“บรรดาศักดิ์หลิวหลี ผู้คุมกฎสวรรค์ไม่ใช่คนขยันนักสินะ” หลิวหลีแขวะ แล้วพอบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนทำไมผมและตาถึงได้ต่างจากคนปกติทั่วไป ถึงจะเคยอยู่ในยุคสังคมก้าวหน้า แต่ในอนาคตปัจจุบันก็ไม่มีใครย้อมผมสีสายรุ้งใส่คอนแทคเลนส์สีรุ้ง นางลงแรงไปมาก ถึงจะสามารถเปลี่ยนผมและตาให้กลับมาเป็นสีดำได้ อย่างน้อยออกไปแบบนี้จะได้ไม่ทำคนตกใจ
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ได้เป็นจักรพรรดิเซียน” นี่คือภาพที่หลิวหลีเห็นหลังจากออกจากฌาน พวกเขาคุยกันแล้วว่าจะมารอนางที่นี่หรือ
“ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วมิใช่หรือ คู่ควรกับที่พวกเจ้าทุกคนรอข้าออกจากฌานหรือเปล่า?” หลิวหลีไม่ได้รู้สึกว่าตนเองหน้าหนาที่พูดเช่นนี้ จนทำให้พวกเขาไม่รู้จะตอบอย่างไร นายท่านของพวกเขายังคงไม่เหมือนใครเช่นเดิม
“แค่กๆ นายท่าน ท่านรู้หรือไม่ว่านอกจากท่านแล้ว ยังมีอีกสองคนที่บรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนเช่นกัน” อวิ๋นเฟยแสร้งกระแอมสองครั้งแล้วพูด
“มีอีกหรือเนี่ย หนึ่งในนั้นไม่ต้องพูดถึง ต้องเป็นสามีของข้าแน่ แล้วอีกคนล่ะ” หลิวหลีไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าสามีของนางต้องบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนแล้วเหมือนกัน
“ถูกต้อง หนึ่งในนั้นเป็นสามีของนายท่านจริง ได้บรรดาศักดิ์ว่า เวิ่นเทียน” อวิ๋นเฟยพยักหน้าเพื่อบอกว่าถูกต้อง หลิวหลีรู้สึกอยากก่ายหน้าผาก เอาชื่อมาเป็นบรรดาศักดิ์ นี่ผู้คุมกฎสวรรค์พยายามแล้วหรือ
“ส่วนบรรดาศักดิ์ของอีกคนแปลกออกไป บรรดาศักดิ์ซิงหวง พวกข้ากำลังเดากันอยู่ว่าจักรพรรดิเซียนซิงหวงเป็นใครกันแน่” อวิ๋นเฟยพูดด้วยความสงสัย
“อวิ๋นเฟย เจ้าบอกว่าบรรดาศักดิ์ของอีกคนคืออะไรนะ ซิงหวงหรือ” หลิวหลีได้ยินชื่อนี้ก็รู้สึกไม่ดีนัก เป็นหายนะอย่างที่คิดไว้จริงๆ กลัวว่านางจะลืมชื่อนี้ไปหรือ ถึงได้ตั้งบรรดาศักดิ์เขาว่าซิงหวง ตามหลอกตามหลอนนางจริงๆ
“ซิงหวง” อวิ๋นเฟยเห็นสีหน้านายท่านของตนก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่นักปรุงยาเจียงพูดนั้น ถูกต้อง นายท่านของพวกเขารู้จักชื่อนี้จริงๆ อีกทั้งดูจากสีหน้าเหลือเชื่อบวกกับราวเห็นวิญญาณของนาง ก็รู้เลยว่านายท่านของพวกเขารู้มากทีเดียว
“เฮ้อ เป็นวิญญาณตามหลอกตามหลอนจริงๆ ยังจะมีบรรดาศักดิ์ซิงหวงอีก” หลิวหลีไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“นายท่านรู้ว่าเป็นใครหรือ?” อวิ๋นเฟยเข้าใจในทันที นายท่านต้องรู้อะไรอยู่แน่
“ข้ารู้อยู่แล้ว นอกจากเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาแล้ว ทั้งโลกเซียนก็มีแต่ข้าเท่านั้นที่รู้” หลิวหลีถอนหายใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“ขุนนางเซียนตำหนักเวิ่นเทียนฟังคำสั่ง” สีหน้าของหลิวหลีเปลี่ยนไปและพูดอย่างจริงจัง
