บทที่ 377 : ไม่น่ากลัวเลยครับ
คฤหาสน์ A16 ที่โถงด้านข้าง
ในขณะที่เกร็กกำลังจะอ้าปากนั้นเอง แสงสว่างเจิดจ้าสุด ๆ ก็สาดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ตามด้วยเสียงกัมปนาทและการสั่นไหวอย่างรุนแรง
ตู้ม! ตู้ม!
ในทันใดนั้น ราวกับแกนกลางของเมืองกำลังพังทลาย สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในคฤหาสน์ก็เอียงลงไปเล็กน้อย…
เกร็กยืนอึ้งกับที่ เขาถูกแรงเฉื่อยลากจนหล่นลงไปกองกับพื้นทันที เหล่าคนรับใช้และยามที่ตามมาติด ๆ ต่างถูกเหวี่ยงกระจัดกระจาย ด้วยความลนลาน พ่อบ้านที่น่าสงสารถูกแรงกระแทกเรียกสติ เขาลุกขึ้นมาโวยวาย พยายามรักษาระเบียบ รอบข้างอลหม่านกันไปครู่หนึ่ง
“ใจเย็นก่อน ใจเย็นครับ! นายท่านเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?! ข้างนอกนั่นเกิดอะไรขึ้น…”
พ่อบ้านผู้ภักดีปาดเลือดบนหน้าแล้วรีบมาพยุงเจ้านายของเขา
จี้ป๋อหนงมองพ่อบ้านที่กังวลกว่าตัวเขาแล้วอดส่ายหน้าไม่ได้ เขาตบบ่าอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างจริงจัง “ไม่เป็นไรหรอก น่าจะแค่แผ่นดินไหวแหละ”
เขามองแสงข้างนอกที่กำลังหรี่ลง แล้วสัญชาตญาณตื่นตัวของเขาก็ยังคงเต้นแรงจนเจ็บอยู่ในใจ
แม้ว่าความคิดของเขาจะยังสับสนเล็กน้อย เขาก็มองหนอนเฟืองนาฬิกาในมือของเจ้าของร้านหลินที่ถูกเขี่ยเวลากลับไปมากกว่าครึ่งแป้น แล้วพอจะเข้าใจคร่าว ๆ ได้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น…
เวลาถูกนับใหม่ และทั้งมิติและเวลานี้ก็เหมือนนาฬิกาทรายที่ถูกพลิกกลับด้าน เวลาเริ่มเดินอีกครั้ง
แม้จะดูเหมือนเดิม แต่ทรายที่ไหลลงไม่ได้เป็นตามลำดับเดียวกับทรายเดิมแล้ว หรือก็คือ การระเบิด แสง และการสั่นสะเทือนนี้ดูเหมือนจะเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อกับภาพเมื่อสองสามวินาทีก่อน แต่ที่จริงแล้วมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ถูกนับใหม่แล้ว
สีหน้าของจี้จือซู่ที่ด้านข้างเต็มไปด้วยความงุนงงและวิงเวียนเล็กน้อยราวกับเพิ่งลงมาจากรถไฟเหาะตีลังกา เธอรู้สึกราวกับทุกอย่างตรงหน้าทั้งเหมือนเดิมและต่างออกไป
เธอมองขึ้นไปที่โคมไฟคริสตัลระย้าที่กำลังส่ายไปมา แล้วสายตาที่หมุนติ้วของเธอก็กลับมาชัดเจน…
ด้วยการส่ายของโคมไฟคริสตัล ความทรงจำก่อนย้อนเวลาของเธอก็ค่อย ๆ กลับมาสู่สมอง แล้วคุณหนูจี้ก็เบิกตากว้าง…ย้อนเวลา?!
เธอพลันหันไปมองสบตากับจี้ป๋อหนง
พ่อและลูกสาวมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกหนังหัวชายิบ
เวลา…ไม่ใช่ว่านั่นคือกฎเกณฑ์ที่บรรลุโดยสิ่งมีชีวิตระดับเหนือนภาที่เจ้าของร้านหลินจับได้ เกือบถูกกิน และสุดท้ายก็หนีไปได้เหรอ?
