“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร” สวีชิงเฟิงพูดตะกุกตะกัก นี่คือแม่นางฮว่าแห่งจวนฮว่ากั๋วกงที่เป็นเพื่อนสนิทกับน้องหรือพี่สะใภ้รองของเขานี่นา ทำไมถึงได้กลายเป็นแม่นางหยางไปได้ และที่สำคัญก็คือ! ทำไมนางถึงบังเอิญไปอยู่ตรงนั้นและได้ยินสิ่งเขาพูดด้วย!
เห็นท่าทางขัดใจของสวีชิงเฟิง เยี่ยหลีกับฉินเฟิงก็แอบสบตากัน ฉินเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องสาม เจ้ารู้จักนางไหม”
“คือ…” สวีชิงเฟิงรู้สึกอยากลำบากเล็กน้อย “เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองหลวง…เคยเจอกันสองสามครั้ง”
เยี่ยหลียิ้ม เอ่ย “อย่างนี้นี่เอง เรื่องนี้ไม่สำคัญ เทียนเซียงไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้น เอาไว้กลับไป ข้าไปขอโทษแทนพี่สามก็ได้ แต่ว่า…ท่านป้ารอง ในเมื่อท่านพี่ไม่ได้รู้สึกไปในทางนั้น เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ แม้ในตอนนี้แม่นางหยางจะมาพักที่จวนติ้งอ๋องชั่วคราว แต่ในเมื่อนางกับซิวเหยาถือว่ามีความสัมพันธ์กันมายาวนาน เราก็อย่าบังคับแม่นางเลย”
สุดท้ายนี่ก็คือลูกแท้ๆ ของนาง สวีฮูหยินรองจะมองไม่เห็นความผิดปกติของสวีชิงเฟิงได้อย่างไร เหลือบสายตาไปมองเยี่ยหลี ก่อนจะยิ้มกว้าง “หลีเอ๋อร์ เรื่องนี้บุ่มบ่ามเกินไป ข้าเห็นว่าพี่สามของเจ้าจะออกเดินทางไกลจึงร้อนรนแล้วทำเกินไปน่ะ เจ้าบอกกับแม่นางหยางให้ดีๆ ไว้วันหลังข้าจะไปขอโทษนางด้วยตัวเอง ลูกไม่รักดีของข้า…ช่างเถอะ ข้าก็คร้านจะสั่งสอนเขาแล้ว”
“ท่านแม่…” สวีชิงเฟิงมองประตูที่ไร้เงาของคนคนนั้นแล้วอย่างร้อนใจ เห็นสีหน้าสบายใจของแม่ตนเองก็อดไม่ได้ที่ ร้อนอกร้อนใจจนหน้าแดงก่ำ สวีฮูหยินรองหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากอย่างแน่นิ่ง หันข้างไปพูดกับสวีฮูหยินใหญ่ “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเห็นเจ้าลูกเนรคุณคนนี้แล้วก็โมโห เรากลับกันเถอะ”
สวีฮูหยินใหญ่มองสวีชิงเฟิง ปิดปากยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าพลางเอ่ย “ก็ดี เดี๋ยวเราออกเมืองไปเยี่ยมท่านใหญ่กับพวกอวี้เฉินและรุ่ยเอ๋อร์ รับลมเย็นๆ นอกเมืองดีกว่าอึดอัดอยู่ในบ้าน”
สวีฮูหยินรองยิ้ม เห็นด้วย “พี่สะใภ้ใหญ่พูดถูก พวกเรากลับกันก่อนเถอะ เจิงเอ๋อร์เจ้ากลับช้าหน่อยก็ได้ จะได้ไปขอโทษแม่นางหยางแทนข้าด้วย”
ฉินเจิงยิ้มเบาๆ ก่อนพูดด้วยความดีใจเล็กๆ “เจิงเอ๋อร์เข้าใจแล้ว จะทำตามความต้องการของท่านป้า ท่านแม่กลับดีๆ นะคะ”
เมื่อส่งฮูหยินทั้งสองกลับแล้ว ฉินเจิงและเยี่ยหลีสบตากัน หันไปมองสวีชิงเฟิงที่คอตกอยู่ด้านข้าง เยี่ยหลีกระพริบตา เดินไปอยู่ข้างหน้าสวีชิงเฟิงพลางยิ้มตาหยี “พี่สาม ไหนพูดมาซิว่า รู้จักรั่วหวาได้อย่างไร”