“นายท่านเชิญกล่าว” ทุกคนรับรู้ความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว น้อยครั้งที่นายท่านของพวกเขาจะสั่งด้วยสีหน้าจริงจังเช่นนี้
“คำสั่งข้าสองข้อ ข้อแรก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปอวิ๋นเฟยจะเข้ารับตำแหน่งเจ้าตำหนักเวิ่นเทียน คงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ตอนนี้ข้าเป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว ไม่เหมาะจะดำรงตำแหน่งเจ้าตำหนัก อีกทั้งยังไม่ยุติธรรมกับเจ้าตำหนักคนอื่นด้วย” หลิวหลีตัดบทอวิ๋นเฟยที่อ้าปากพะงาบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่นางบอกการตัดสินใจของตนเองแทน นางเป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว เจ้าตำหนักพวกนั้นยังดิ้นรนวนเวียนอยู่กับพลังบำเพ็ญเพียรในขั้นเซียนนภานพเก้าอยู่เลย หากนางบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนแล้ว แต่ยังเป็นเจ้าตำหนักเวิ่นเทียนอยู่ เจ้าตำหนักคนอื่นที่จิตใจไม่ค่อยแข็งแกร่งเหล่านี้อาจเกิดจิตมารได้
“ข้อที่สอง ทุกคนทำได้ดีมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากไม่มีเรื่องใหญ่โตก็ไม่ต้องออกไปนอกวังนภาเพลิง อยู่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรที่ตำหนักเวิ่นเทียนไป พยายามเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรของพวกเจ้า ภายภาคหน้าจะได้ช่วยรักษาชีวิตน้อยๆของพวกเจ้าได้” หลิวหลีพูดเรื่องที่สองด้วยความเคร่งเครียด พาลให้ทุกคนเสียวสันหลังกันหมด
“นายท่าน ที่ท่านกล่าวเช่นนี้เป็นเพราะจะมีหายนะใกล้เข้ามาใช่หรือไม่” อวิ๋นเฟยกลืนน้ำลายแล้วพูด
“ฉลาดนี่ พวกเจ้าอาจจะไม่รู้ว่าซิงหวงหมายถึงอะไร แต่ผู้บำเพ็ญเพียรที่บรรลุตามหลังข้ามาล้วนรู้กันดี ในโลกด้านล่างคำว่าซิงหวงหมายถึงภัยพิบัติ เป็นตัวแทนของหายนะ ผู้คนล้มตายมากมาย เฮ้อ ข้าไม่รู้เลยว่าในวันนี้พวกเจ้าเป็นสหาย วันต่อมาจะยังคุยเล่นกันได้อยู่หรือไม่” หลิวหลีพูดพลางถอนหายใจ
“นายท่าน ท่านต้องรายงานองค์จักรพรรดิหรือไม่” สวี่เซินเอ่ย
“ไม่จำเป็น เหล่าจักรพรรดิคงจะรู้สึกได้ เพียงแค่ไม่รู้ว่าหมายถึงสิ่งใดกันแน่ แต่ก็คงเตรียมตัวกันแล้ว อีกอย่างแม้ว่าข้าจะกล้ายืนยัน แต่คนอื่นไม่จำเป็นต้องเชื่อข้า ไม่แน่อาจจะกล่าวหาว่าพวกเราสร้างข่าวลือผิดๆก็เป็นได้” หลิวหลีเอ่ยพลางส่ายหน้า เรื่องนี้เป็นไปได้สูงมากทีเดียว
“ขอรับ นายท่าน พวกเราจะเตรียมตัวให้พร้อม” ทุกคนประสานเสียง
ณ วังนภาธารา หนานกงเวิ่นเทียนใช้ระยะเวลาแสนยาวนาน ในการเปลี่ยนเนตรเหมันต์ให้กลายเป็นสีดำ เมื่อรับรู้บรรดาศักดิ์ของตน เวิ่นเทียน ผู้คุมกฎสวรรค์ช่างเกียจคร้านเสียจริง
“นายท่าน ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินของท่านก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นจักรพรรดิเซียนเช่นกัน บรรดาศักดิ์หลิวหลี” อวิ๋นจูคารวะหนานกงเวิ่นเทียนพร้อมแสดงยินดี บอกว่าฮูหยินของเขาก็ได้เป็นจักรพรรดิเซียนเช่นกัน ช่างน่าอิจฉานัก
“ข้าพอเดาได้” น้องหญิงของเขาต้องบรรลุจักรพรรดิเซียนก่อนเขาแน่นอน
“แล้วก็ยังมีจักรพรรดิเซียนอีกท่านบรรดาศักดิ์ซิงหวง” อวิ๋นจูพูดเสริม
“เจ้าว่าบรรดาศักดิ์อะไรนะ?” ทำไมถึงเป็นชื่อนี้อีกแล้ว กว่าเขาจะลืมมันได้ช่างยากเย็น แต่พอพูดถึงก็ทำให้เขานึกถึงความทรงจำแย่ๆ ตามหลอกตามหลอนกันจริงๆ
“นายท่านบรรดาศักดิ์ซิงหวง” อวิ๋นจูย้ำ บรรดาศักดิ์นี้มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ เหตุใดนายท่านของพวกเขาถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ อ่านจากสายตาอีกฝ่านแล้วเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ถ่ายทอดคำสั่งข้าออกไป ตั้งแต่นี้ห้ามใครออกจากตำหนักหลิวหลี ให้เร่งฝึกฝนบำเพ็ญเพียร” หนานกงเวิ่นเทียนออกคำสั่งเป็นครั้งแรก แถมเป็นคำสั่งที่ชวนงุนงงเสียด้วย
ณ วังนภาสุวรรณ เยี่ยชิงขวงรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตน สายเลือดราชวงศ์นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ น่าเสียดายที่เขาดูดซับมาได้เพียงสามส่วนเท่านั้น ไม่รู้ว่าเจ็ดส่วนที่เหลือถูกใครดูดซับไป มิเช่นนั้นตนจะไม่ใช่แค่กลายเป็นจักรพรรดิเซียนแน่ เพื่อปกปิดอำพรางจึงทำได้เพียงเข้าฌาน ถึงจะสามารถเปลี่ยนสายเลือดในร่างกายให้เป็นสายเลือดราชวงศ์ได้ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าคนของเผ่ามารรัตติกาลจะอยู่ที่ไหนก็จะสามารถได้รับคำสั่งของตน แม้ว่าจะสายเลือดจะผสมผสานกันมากี่รุ่น ขอแค่มีบรรพบุรุษที่มีสายเลือดเผ่ามารรัตติกาลก็จะได้ยินคำสั่งของเขา แต่ทว่าบรรดาศักดิ์ซิงหวงของตนตอนนี้ ไม่เท่ากับเป็นการบอกสองสามีภรรยาคู่นั้นอย่างเปิดเผยหรือว่าตนเองเป็นใคร ผู้คุมกฎสวรรค์น่าสนใจนัก ใช้ชื่อในโลกเบื้องล่างเป็นบรรดาศักดิ์ให้กัน ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ไปเจอขุนนางเซียนของตนเองก่อนสักหน่อย
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่บรรลุความปรารถนา ความหวังที่เผ่ามารรัตติกาลจะได้ครองโลกเซียนอีกครั้งเริ่มเป็นรูปร่างแล้ว” ขุนนางเซียนรับรู้ได้ถึงพลังของสายเลือดราชวงศ์บนตัวของเยี่ยชิงขวง สิ่งนี้แหละ
“ข้ายังจำเป็นต้องเข้าฌาน สายเลือดในร่างยังแปรสภาพไม่สมบูรณ์” เยี่ยชิงขวงกล่าว
“นายท่าน นอกจากท่านแล้ว ยังมีจักรพรรดิเซียนอีกสองคน หลิวหลีแห่งวังนภาเพลิงและเวิ่นเทียนแห่งวังนภาธารา” ขุนนางเซียนบอก
“ข้ารู้ ขุนนางเซียนคอยจับตาดูเจ้าตำหนักทั้งสองนี้ไว้ให้ดี ข้ารู้สึกว่าสองคนนี้จะทำเรื่องของข้าพัง” เยี่ยชิงขวงกล่าว
“จะเป็นไปได้อย่างไร เป็นแค่จักรพรรดิเซียนธรรมดา จะเทียบกับนายท่านได้อย่างไร” ขุนนางเซียนไม่สนใจ ไม่มีใครสามารถต่อกรกับผู้ปกครองของเผ่ามารรัตติกาลขั้นจักรพรรดิเซียนได้
“จะประมาทไม่ได้ ความรู้สึกของข้าไม่มีทางผิด” เยี่ยชิงขวงส่ายหน้า ตอนที่อยู่โลกเบื้องล่างก็ถูกสองสามีภรรยาคู่ทำแผนการใหญ่พังมาก่อน