ตอนที่ 2134 อวิ๋นลั่วเฟิงกลับมาแล้ว (5)
เวลาเดียวกันภายในแคว้นเจ็ดเมือง ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวปรากฏตัว บ่าวที่สายตาเฉียบคมของตระกูลจวินมองเห็นพวกเขาแล้วก็เร่งรุดเข้าไปข้างในเพื่อแจ้งตระกูลจวินทันทีอย่างควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
ทันใดนั้นเสียงอื้ออึงก็ดังไปทั่วจวนตระกูลจวิน ภายใต้การนำของจวินหลิงเทียน คนกลุ่มหนึ่งก็เดินกันออกมาอย่างยิ่งใหญ่ พวกเขาเห็นคู่รักงดงามยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์จากไกลๆ
ฝ่ายชายสวมชุดสีดำและมีใบหน้าเย็นชา เขาก็เผยสายตาอ่อนโยนเป็นระยะเมื่อมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างเขา
เขาอุ้มทารกน้อยในห่อผ้า และทารกผู้นั้นก็หัวเราะเบาๆ อย่างสดใสบ่อยครั้ง ใบหน้าบอบบางและนุ่มนิ่มของทารกถูกปกคลุมด้วยรอยยิ้มน่าเอ็นดู และดวงตาโตของเขาก็เจิดจ้าและกระจ่างใสมาก
อวิ๋นลั่วเฟิงยืนอยู่ข้างอวิ๋นเซียวและชุดสีขาวของนางก็ปลิวไปตามลม นางดูงดงามราวกับเทพเซียนจากภาพวาด แล้วยังมีเด็กหญิงตัวน้อยอายุราวสี่ห้าปีกุมมือนางอยู่ด้วย
ฉากนี้เหมือนกันภาพวาดของครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจนผู้คนไม่อาจกล้าทำลาย…
“เฟิงเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!” ผู้เฒ่าอวิ๋นหัวเราะลั่นแล้วเดินมาหาหลานสาวของเขาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาเห็นทารกตัวน้อยๆ ในอ้อมกอดอวิ๋นเซียว ดวงตาเขาเป็นประกาย “นี่ต้องเป็นเหลนข้าใช่หรือไม่ เด็กดี ให้ทวดอุ้มเจ้าหน่อยสิ”
เสี่ยวเนี่ยนเฟิงไม่กลัวคนแปลกหน้า เมื่อเขาเห็นชายชรายื่นแขนมา เขาก็หัวเราะเบาๆ แล้วอ้าแขนออกเพื่อขอให้อุ้ม
ไป๋หลิงและจวินเฟิ่งหลิงเองก็เดินจับมือกันไปโดยทิ้งเยี่ยจิ่งเฉินที่ไม่พอใจไว้ด้านหลัง ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ไป๋หลิงที่ล่อลวงภรรยาเขาไป ความเศร้าโศกในหัวใจมากเกินกว่าจะพูดออกมาได้
ตั้งแต่ที่ไป๋หลิงและจวินเฟิ่งหลิงพบกัน พวกนางทั้งสองคนก็นึกอยากพบกันให้เร็วกว่านี้ ในฐานะสะใภ้ของตระกูลแม่ทัพ ไป๋หลิงจึงถูกดึงดูดด้วยใบหน้างดงามและความกล้าหาญของจวินเฟิ่งหลิง ดังนั้นคนทั้งสองจึงนับกันเป็นพี่น้อง และแม้แต่เยี่ยจิ่งเฉินเองก็ต้องมายืนอยู่ด้านข้าง
“เฟิงเอ๋อร์ เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้คือ…” ไป๋หลิงถามอย่างสงสัยขณะที่มองเด็กหญิงตัวน้อยที่กุมมืออวิ๋นลั่วเฟิงอยู่
อวิ๋นชูเทียนซ่อนอยู่ด้านหลังของอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างหวาดกลัว แล้วโผล่มาเพียงดวงตาขี้ขลาดที่มองคนแปลกหน้าตรงหน้าด้วยสีหน้าหวาดระแวง
“เทียนเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว นี่เป็นครอบครัวของข้าเอง” อวิ๋นลั่วเฟิงสัมผัสได้ถึงความกลัวของอวิ๋นชูเทียนและลูบมือเล็กๆ ของนาง นางแนะนำอย่างสงบว่า “ท่านแม่ นางคืออวิ๋นชูเทียน บุตรสาวบุตรธรรมของข้าเองเจ้าคะ”
