หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 340 พบกันใหม่ที่เมืองเฟิ่ง (3)

ตอนที่ 340 พบกันใหม่ที่เมืองเฟิ่ง (3)

เหล่าสาวใช้รีบยกอ่างอาบน้ำมาแล้วเตรียมน้ำร้อน ด้านในกลับยังเป็นกลีบดอกไม้ที่ดูแปลกตาลอยอยู่

คุณหนูเหยาที่แช่ในอ่างก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นนางก็ยื่นมือไปหยิบกลีบดอกไม้มาสูดดม แล้วก็เอ่ยถามด้วยความฉงนสงสัย “นี่เป็นดอกอะไรหรือ”

“เรียนใต้เท้า นี่เป็นดอกไม้ป่าที่ผลิบานตอนฤดูร้อนเจ้าค่ะ คนท้องถิ่นเรียกมันว่าเก๋อร์ซานเจ้าค่ะ”

เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว เก๋อร์ซานจริงคงไม่ใช่เช่นนี้หรือเปล่า

สาวใช้คนนั้นเห็นใต้เท้าขมวดคิ้ว จึงรีบอธิบายขึ้น “ตอนสตรีที่เป็นคนท้องถิ่นที่นี่ออกเรือน ก็จะเอาดอกไม้ชนิดนี้ใส่เข้าไปในหมอน สื่อว่าจะทำให้มีความสุขตลอดชีวิต และมีบางคนแช่ดอกไม้ชนิดนี้ตอนอาบน้ำ จะได้ไล่ยุงไล่แมลงในฤดูร้อนเจ้าค่ะ”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก แค่นอนอยู่ในน้ำพลางหลับตาผ่อนคลาย

ชุ่ยเวยเห็นสาวใช้คนนั้นมีสีหน้าที่ดูระมัดระวังจึงผายมือให้นางออกไป แล้วก็เอาน้ำมันดอกไม้ที่คุณหนูเหยาปรุงเองหยดเข้าไปในน้ำสองสามหยด จากนั้นหันไปด้านหลังแล้วนวดไหล่และหลังให้นางเบาๆ

เหยาเยี่ยนอวี่แช่ไปสักพักก็งีบหลับไป ชุ่ยเวยกลัวว่านางจะแช่ในน้ำนานจนเป็นไข้ จึงเตือนความจำว่ายังมีงานเลี้ยงกำลังรอคุณหนูอยู่ ไม่ว่าคุณหนูจะไปหรือไม่ไป ก็ควรที่บอกกล่าวพวกเขา

ดังนั้นเหยาเยี่ยนอวี่จึงออกจากอ่างอาบน้ำด้วยความเกียจคร้านแล้วเช็ดตัวให้แห้งพลางสวมใส่เสื้อผ้าที่ใส่ในเรือนและเสื้อคลุม แล้วให้ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตนเองเปลือยเท้าและใส่แค่รองเท้าที่ไม่หุ้มส้นเดินไปด้านหน้า

ด้านหน้ามีสาวใช้ชั้นล่างกำลังเอาผ้าเช็ดผมให้นาง จึงปล่อยผมไปไว้ด้านหลัง จากนั้นก็ยังมีสาวใช้เข้ามา บอกว่างานเลี้ยงด้านหน้าเตรียมเสร็จแล้ว จึงมาเชิญใต้เท้าเหยาไป

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ พลางพูด “ข้าคงไม่ไปร่วมสนุกด้วยแล้ว เจ้าช่วยนำอาหารมาให้ข้าที่นี่ที”

สาวใช้จึงรับคำแล้วจากไป ไม่นานก็ยกกล่องอาหารใหญ่หลายกล่อง ด้านในมีน้ำแกงกระดูกวัวหอมกรุ่น น่องแกะย่างหนึ่งน่อง และขนมสองสามแผ่น

เหยาเยี่ยนอวี่อดพูดขึ้นยิ้มๆ ไม่ได้ “นี่จะได้กินเนื้อชิ้นใหญ่กับน้ำแกงชาม…ใหญ่เช่นนี้จริงหรือ!”