“รั่วหวาหรือ” สวีชิงเฟิงงุนงง
เยี่ยหลีเลิกคิ้ว สวีชิงเฟิงถึงได้สติกลับมา สีหน้าเบิกบานที่นานๆ ทีจะเผยความกระอักกระอ่วนและเขินอายออกมา มองเยี่ยหลีและฉินเจิงที่แอบยิ้มอยู่ในใจ
“เอ่อ…เคยเจอกันที่เมืองหลวงสองครั้งจริงๆ อีกอย่าง สองวันก่อนข้ากลับมาที่จวนติ้งอ๋องครั้งหนึ่งไม่ใช่หรือ เฟิ่งซานขอให้ข้ามาส่งของบางอย่างให้กับอาจารย์เสิ่น จากนั้นก็เห็นนาง…อยู่ที่ห้องของอาจารย์เสิ่นกับอู๋โยว…” สวีชิงเฟิงมองเยี่ยหลีอย่างกลัดกลุ้ม “หลีเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้า…ข้าไม่รู้ว่านางคือแม่นางหยางนะ หากข้ารู้…”
เยี่ยหลียิ้มตาหยีมองเขา ก่อนจะถาม “หากพี่สามรู้จะเป็นอย่างไรหรือ”
สวีชิงเฟิงก้มหน้า เงียบไปชั่วครู่ ทว่าก็ส่ายหน้าอย่างท้อแท้ “ช่างเถอะ ไม่มีอะไร เช่นนั้น…พวกเจ้าช่วยไปขอโทษฮว่า…แม่นางหยางแทนข้าด้วยนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ”
ฉินเจิงมองเยี่ยหลีอย่างสงสัย ไม่ค่อยเข้าใจว่าเพราะอะไรสวีชิงเฟิงถึงเปลี่ยนใจกะทันหันอย่างนี้ เยี่ยหลียิ้ม เอ่ย “ไปขอโทษด้วยตัวเองไม่จริงใจกว่าหรือ” สวีชิงเฟิงส่ายหัว “ช่างเถอะ แม่นางหยางเป็นผู้หญิงในเรือนสตรี จู่ๆ ข้าก็เข้าไป จะทำให้นางเสียหายเอา ข้าไปก่อนนะ หลีเอ๋อร์ พี่สะใภ้รอง”
เห็นสวีชิงเฟิงหันกลับไป เยี่ยหลีหรี่ตายกมือขึ้นหยุดยั้งสวีชิงเฟิง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “พี่สาม ท่านกลัวว่าตนเองจะออกศึกแล้วเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น จะทำให้แม่นางเสียเวลา เช่นนั้นท่านไม่กลัวหรือว่าหากท่านมีชีวิตรอดกลับมา แม่นางแต่งงานมีสามีไปแล้ว” สวีชิงเฟิงมองเยี่ยหลีด้วยความตกใจ เยี่ยหลียิ้ม เอ่ย “ทุกเรื่องล้วนมีทางแก้ไข ไปอธิบายให้เทียนเซียงเข้าใจ คนในจวนติ้งอ๋องไม่ชอบพูดจาเรื่อยเปื่อย เป็นเด็กดีนะ…”
ใบหน้าหล่อเหลาของสวีชิงเฟิงแดงก่ำขึ้นมาโดยพลัน กระทั่งถอยออกไปหลายก้าวพลางจ้องเยี่ยหลี “หลีเอ๋อร์…”
เยี่ยหลีจูงมือฉินเจิงพลางโบกมือให้เขา “รีบไปเถอะ ข้ากับเจิงเอ๋อร์ยังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีก ไม่มีเวลาว่างมาจัดการปัญหาให้ท่านพี่ หากวันนี้ไม่มีใครไปขอโทษนาง แม่นางเขาเสียใจไม่แน่นะ…” สวีชิงเฟิงหน้าซีดเผือด หันตัวกลับแล้วรีบเดินออกไป
ด้านหลัง หญิงสาวสองคนสบตากัน ก่อนจะกุมท้องและหัวเราะออกมา
“หลีเอ๋อร์ เจ้าแกล้งพี่สามเช่นนี้…” เมื่อหัวเราะจนพอแล้ว ฉินเจิงเช็ดน้ำตาพลางส่ายหน้า เยี่ยหลียักไหล่อย่างจนปัญญา เอ่ย “ข้าแกล้งเขาที่ไหนกันเล่า พี่สามดูเป็นคนสดใส แต่นิสัยซื่อสัตย์กว่าพี่รองเสียอีก หากข้าไม่พูดเช่นนี้ ไม่แน่เขาอาจจะซ่อนความรู้สึกนี้แล้วเดินทางไปไกล พอเขากลับมาหากเทียนเซียงมีคู่แล้วจริงๆ เขาจะไม่ร้องไห้ตายเลยหรือ”
“ตัวยังอยู่ในพะวัง น้องสามถึงได้ทำลายตัวเองก่อน รอให้เขาได้สติกลับมา…”
“เขาจะกล้าทำอะไรข้า” เยี่ยหลีเชิดหน้าพลางยิ้ม พี่สามสู้นางไม่ได้หรอก! อีกทั้งหากสำเร็จ พี่สามสิต้องขอบคุณนาง
ในเรือนของแขกแห่งจวนติ้งอ๋อง ในลานกว้างและเงียบสงบ ฮว่าเทียนเซียงนั่งอยู่คนเดียวข้างแปลงดอกไม้ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง นางไม่ได้คิดมากกับคำพูดของสวีชิงเฟิง ในเมื่อนางก็พอจะรู้จักรสนิยมของคุณชายจากตระกูลสวีมาบ้าง ไม่อย่างนั้นเมื่อตอนที่ท่านป้าบอกความต้องการของสวีฮูหยินรอง นางก็คงไม่เห็นด้วย ตอนเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นก็รู้แล้วว่า สวีชิงเฟิงถูกสวีฮูหยินรองบังคับ จนพูดไม่คิดไปแล้ว
แม้รู้ว่าสวีชิงเฟิงไม่ได้มีความเห็นอะไรกับตัวนางเอง ทว่าแม่นางคนหนึ่งถูกคนอื่นรังเกียจเช่นนี้ จะบอกว่าไม่โกรธเลยแม้แต่น้อยก็คงเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยตอนนั้น นางก็นำหนังสือเล่มหนาขว้างใส่เขาไปแล้วอย่างไม่ลังเล น่าเสียดายที่ไม่ได้โดนหน้าของสวีชิงเฟิง!
เจ้าคนแซ่สวี! อย่าให้เจ้ามาตกอยู่ในกำมือของข้านะ!
สวีชิงเฟิงกระโดดลงไปที่สวนอย่างเงียบๆ จากกำแพง พอดีกับตอนที่หญิงสาวดวงหน้างดงามแช่มช้อยกำลังออกแรงฉีกดอกไม้ ก็หดคออย่างอดไม่ได้ เขาไม่ได้โง่จริงๆ เสียหน่อย ไม่ลังเลเลยว่าในใจของหญิงสาวตอนนี้ต้องคิดว่ากำลังเด็ดคอตนเองอยู่แน่ๆ
“อะแฮ่ม…” เขากระแอม สวีชิงเฟิงมองฮว่าเทียนเซียงที่หันมามองตนอย่างตกใจ ด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนที่ใบหน้าได้รูปจะตึงเครียดแล้วหันตัวเดินจากไป
“เอ่อ…ฮว่า แม่นางหยาง!” สวีชิงเฟิงรีบพูด
ฮว่าเทียนเซียงหันหน้ากลับไป มองเขาอย่างเย็นชา เอ่ย “คุณชายสวีสาม มีสิ่งใดจะชี้แนะหรือ”
สวีชิงเฟิงเดินไปข้างหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนจะเอ่ย “คำพูดเมื่อครู่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แม่นางโปรดอภัยให้ด้วย” ใบหน้างดงามของฮว่าเทียนเซียงเผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นแต่คงความเพริศพริ้ง “คุณชายกล่าวเกินไปแล้ว ข้าน้อยเป็นเพียงผู้หญิงขี้โมโห รักสวยรักงามที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ใครจะกล้าหาเรื่องคุณชายสามกันเล่า”
“แม่นางหยาง…” มองดูแม่นางใบหน้าได้รูปและเย็นชาตรงหน้า สวีชิงเฟิงรู้สึกเพียงว่าทำอะไรไม่ถูก ตื่นเต้นยิ่งกว่าต้องออกรบจริงๆ เสียอีก รู้สึกเสียใจอย่างมากที่ตนนั้น คารมคมคายได้ไม่เท่าพี่ใหญ่ น้องสี่และน้องห้าของตัวเอง อย่างน้อยควรมีใบหน้าตายด้านเหมือนพี่รองที่แม้ภูเขาจะระเบิดตรงหน้า สีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยน เขาไม่รู้แม้กระทั่งตอนนี้ตนเองหน้าแดงหรือไม่