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ก็เถอะ แต่เราก็พอจะรู้ว่าสองคนนี้ต้องมีความเชื่อมโยงกันแน่นอน ระดับเหนือนภาที่หนีไปได้ก็คงเป็นแผนของเจ้าของร้านหลินมาแต่ต้นแล้ว และตอนนี้เองที่เขาลงมือขั้นสุดท้าย เปลี่ยนมันเป็นตัวหมากชิ้นสำคัญในมือเจ้าของร้านหลิน
ไม่อย่างนั้น ถ้าเจ้าของร้านหลินคิดจะฆ่าระดับเหนือนภาทันที เขาคงไม่มีทางปล่อยให้หนีไปได้แน่
ตัดสินจากเกร็ก คนที่พังประตูเข้ามาเป็นลูกศิษย์ของโจเซฟ และสีหน้าท่าทางของเขา ตัวหมากตัวนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อศึกตัดสินระหว่างนิกายกลืนศพและหอพิธีกรรมต้องห้ามที่ไกลออกไปหลายพันไมล์อย่างแน่นอน!
ต้องใช้พลังและความกล้าบ้าบิ่นแค่ไหนกันที่จะใช้ระดับเหนือนภาเป็นตัวหมาก และยังเป็นหมากรุกที่ใช้ทั้งเมืองนอร์ซินเป็นกระดานด้วย
จี้จือซู่หายใจกระชั้น มือเท้าอ่อนแรง ยากจะสงบใจลงได้
คลื่นแผ่นดินไหวสงบลงหลังผ่านไปหลายสิบวินาที แล้วข้างนอกก็กลับสู่ความมืดมิดชวนง่วงนอน
หลินเจี๋ยเกือบอยากหาเก้าอี้เพื่อมุดหลบแล้ว โชคดีที่แผ่นดินไหวหยุดลงไวพอที่จะรักษาใบหน้าที่เกือบแตกยับของเขาได้ หลังจากคว้าโต๊ะได้ ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือรีบตรวจสอบว่านาฬิกาที่เขาขยำไปเมื่อครู่ยังอยู่ดีไหม
“เฮ้อ…”
หลินเจี๋ยมองฟันเฟืองที่ค่อย ๆ หมุนในมือเขาและเจ้าหนอนน้อยที่ยังคืบคลาน แล้วถอนหายใจโล่งอก
โชคดีที่ไม่เป็นอะไรไป ราคาของเจ้านี่น่าจะพอให้เราซื้ออะไร ๆ ได้เยอะแยะ…
“อะไรเนี่ย ที่แท้ก็เป็นแผ่นดินไหว”
หลินเจี๋ยปล่อยโต๊ะอย่างเป็นธรรมชาติมาก ปัดฝุ่นจากร่างกายของเขาด้วยสีหน้าสุขุมราวกับคนที่เกือบมุดหายไปใต้โต๊ะเมื่อครู่ไม่ใช่เขา แล้วทอดถอนใจ “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตซะอีก อย่างที่ว่ากันว่าหากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่จะวิ่งไม่ได้ ส่วนแผ่นดินไหวเล็กไม่ต้องวิ่ง คุณยังขาดประสบการณ์ชีวิตนะครับ”
“เอาเถอะ” เขาถอนหายใจ หันไปมองเกร็กที่ร่วงลงไปกองกับพื้นแล้วยื่นมือให้เขาพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? ทำไมรีบร้อนจัง เจ้าหนุ่มนี่ยังเหมือนเด็กเกินไปนะครับ มาหาผมสิ มา ๆ ไม่ต้องรีบ ผมไม่หนีไปไหนหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไร…”
เกร็กตัวสั่นอย่างไม่ตั้งใจเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น ส่ายหน้าอย่างสุดชีวิต แล้วก็รีบลุกขึ้น
“ดีแล้วครับ” หลินเจี๋ยส่ายหน้า “จะว่าไป คุณพยายามจะพูดอะไรเหรอครับ?”
เกร็กอ้าปาก แต่พ่อบ้านพลันตื่นตัวเมื่อเห็นเขาแล้วออกมาขวางจี้ป๋อหนงไว้ พูดอย่างตื่นตระหนก “นั่นแหละเขา หยุดเขาไว้ อย่าให้เขาเข้ามานะ เขาใช้มีดขู่ผมแล้วตีผมสลบไปก่อนหน้านี้ ท่านครับ เขาอาจไม่ใช่เกร็กตัวจริง แต่เป็นมือสังหารก็ได้นะครับ!”
คนใช้ที่ถูกดีดกระเด็นหมดท่าไปเมื่อครู่ตัวสั่นสะท้านทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น จากนั้นพวกเขาก็พุ่งเข้ามาหยุดเกร็กไว้ ภาพตรงหน้าอลหม่านอีกครั้ง
เกร็กยังไม่ทันฟื้นตัวดี เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แม้ว่าหลินเจี๋ยจะไม่รู้ว่าเกร็กทำอะไรลงไปเมื่อครู่ เขาก็รู้ว่ามันต้องเป็นความเข้าใจผิดจากช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ทำความรู้จักกันแน่ ๆ ดังนั้นเขาจึงออกมาอธิบาย “คุณครับ นี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ เขามาหาผมที่นี่ แถมยังเป็นเด็กด้วย เขาจะตีคุณให้สลบอย่างไรครับนี่?”
พ่อบ้านถูกทำให้ตกใจมาก่อน แต่เขาก็ยังรู้ดีว่าคนที่เกือบเอามีดปาดคอเขาเป็นใคร แล้วก็พูดอย่างแน่ใจ “ไม่ครับ! ผมรู้ดีมากเลยล่ะ! นั่นแหละเขา! คุณหลินอย่าถูกเขาหลอกนะครับ!”
หลินเจี๋ยแบมือ ไม่มีทางเลือกนอกจากเบนความสนใจไปที่เจ้าของบ้านตัวจริงในโถงด้านข้าง
จี้ป๋อหนงรีบยืนขึ้นพูด “พอแล้ว สองคนนี้เป็นแขกผู้มีเกียรติ นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ อัลเบิร์ต คุณอาจจะสับสน ไปโถงงานเลี้ยงเพื่อปลอบแขกของเราเถอะ”
พ่อบ้านอัลเบิร์ตย่อมไม่ขัดเจตนารมณ์ของประธานจี้ เขาจึงหันไปมองเกร็กแล้วคำนับ แต่ยังพูดอย่างหัวแข็งว่า “ครับท่าน แต่…สุภาพบุรุษไม่ยืนใต้กำแพงที่อันตราย ด้วยความภักดีของผม ผมขอร้องให้คุณอย่าอยู่ห้องเดียวกับคนมีมีดเลยนะครับ”
มีเสียงอุทานจากแขกเหรื่อที่ด้านนอกอยู่จริง ๆ และดูเหมือนว่าแผ่นดินไหวกะทันหันจะทำให้หลาย ๆ คนตกใจ
งานเลี้ยงจึงหยุดค้างไปชั่วขณะ
จี้จือซู่เดินเข้าไปกระซิบพ่อของเธอ “พ่อคะ…เราออกไปกันก่อนเถอะ แขกข้างนอกต้องได้รับการดูแลนะคะ”
จี้ป๋อหนงเหลือบมองเกร็กที่กระวนกระวายแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ขอโทษนะครับคุณหลิน อภัยให้ผมด้วยที่ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณนานกว่านี้ได้”
แน่นอนว่าหลินเจี๋ยเข้าใจ “เชิญเถอะครับ มันคงดีกว่าถ้าคุณกลับมาทีหลังแล้วอธิบายให้ผมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เกิดอะไรขึ้น…ไม่ใช่ว่าคุณรู้ดีที่สุดเหรอ?
จี้ป๋อหนงอดปรามาสในใจไม่ได้ แต่เขาก็ยังต้องรักษารอยยิ้มถ่อมตัวบนใบหน้าไว้ “ผมจะไปยืนยันสถานการณ์ที่แน่ชัดกับคนอื่นก่อน และจะบอกคุณให้รู้อย่างเร็วที่สุดหลังจากที่คุณคุยกับคุณเกร็กแล้วนะครับ”
ด้วยการจากไปของพ่อลูกตระกู้จี้และพ่อบ้าน เหล่าคนรับใช้ก็ตามพวกเขาไปคนแล้วคนเล่า เหลือเพียงเกร็กและหลินเจี๋ยในห้องโถงด้านข้าง
หลินเจี๋ยถอนหายใจยาว นั่งลงอีกครั้ง แล้วปัดฝุ่นนาฬิกาเรือนน้อยในมืออย่างไม่รู้ตัว
“เอาล่ะ คุยกันเถอะครับ อะไรที่ทำให้คุณเป็นเดือดเป็นร้อนจนทำคุณพ่อบ้านตกใจแบบนั้น?”
หลินเจี๋ยคิดว่าในฐานะผู้ใหญ่ เขาไม่สามารถทำตัวเลิกลั่กต่อหน้าเด็กได้ ดังนั้นเขาจึงกระแอมให้คอโล่งแล้วแสร้งทำตัวสุขุมมาก ก่อนจะพูดเบา ๆ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าลนลานครับ ทุกอย่างมันแก้ได้ การมีสติเยือกเย็นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทางแก้ แต่การลนลานไร้ประโยชน์ครับ อย่างที่ผมบอกก่อนหน้านี้ ถ้าคุณเจออุปสรรคหรือปัญหาอะไร คุณบอกผมได้นะ”
“อย่างที่เขาว่า เรือตรงไปที่สะพานใช่ไหมครับ? ผมช่วยได้นะ”
หลินเจี๋ยมองเกร็กอย่างจริงจัง
คุณหนูลูกผู้ดีได้สติคืนมาอย่างครบถ้วนในตอนนี้ แต่เขาก็ยิ่งตกใจ เขามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วจำได้ว่าเวลาเหมือนจะถูกเปลี่ยนย้อน และอาจารย์ที่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาพูดติดขัด ไม่รู้ต้องทำอย่างไร “ครับ…แต่…ผม…คุณ…เมื่อกี้…ขอโทษนะครับ…ทำได้ไง…”
หลินเจี๋ยปลอบโยน “ไม่ต้องห่วงนะครับ พูดช้า ๆ นะ”
เกร็กสูดหายใจลึก ๆ และในขณะที่เขากำลังจะอ้าปาก จู่ ๆ ก็มีการสั่นไหวที่ฝ่ามือของเขา ตอนนั้นเองที่เขาตระหนักว่ามือชุ่มเหงื่อของเขาบีบอุปกรณ์สื่อสารไว้เสียแน่น เขาตกใจ และเมื่อมองลงมา แล้วก็พบว่าเป็นการติดต่อจาก ‘หอพิธีกรรม’
มันเป็นการแจ้งเตือนฉุกเฉินต่อบุคลากรเชี่ยวชาญพิเศษของหอพิธีกรรมต้องห้าม!
หรือในที่สุด การต่อสู้ของอาจารย์จะจบลงได้เสียที?!
“ขอโทษนะครับ!”
เกร็กกระโดดโหยงอย่างตื่นเต้นแล้วโค้งให้หลินเจี๋ย หลังจากคนหลังตอบตกลง เขาก็เดินลุกลี้ลุกลนออกจากประตูเล็กของโถงด้านข้างไปยังทางเดิน แล้วรีบกดรับสายเมื่อออกจากประตูไปไม่กี่ก้าว…
“อัศวินฝึกหัด คุณเกร็ก”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังออกมาจากปลายสาย
ไม่ใช่หัวหน้าหน่วยวินสตัน
หัวใจของเกร็กเต้นกระตุก
เด็กหนุ่มพูดอย่างจริงจัง “พูดสายอยู่ครับ”
“ภารกิจของคุณถูกยกเลิกแล้ว”
“อะไรนะ ทำไมล่ะครับ?!”
เสียงที่เฉยเมยดูเหมือนจะประกาศผลบางอย่าง เกร็กตัวสั่นราวกับถูกฟ้าผ่า “อาจารย์โจเซฟ…อัศวินแห่งแสงเป็นอย่างไรบ้างครับตอนนี้?”
“ตอนนี้ ทั้งสนามรบถูกปกคลุมด้วยอีเธอร์จำนวนมหาศาล เจ้าหน้าที่ของเราเข้าออกไม่ได้เลย เราให้คำตอบที่แม่นยำกับคุณไม่ได้”
เกร็กตะลึงมองหน้าต่างที่ด้านข้าง เลิกม่านขึ้นมองไปไกลจนเห็นช่องโหว่บนฟ้า หัวใจของเขาร่วงลงเหว แล้วถามต่อว่า “แล้วผลการต่อสู้ของพวกเขาล่ะครับ?”
“ตัดสินจากผลสุดท้ายของเครือข่ายการตรวจจับอีเธอร์ พวกเขาน่าจะตายไปด้วยกัน และเราต้องรอการตอบสนองของหน่วยโลจิสติกส์ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอยู่อีกที”
เกร็กนิ่งค้าง พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
น่าจะ?
“วิน…แล้วหัวหน้าวินสตันล่ะครับ?” จากนั้นพักใหญ่ เกร็กก็สูดหายใจลึก ๆ สองครั้งเพื่อปรับการหายใจไม่ให้เสียสติไปอย่างสมบูรณ์ “ก่อนหน้านี้เขาติดต่อผมอยู่ แต่ทำไม…”
“เขาอยู่ในใจกลางสนามรบ คาดว่าคงได้รับผลกระทบไปด้วย ยังไม่ทราบที่อยู่ของเขา” เสียงของอีกฝ่ายไม่ได้มีอารมณ์เปลี่ยนผันใด ๆ “เอาล่ะ อัศวินฝึกหัด คุณถามคำถามมากพอแล้ว ในฐานะศิษย์ของโจเซฟ หากเราได้ข่าวของโจเซฟ เราจะแจ้งเตือนคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ตอนนี้ เพื่อป้องกันแผนใด ๆ ที่อาจจะมีอยู่ของไวลด์ โปรดจบภารกิจเดิมของคุณแล้วรับภารกิจใหม่…”
“ฆ่าชาร์ล็อตต์ซะ”
เกร็กวางสายอุปกรณ์สื่อสาร
จู่ ๆ ความเคลือบแคลงอย่างหนักหนาก็เพิ่มสูงขึ้นในใจ
เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้!
ในเมื่อเจ้าของร้านหลินเข้าแทรกแซง มันพิสูจน์แล้วว่าเขาต้องสนองคำขอของพวกเขาแล้วช่วยชีวิตโจเซฟแล้ว ดังนั้นการ ‘ตายไปด้วยกัน’ จึงเป็นไปไม่ได้
แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวลด์อยู่ในสถานะที่ไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย หอพิธีกรรมต้องห้ามจึงให้ศิษย์ของเขาทำงานที่อันตรายยิ่งกว่าเก่าในสถานการณ์ที่ยังไม่ชัดเจน
นี่มัน…การใช้ประโยชน์จากความเกลียดชังของเขาชัด ๆ
—
มันน่ากลัวมาก…หลังจากได้รับข้อมูลล่าสุดแล้วย้อนเรียบเรียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ จี้จือซู่ก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตื่นเต้นหรือความกลัวกันแน่ เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดปาก
แม้เธอจะไม่ได้เห็นศึกระดับเหนือนภาตรง ๆ แต่เมื่อครู่ เธอเห็นเจ้าของร้านหลินขยับเข็มนาฬิกากับตาตัวเอง
ตัดสินจากสีหน้าของเกร็กที่ระเบิดน้ำตาในตอนที่เขาพุ่งเข้ามา อย่างน้อยก่อนเวลาจะถูกย้อน โจเซฟก็น่าจะเป็นฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำอยู่แน่ ๆ และอาจจะตายในไม่ช้าด้วย
ทว่าตอนนี้ สถานการณ์กลายเป็นปริศนา
เหมือนที่พวกเธอได้เห็นก่อนหน้านี้ เมื่อตัวตนระดับเหนือนภาย้อนเวลากลับ มันก็เป็นแค่การย้อนเวลา ถ้าไม่มีการเข้ามารบกวนใด ๆ จากภายนอก ทุกสิ่งจะแค่กลับสู่จุดเดิมของพวกมัน
นั่นก็คือ ถ้าเจ้าของร้านหลินต้องการสร้างผลกระทบในสงคราม การย้อนเวลาเฉย ๆ จะไม่เปลี่ยนจุดจบ
ดังนั้น เจ้าของร้านหลินจึงจงใจปล่อยตัวตนระดับเหนือนภานั้นให้รอดไป เพื่อที่เขาจะได้ใช้อำนาจกฎเกณฑ์มหาศาลที่จะระเบิดออกมาในตอนที่เขาฆ่ามันในจังหวะที่ลงตัว เหมือนผีเสื้อตัวน้อยที่ขยับปีกก่อพายุใหญ่
ในระหว่างนี้ ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เจ้าของร้านหลินสามารถคำนวณการกระทำของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงเขาสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้เท่านั้น เขายังควบคุมชะตาของไวลด์และโจเซฟด้วย
นับแต่ต้น ตั้งแต่ตอนที่เขาเดินออกมาจากร้านหนังสือ…ไม่สิ ตั้งแต่จี้จือซู่ตัดสินใจเชิญเขาอย่างเห็นแก่ตัวมายังงานเลี้ยงนี้ หรืออาจจะนานกว่านั้นอีก หรือจะเป็นตอนที่แอนดรูว์ส่งหนอนเฟืองนาฬิกาให้เขา หรือตอนที่เขารู้จักกับไวลด์และโจเซฟเป็นครั้งแรกกันนะ ที่เรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของเจ้าของร้านหลินไปแล้ว!
น่ากลัวอะไรขนาดนี้ ความคิดของบุคคลระดับสูงน่ากลัวเสียจนแค่คิดก็กลัวแล้ว ไม่สามารถใช้ความคิดของคนทั่วไปมาคำนึงได้เลย
“คุณหนูจี้?”
ชื่อเรียกที่คุ้นเคยทำให้จี้จือซู่สะดุ้ง เธอหันกลับมาทันที และเห็นหลินเจี๋ยเดินออกมาจากห้องโถงด้านข้างพร้อมหนอนเฟืองนาฬิกาในมือ และยังเอ่ยทักทายเธอ
“หลิน เจ้าของร้านหลิน…” จี้จือซู่รู้สึกผิดที่ทำผิดแล้วโดนจับได้ เธอลดมือที่ปิดหน้าอยู่ลงแล้วพยายามเหยียดมุมปากที่ขดขึ้นของเธอ “คุณออกมาทำไมคะ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ? หรือมีคำสั่งอะไรเหรอคะ?”
แต่ดวงตาของเธอเหลือบมองไปที่หนอนเฟืองนาฬิกาอย่างไม่รู้ตัว แล้วร่างของเธอก็สั่นน้อย ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ…ผมแค่นึกได้กะทันหันว่าคุณลืมเอาของขวัญไปด้วยเมื่อครู่ จริง ๆ เลย ผมให้ไปแล้วแท้ ๆ แล้วมันจะยังอยู่ในมือผมได้อย่างไรล่ะ”
หลินเจี๋ยคว้ามือของจี้จือซู่ วางหนอนเฟืองนาฬิกาไปในมือเล็ก ๆ ที่เย็นเฉียบของเธอแล้วพูดยิ้ม ๆ “ผมทำให้เห็นเมื่อครู่แล้วเนอะ ไม่น่ากลัวแล้วมั้ง? มันไม่น่ากลัวเลยครับ เชื่องน่ารักดีด้วยซ้ำไป…”