สาวใช้น้อยที่อยู่ด้านข้างนามว่าเซียงหรู “คิดว่านี่คงเป็นข้อดีของที่นี่กระมังเจ้าคะ”

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่กินน่องแกะย่างเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว นางแค่ตักน้ำแกงกระดูกวัวมากินหนึ่งถ้วยแล้วกินขนมไปสองแผ่น ที่เหลือก็ให้เซียงหรูเอาไปแบ่งกับคนอื่น แล้วบอกว่าตนเองไม่เป็นอะไร และสั่งให้พวกนางไม่ต้องมาคอยรับใช้ตนเอง เซียงหรูและปั้นเซี่ยจึงยกโต๊ะวางอาหารออกไปอย่างรื่นเริงยินดี

เหยาเยี่ยนอวี่ยกมือจัดผมที่กึ่งเปียกของตน แล้วเอาไปผิงตรงเตาไฟ

ในเรือนไม่มีบ่าวไพร่อยู่แม้แต่คนเดียว เหยาเยี่ยนอวี่ยืนอยู่ตรงหน้าเตาผิง แล้วเอาตะเกียบเหล็กเขี่ยถ่านที่กำลังลุกเป็นไฟ จากนั้นก็นั่งอยู่บนตั่งไม้ด้านข้าง จับผมยาวสลวยไปผิงไฟ

พอม่านประตูดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เหยาเยี่ยนอวี่ก็นึกว่าสาวใช้น้อยเข้ามา จึงไม่ได้สนใจอะไร จนเมื่อรู้สึกถึงมือที่ยื่นมือมาจับผมในมือของตนเอง นางถึงจะเงยหน้าขึ้น ทว่ากลับได้สบตากับคนที่มีแววตาลึกลับ

เดิมทีคุณหนูเหยาที่อารมณ์กลับมาเป็นปกติ พอได้สบตากับดวงตาลึกลับของใครบางคน จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

“เหอะ” เหยาเยี่ยนอวี่ยกมือดึงมือของใครบางคนที่กำลังจับมือของตนเองออก จากนั้นก็หมุนตัวไปทางอื่น ไม่ยอมสนใจเขา

เว่ยจางนั่งอยู่ด้านหลังของนาง แล้วยื่นมือไปโอบเอวของนางไว้ พร้อมทั้งโน้มตัวลงไปแนบชิดกับแผ่นหลังของนาง

“ปล่อย” คุณหนูเหยารู้สึกเกรี้ยวโกรธ แน่นอนว่านางไม่มีทางยอมให้เขาชนะใจง่ายๆ

“อย่าขยับ” แม่ทัพเว่ยไม่อยากปล่อยนาง เขาจึงยื่นแขนไปจับแขนของนางมาไว้ในอ้อมกอด ไม่ให้นางขยับตัวได้

“เกลียดเจ้า!” คุณหนูเหยาตวาดออกมาด้วยความโมโห “คนชั่ว!”

เว่ยจางถอนหายใจด้วยเสียงต่ำ แล้ววางคางลงตรงไหล่ของนาง พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงเหน็ดเหนื่อย “ข้าเพิ่งกลับมา พอได้ข่าวว่าเจ้ามา แม้กระทั่งชุดเกราะก็ยังไม่ทันได้ถอดทิ้ง ก็รีบมารับเจ้าแล้ว อย่าโกรธเลย ได้ไหม”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงไม่มองข้าเลย!” คุณหนูเหยาถามกลับด้วยความโกรธเคือง

“ไม่กล้ามอง กลัวว่าจะยั้งใจไม่ไหวแล้วรีบวิ่งไปอุ้มเจ้าลงมาจากหลังม้า…” ลมหายใจอันแผ่วร้อนของเขากระทบลงบนไหล่และซอกคอของนาง นางบิดคอไปมาอย่างอยู่ไม่เป็นสุข เพื่อที่จะสื่อให้เขาออกห่างจากตนเอง ทว่ากลับถูกเขากอดแน่นกว่าเดิม

“บ้าบอ…” คุณหนูเหยาหัวเราะด้วยเสียงต่ำ น้ำเสียงฟังดูจนปัญญา ทว่ากลับอ่อนหวานยิ่งนัก ความโมโหภายในใจลึกๆ หายไปจนหมด ลำตัวของนางหยุดเกร็งไปทันที และก็ค่อยๆ เอนกายไปพิงด้านหลัง ทั้งเรือนร่างของนางพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับไร้กระดูก จากนั้นนางก็หรี่ตาลง แล้วเอาหลังมือไปสัมผัสกับฝ่ามือที่หยาบกร้านของเว่ยจาง นี่ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจมาก

เว่ยจางหันหน้าไปมองนางในระยะใกล้ ขนตาที่ดกดำของนางมีน้ำตาค้างอยู่ แววตาก็เคล้าด้วยน้ำใสๆ ทำให้เขาถึงกับต้องหรี่ตาลงอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นเขาแลบลิ้นชุ่มน้ำลายไปเลียขนตาและเปลือกตาของนาง

สิ่งที่เขาชอบที่สุดก็คือแววตาคู่นี้ นัยน์ตาแววใสและเป็นประกายนี้ราวกับปีกผีเสื้อ ดวงตาประดุจดวงดาวบนท้องฟ้า นี่เป็นสิ่งงดงามที่เปราะบาง ทำให้เขาได้แต่หวัง แต่ไม่อาจใกล้ชิด

ปลายลิ้นเปียกของเขาทาบอยู่บนเปลือกตาของเหยาเยี่ยนอวี่ ผิวหนังหนึ่งชั้นคั่นกลางระหว่างลิ้นของเขากับลูกตาของนาง ทว่าเขายังร่างดวงตาของนางออกมาได้อย่างชัดเจน

เหยาเยี่ยนอวี่แทบจะรู้สึกไม่คุ้นเคย พอนางหันหน้าไปด้วยความดื้อดึง และอยากจะหลบการกระทำที่แปลกพิลึกของเขา ทว่ามืออันหยาบกร้านของเว่ยจางกดมุมปากของนางไว้ จากนั้นเขาก้มหน้าลงมาจุมพิตนาง

เหยาเยี่ยนอวี่คล้ายตกตะลึง ทำให้นางถึงกับเบิกตาโต ทว่านางกลับไม่ขยับไปไหน แล้วก็ให้ความร่วมมือกับเขาอย่างนิ่งสงบ

เหมือนแรงดึงดูดบางอย่างอ้อยอิ่งอยู่กลางอากาศ เงาของแรงดึงดูดนี้ครอบคลุมอยู่ทุกหนทุกแห่ง แสงเทียนในห้องนอนกระโดดโลดเต้นราวกับวิญญาณที่มีชีวิตชีวา

ทันใดนั้นเวลานี้ก็หยุดนิ่งและเงียบงันไปทันที องศาที่เขาก้มหน้า ความโค้งของไหล่ นัยน์ตาที่เป็นประกาย แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้ออันแข็งแรง…บุรุษประดุจรูปปั้นตรงหน้าค่อยๆ ทับซ้อนกับคนที่อยู่ในฝัน จากนั้นก็เข้าไปฝังลึกอยู่ในใจของนาง และจะอยู่อย่างนี้ชั่วนิรันดร์

จู่ๆ ถ่านที่อยู่ในเตาก็ลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดัง เหยาเยี่ยนอวี่สะดุ้งตกใจเล็กน้อย แล้วยกมือผลักคางของเขาออก

เว่ยจางจึงไม่ปล่อยนางไม่ได้ ต่อให้เขายังไม่หายอยากก็ตาม ตอนนี้แก้มทั้งสองข้างของคุณหนูเหยาแดงระเรื่อขึ้นมา ทว่านางกลับแกล้งกระแอมกระไอแห้งๆ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตนไว้แล้วพูดขึ้น “ข้าจะนอนแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”

เว่ยจางไม่พูดไม่จา แค่จับจ้องนางอย่างเงียบงัน

“อืม? ยังมีธุระอีกหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ผลักเขาออก

เว่ยจางถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยนางออก พร้อมทั้งยืดตัวตรงนั่งนิ่งๆ จากนั้นก็พูดสามพยางค์ด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่มีแล้ว”

เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเชื่อฟังของเขา จึงเงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจ

พอเห็นเขาค่อยๆ เหยียดกายลุกขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอกสองก้าว มือขวายื่นไปจับแขนซ้ายไว้ เหยาเยี่ยนอวี่สังเกตเห็น จึงรีบลุกขึ้นเดินไปดึงแขนเสื้อของเขา “แขนของเจ้าเป็นอะไรไป”

“ไม่เป็นอะไร” แม่ทัพเว่ยดึงแขนของตนเองกลับไป

“ให้ข้าดูหน่อย!” คุณหนูเหยายื่นมือไปดึงกลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็ไล่ดูแผลจากข้อมือขึ้นไปด้านนบน

“ไม่เป็นอะไรจริงๆ แผลเล็กๆ เท่านั้น” เว่ยจางหันไปมองนางที่ท่าทางตึงเครียด มุมปากจึงกระตุกยิ้มจางๆ แล้วทำท่าทางที่ภาคภูมิใจในตัวเองออกมา

เหยาเยี่ยนอวี่จึงจับโดนแผลตรงหัวไหล่ที่มีผ้าพันไว้ ถึงแม้จะมีเสื้อปิดไว้หนึ่งชั้น ทว่าก็ยังสัมผัสถึงแผลได้อย่างชัดเจน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset