายของอีกฝ่าย พบว่าออเดรย์กำลังเผยความสุขและความภูมิใจ

ออเดรย์ยิ้มและตอบ

“ฉันกลายเป็นนักสะกดจิตแล้ว”

“…” ทันใดนั้น เอสลันด์พลันรู้สึกราวกับถูกอีกฝ่ายสะกดจิต

แม้ว่าเธอจะทราบเรื่องที่มิสออเดรย์ได้รับสูตรโอสถนักสะกดจิตไปสักพักแล้ว แต่สักพักที่ว่าคือแค่ไหน?

“คุณคงตรวจสอบได้ว่าดิฉันมิได้โกหก” ออเดรย์ฉีกยิ้ม

เอสลันด์ได้สติกลับมา ซักถามอย่างประหลาดใจและสงสัย

“ได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดามาหรือ?”

“แค่กล้าลงมือทำ” ออเดรย์ตอบด้วยถ้อยคำที่จริงแสนจริง

เอสลันด์ขมวดคิ้ว ลังเลและกล่าว

“แล้วคุณต้องการสูตรโอสถลำดับ 5 เลยไหม?”

“ใช่ค่ะ ดิฉันต้องทำอย่างไร? จ่ายด้วยอะไร?” ออเดรย์มิได้เก็บซ่อนจุดประสงค์

เอสลันด์ชำเลืองสตรีผมทองเจ้าของใบหน้างดงามฝั่งตรงข้าม เรียบเรียงคำพูดและกล่าว

“สำหรับเรื่องนั้น ดิฉันไม่มีอำนาจตัดสินใจ… จะรายงานกลับไปยังเบื้องบน จากนั้นก็จะรีบนัดวันให้คุณ ได้พบกับฮิลเบิร์ดและสตีเฟ่นโดยเร็ว”

เธอกำลังหมายถึง ฮิลเบิร์ด·อลูคาร์ด นักจิตวิทยาและนักออกแบบเครื่องประดับ รวมถึงสตีเฟน·ฮันเพรส พ่อค้าเครื่องเรือน

ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ในกลุ่มสมาชิกสมาคมแปรจิต เอสลันด์มีตำแหน่งรองจากทั้งสอง

สำหรับท่าทีตอบสนองของอีกฝ่าย ออเดรย์มิดได้แปลกใจนัก แต่มิใช่เพราะเธอรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร้จุดบอด

สำหรับผู้วิเศษลำดับ 6 ที่ต้องการเลื่อนตำแหน่ง ทุกองค์กรลับล้วนมองเป็นสมาชิกคนสำคัญที่ต้องถูกจับตามอง ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ็ดโบสถ์หลัก จำเป็นต้องเรียกให้เข้าพบสมาชิกระดับสูงโดยตรง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากเลื่อนลำดับเป็นนักสะกดจิต ออเดรย์ได้กลายเป็นหัวกะทิในหมู่สมาชิกระดับกลางของสมาคมแปรจิตเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายถัดไปคือตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม จึงควรมีโอกาสได้เข้าพบเหล่าคณะกรรมการเป็นอย่างน้อย มิใช่คนอย่างฮิลเบิร์ดหรือสตีเฟ่น

หลังจากความคิดมากมายแล่นผ่าน ออเดรย์จงใจเผยสีหน้าขุ่นเคืองเล็กๆ

เอสลันด์จับความผิดปรกติดังกล่าวได้ จึงรีบอธิบาย

“กับฮิลเบิร์ดและสตีเฟ่น การเข้าพบคือการยืนยันสถานะของคุณ หลังจากนั้นคุณจะได้เข้าพบคณะกรรมการ… อันที่จริง ด้วยลำดับพลังในปัจจุบัน คุณต้องเป็นหัวหน้าหน่วยและคอยนำทีมออกปฏิบัติภารกิจ แต่ด้วยสถานะและตัวตนของคุณ ทางเราตัดสินใจยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าว จะได้ไม่กระทบกับชีวิตประจำวันของคุณเกินไป”

คณะกรรมการ… เรายังไม่ทราบว่าคณะกรรมการของสมาคมแปรจิตอยู่ในเบ็คลันด์กี่คน… อาจเป็นที่ปรึกษาของราชวงศ์ เฮอร์วิน·แรมบิส? ออเดรย์พยักหน้าพลางครุ่นคิด ก่อนจะกล่าว

“เข้าใจได้… ดิฉันจะรอการนัดหมายของคุณ”

เธอเปลี่ยนเรื่องทันที ลืมตาขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับถามด้วยสีหน้าฉงน

“มาดามเอสลันด์ ขอทราบได้หรือไม่ว่าโอสถลำดับ 5 ของเส้นทางผู้ชมมีชื่อว่าอะไร?”

เมื่อเห็นสตรีขุนนางผมทองตรงหน้าแสดงออกแบบเด็กๆ เอสลันด์ถอนหายใจโล่งอก

“ดิฉันเคยได้ยินฮิลเบิร์ดเรียกว่า ‘นักท่องฝัน’ ”

นักท่องฝัน… ผิดไปจากที่คิดนิดหน่อย… หรือว่า ‘ความฝัน’ เป็นเพียงการเปรียบเปรย แต่จริงๆ แล้วคือเป็นนักท่องจิตใต้สำนึก? ออเดรย์วิเคราะห์โดยไม่พยายามเก็บซ่อน ก่อนจะถามต่อในเชิงศาสตร์จิตวิทยา

หลังจากเลี้ยงอาหารค่ำเอสลันด์ ออเดรย์ส่งสตรีคนดังกล่าวออกจากห้องโถง มายังจุดขึ้นรถม้า

ปัจจุบัน ด้านนอกกำลังมืด สายลมส่งเสียงโหยหวน สายฝนกำลังโปรยปราย

ท่ามกลางฝนตกปรอย ท่ามกลางสายลมที่โหมกระหน่ำ ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด เรือโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยสองระบบ ทั้งใบเรือและไอน้ำ กำลังแล่นไปบนเส้นทางปลอดภัยของทะเลคลั่ง

ไคลน์ออกจากทวีปใต้แล้ว ปัจจุบันกำลังกลับไปยังอ่าวเดซีย์ในฐานะดอน·ดันเตส

ขณะเรือโคลงเคลง มันตื่นขึ้นกะทันหัน พลิกตัวและลุกออกจากเตียง เดินไปยังหน้าต่างห้องนั่งเล่นและมองออกไป

ภายในความมืดที่มีสายฝนโปรย เรือใบสามเสากระโดงขนาดมหึมาที่มีสีดำล้วนกำลังแล่นเข้าใกล้อย่างเงียบงัน

เป็นเรือใบที่รอบลำมีโคมไฟแขวน ใบเรือขนาดยักษ์สีดำสามผืนเด่นตระหง่าน ลำเรือยาวเกือบหนึ่งร้อยเมตร

และบนดาดฟ้า เก้าอี้หินสูงสามเมตรกำลังหันหลังให้ทางเข้าเขตห้องโดยสาร ปัจจุบันไม่มีใครนั่งอยู่

นี่คือ ‘เรือจักรพรรดิมืด’ ที่เป็นสัญลักษณ์ของ ‘ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร’ นาสต์!

…………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset