“จื่อฉี แม่ยายของเจ้าเป็นอะไร” หลิวหลีมองจักรพรรดินีนภาพฤกษาอย่างสงสัย ใบหน้าที่เหมือนโดนฟ้าผ่านั่นหมายความว่าอย่างไร นางแค่ไปผ่อนคลายเท่านั้น ผ่านไปแค่ครู่เดียว ทำไมทำหน้าทำตาแบบนี้
“ไม่มีอะไร อยู่ๆเจอท่านพี่เลยตั้งตัวไม่ทัน” จื่อฉีไม่รู้จะพูดอะไร จะว่าอย่างไรดีล่ะ ตั้งแต่นางหายตัวไป แม่ยายของเขาก็รู้สึกผิด จึงลองไปพูดคุยกับจักรพรรดิคนอื่น แต่กลับกลายเป็นว่า ท่านพี่ไปใช้ชีวิตหวานแหววกับพี่เขย แถมยังแผ่รัศมีความสุขออกมา ความรู้สึกผิดที่เต็มเปี่ยมในหัวใจของแม่ยายเขาคงจะหมดไปแล้ว แถมยังจะมาแสดงความรักกันแบบเปิดเผยเช่นนี้อีก
“อย่างนี้นี่เอง ใช่แล้ว จื่อฉี ข้าตัดสินใจจะลองออกไปหาดู นั่งรออยู่เฉยๆ เพลิงเซียนก็คงไม่มาหาเองหรอกจริงไหม” หลิวหลีเล่าความคิดของตนเอง หนึ่งก็คือ หูของนางจะได้สงบบ้าง สองก็เป็นตามที่นางพูด จะให้นั่งรออยู่เฉยๆไม่ได้ ต้องออกไปเสาะหา ในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีมากเพียงพอให้ไปทั่วโลกเซียน ว่ากันว่าถึงแต่ละดินแดนจะไม่ได้เชื่อมต่อกัน แต่ตรงกลางมีพื้นที่นิรนาม เคยมีคนเข้าไปแต่ไม่เคยมีใครได้กลับออกมา ทำให้นางสนใจพื้นที่แห่งนั้นอย่างมาก แต่นางย่อมไม่พูดถึง ไม่เช่นนั้นต้องมีคนไม่ยอมให้นางไปแน่
“ก็ดีเหมือนกัน น่าเสียดายที่ไม่สามารถออกไปเที่ยวเป็นเพื่อนท่านพี่ได้” จื่อฉีรู้สึกเสียดายน้อยๆ เพราะเขาเป็นจักรพรรดิเทพเซียนเร่งรัด จึงอยู่ด้านนอกนานๆไม่ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนเปิดเผยตัวตน
“วางใจเถอะ จื่อฉีมีเวลาก็อยู่กับมู่มู่ พาเหมียวเหมี่ยวไปเดินเล่นชมทิวทัศน์ในโลกเซียนเถอะ” หลิวหลีออกตัวว่าต่อไปยังมีเวลาเหลืออีกมาก
“ท่านพี่ พี่เขย ดูแลตัวเองด้วย” จื่อฉีกล่าว
“จื่อฉี เมื่อครู่ข้าเห็นภาพหลอนหรือเปล่านะ ข้าเห็นท่านพี่กับพี่เขยของเจ้านี่” แถมใบหน้าอิ่มเอิบ นางต้องเห็นภาพหลอนแน่ แล้วนางไปไหนแล้ว
“มิได้ขอรับ เมื่อครู่ท่านพี่กับพี่เขยอยู่จริงๆ แต่ตอนนี้ไปแล้ว นางบอกว่าจะออกไปหาเพลิงเซียนด้วยตัวเอง จะรอให้เพลิงเซียนมาหาเองไม่ได้” จื่อฉีบอกอย่างไม่เกรงใจ แม่ยายท่านไม่ต้องรู้สึกผิดแล้ว พี่สาวกับพี่เขยแสดงความรักต่อกันเสร็จก็จากไปแล้ว
“จื่อฉี อยู่ๆข้าก็นับถือพี่สาวแล้วก็พี่เขยของเจ้า” จักรพรรดินีทำหน้าไม่ถูก วิธีคลายเครียดของนางข่างพิเศษจริงๆ ในฐานะที่นางเป็นหญิงสาวที่อยู่ตัวคนเดียวมามาหลายแสนปี อยู่ๆก็รู้สึกอิจฉานังหนูหลิวหลีขึ้นมา
“พี่สาวกับพี่เขยเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด อีกทั้งเรื่องที่พวกเขารับปากต้องทำตามนั้นแน่นอน” จื่อฉีออกตัวแทนพี่สาวกับพี่เขยตนเอง
“ข้าเข้าใจ พวกข้าไม่ได้มีจิตใจกว้างขวางอย่างหลิวหลี” จักรพรรดินีถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
หลิวหลีออกมาจากดินแดนนภาพฤกษาแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าในใจของจักรพรรดินีคิดมากเพียงใด
ตอนนี้พวกเขากำลังก้าวขาเข้าสู่พื้นที่ที่อยู่ระหว่างดินแดนนภาพฤกษากับดินแดนนภาพสุธา
“น้องหญิง ข้ารู้สึกได้ว่าที่นี่มีต่างจากโลกเซียน” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว รู้สึกเหมือนมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งซ่อนอยู่ อีกทั้งไม่ใช่พลังในโลกเซียน
“ใช่ รู้สึกว่าพลังที่นี่เหนือกว่าที่โลกเซียน” ในใจของหลิวหลีมีความคิดบางอย่าง เหนือโลกเซียนน่าจะยังมีลำดับขั้น นางยังต้องพยายามต่ออีก
“น้องหญิง ดูเหมือนพวกเราจะไม่สามารถดูดซึมได้ พลังนี้อาจจะทำให้เราถึงแก่ชีวิต ข้าคิดว่าที่พวกผู้อาวุโสหายตัวไป คงไม่พ้นเป็นเพราะเรื่องนี้แน่” หนานกงเวิ่นเทียนคาดเดา
“ใช่แล้ว ดังนั้นท่านต้องอดทนไว้” หลิวหลีออกตัวว่านี่จะต้องเป็นบททดสอบอย่างแน่นอน เพื่อดูว่าตนเองทนแรงยั่วยุได้หรือไม่
“แน่นอน” ของนอกกายพวกนี้จะเย้ายวนเท่าฮูหยินของเขาได้อย่างไร แน่นอนว่าหนานกงเวิ่นเทียนย่อมไม่บอกนาง ไม่เช่นนั้นเขากลัวว่าเขาจะทนไม่ไหว
“ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่ามีสิ่งของบางอย่างกำลังเรียกข้า” หลิวหลีเดินไปสักพัก ก็สัมผัสได้เหมือนกับว่าจะเป็นพลังเซียนที่นางต้องการที่สุด หลิวหลียื่นมือออกมา แล้วจึงมีพลังกลุ่มกนึ่งลอยเข้าร่างนาง อืม สามารถดูดซึมได้ ถึงจะยากเย็นไม่น้อยแต่ก็ได้ประโยชน์ไม่น้อย
“ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเราค่อยๆเข้าไป พลังกลุ่มนี้ไม่มีที่มาที่ไป ต้องระมัดระวัง” เมื่อหนานกงเวิ่นเทียนได้ยิน ก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องเข้าไปที่นั่น จะต้องเป็นสิ่งของที่ฮูหยินต้องการ
“อืม รู้สึกได้ว่าพลังกลุ่มนี้ จะมีประโยชน์ต่อพวกเรามาก เพียงแต่เพราะข้อกัดในเรื่องระดับขั้นพลังจึงทำให้ไม่สามารถดูดซึมได้ ท่านพี่ ท่านว่าจะใช่พลังเทพหรือเปล่า” หลิวหลีคาดเดา
“พลังเทพหรือ?” ทำไมอยู่ๆ ภรรยาของเขาจึงมีความคิดเช่นนี้
“อืม รู้สึกเหมือนจะใช่ เพราะระดับขั้นสูงส่งเกินไปจึงทำให้ดูดซึมไม่ได้ เพราะเมื่อครู่ข้าลองดู ถึงจะแข็งแกร่งแต่ก็ยังสามารถดูดซึมได้ อีกทั้งยังทำให้พลังเพิ่มขึ้นไม่น้อย” หลิวหลีพูดจบ ก็พบว่าอุณหภูมิรอบตัวลดลง เอ่อ จบกัน สามีนางโมโหแล้ว
“น้องหญิง เมื่อครู่เจ้าทำเรื่องอันตรายอีกแล้ว” คำพูดของหนานกงเวิ่นเทียนทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บ
“ท่านพี่ต้องกล้าท้าทาย เพียงนิดเดียวเท่านั้น” หลิวหลีจับผมตัวเองแล้วเปรียบเทียบ
“น้องหญิง ครั้งหน้าจะวู่วามไม่ได้” อากาศกลับมาอบอุ่นเช่นเดิม
“รู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าแค่ลองดูเท่านั้นเอง” หลิวหลีเห็นหนานกงเวิ่นเทียนหายโมโห จึงรีบแนะนำ
หนานกงเวิ่นเทียนลองดูดเสี้ยวพลังเข้าไปในร่างกาย ทันใดนั้นเองภายในร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง หนานกงเวิ่นเทียนรีบปรับความสมดุลภายในร่างกาย หงส์น้อยในร่างกายกลับต่อต้านเศษเสี้ยวพลังนี้ อ้าปากแล้วกลืนมันเข้าไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็คลายพลังเซียนที่บริสุทธิ์ออกมา หนานกงเวิ่นเทียนก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังเซียนในร่างกาย
“มีพัฒนาการ” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นหลิวหลีมองตนเองตาค้าง ราวกับอสูรตัวน้อย ยกมุมปากแล้วเอ่ยออกมา
“ดีเหลือเกิน ท่านพี่ พวกเราลองกันไปเรื่อยๆ พออเต็มเปี่ยมแล้วก็ย่อยสลายก่อน แล้วค่อยทำอีก” หลิวหลีกล่าวสะสมพลังช้าๆ ไปเรื่อยๆ สุดท้ายจะอาศัยจำนวนเพิ่มคุณภาพได้
“ลองดูได้” หนานกงเวิ่นเทียนอนุญาต
หากโลกภายนอกล่วงรู้เข้า ทุกคนต่างต้องพากันคิดว่าสามีภรรยาคู่นี้เป็นคนบ้าแน่
สามีภรรยาที่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นบ้า กำลังฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอย่างบ้าคลั่ง ข้างนอกก็กำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
หลิวหลีค่อยๆพบว่าจากตอนแรกสุดที่ตนเองดูดซึมได้เพียงเส้นผมเท่านั้น จนตอนนี้ดูดซึมได้จำนวนเท่ากับเส้นผมสิบเส้น และกลายเป็นขนาดเท่าเม็ดถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา สุดท้ายมีขนาดเท่ากับลูกปิงปอง หลิวหลีพบว่าดูเหมือนว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในร่างกายตนเอง มีพลังเซียนบางส่วนกลายเป็นพลังนิรนาม แต่พลังกลุ่มนี้กลับแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีพลังทำลายล้างสูง หลิวหลีรู้สึกว่าไม่ได้แย่ไปกว่าเพลิงเซียนเลย หนานกงเวิ่นเทียนก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน
“ท่านพี่ พลังนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง หากใช้ให้ดีต้องเป็นของดีแน่” หลิวหลีกล่าว อีกทั้งนางยังพบว่าพลังนี้ถูกปราณกำเนิดเซียนของนางดูดซึมเข้าไปเรียบร้อยแล้ว และแล้วรูปร่างปราณกำเนิดเซียนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
“ใช่ รู้สึกว่าปราณกำเนิดเซียนมีความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกว่าปราณกำเนิดเซียนภายในร่างกายของตัวเองออกจะน่ากลัวทีเดียว
“ใช่ ท่านพี่ ข้ารู้สึกเหมือนร่างกายจะสามารถรับพลังนี้ไหว แต่ไม่เวลาไม่นานนัก พวกเราลองเข้าไปดู” หลิวหลีกล่าว เสียงนั้นใกล้เข้ามา มีความรู้สึกยินดี
“ไปกันเถอะ”
เริ่มจากยื่นมือเข้าไปก่อน แล้วจึงพุ่งทะลุเข้าไป เคลื่อนตัวไปมาอยู่ในกลุ่มพลังสักพัก เดินไปมาอยู่นาน ในขณะที่ร่างกายกำลังจะรับไม่ไหว ในที่สุดก็มาถึงแล้ว