“เด็กผู้หญิงคนนี้ดูหลักแหลมและน่าเอ็นดู ทั้งยังมีเสน่ห์อีกด้วย” จวินเฟิ่งหลิงหัวเราะอย่างอ่อนโยน อาจจะเป็นเพราะว่านางเกรงว่าจะทำให้เด็กหญิงกลัว เสียงของนางจึงอ่อนโยนลงมาก “เสี่ยวเทียนเอ๋อร์ ข้าเป็นย่าของเจ้า เด็กดีมาหาย่าสิ”
อวิ๋นชูเทียนกะพริบตาแล้วหันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิงราวกับว่าต้องการความเห็นของนาง
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าให้นาง นางจึงขยับออกจากด้านหลังอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างระมัดระวังแล้วเดินไปหาจวินเฟิ่งหลิงและไป๋หลิง จากนั้นก็เอ่ยเรียกเสียงหวาน “ท่านย่า”
“เด็กดี” จวินเฟิ่งหลิงยิ่มกว้างจนตาแทบปิด คำว่า ‘ท่านย่า’ ทำให้ร่างของนางอ่อนยวบ
“เสี่ยวเทียนเอ๋อร์ ข้าเป็นยายของเจ้า” ไป๋หลิงเองก็โบกมือให้อวิ๋นชูเทียน “มานี้เร็ว มาให้ข้าดูเจ้าหน่อย”
อวิ๋นชูเทียนกะพริบตาอีกครั้งแล้วเดินไปหาไป๋หลิงอย่างเชื่อฟัง เสียงของนางบางเบาและนุ่มนิ่มเหมือนขนมหวาน ทั้งอ่อนเยาว์และน่าเอ็นดู “ท่านยาย”
“โอ้ พระเจ้า”
ไป๋หลิงมีความสุขเหลือเกิน ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้แค่พาหลานชายแท้ๆ กลับมาให้นาง แต่ยังรับเลี้ยงเด็กหญิงตัวน้อยที่หลักแหลมน่าเอ็นดูมาด้วย
“เสี่ยวอวิ๋น เจ้าตั้งชื่อบุตรหรือยัง” จวินหลิงเทียนเองก็เดินมาตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง รอยยิ้มของเขาสดใสมาก และดวงตาของเขาก็โค้งด้วยความสุข
ตอนที่ 2135 อวิ๋นลั่วเฟิงกลับมาแล้ว (6)
“อวิ๋นเนี่ยนเฟิง” ตอนที่นางพูดชื่อบุตรชาย ดวงตาของนางก็อ่อนลง สายตาของนางตกอยู่ที่ทารกในห่อผ้าและประกายความเป็นมารดาก็ปรากฏในดวงตาของนาง
“อวิ๋นเนี่ยนเฟิง” จวินหลิงเทียนระเบิดเสียงหัวเราะ “เป็นชื่อที่ดีจริงๆ”
อวิ๋นเนี่ยนเฟิง—ไม่ใช่ว่าเป็นตัวแทนแสดงความปรารถนาที่อวิ๋นเซียวมีต่อวิ๋นลั่วเฟิงหรอกหรือ เหอๆ ความสัมพันธ์ของคู่รักคู่นี้น่าอิจฉาจริงๆ!
อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาอวิ๋นลั่ว “ท่านปู่ ตอนที่ข้าไม่อยู่ มีอะไรเกิดขึ้นในแคว้นเจ็ดเมืองหรือไม่เจ้าคะ”
อวิ๋นลั่วสะดุ้ง เขาเหลือบมองอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนจะบอกนางเกี่ยวกับเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นในแคว้นเจ็ดเมือง
เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินว่ามียอดฝีมือจากแผ่นดินเทพวิญญาณมาสังหารคนภายในแคว้นเจ็ดเมือง ดวงตาของนางก็เย็นเยียบ กลิ่นอายอำมหิตก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของนาง
แต่เมื่อผู้เฒ่าอวิ๋นพูดถึงเรื่องที่หงหลวนกลับมาแล้ว ตอนแรกใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความตะลึง และรีบถามย้ำด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“หงหลวนกลับมาจากโลกหลังความตายจริงๆ งั้นหรือ”
“ใช่แล้ว แต่งหงหลวนมีบางอย่างต้องไปทำและกลับไปที่เมืองบูรพาก่อนแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้อยู่ที่นี่”
ตอนนั้นเองความรู้สึกทั้งหมดก็ท่วมท้นในหัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิง เมื่อนางได้ยินข่าวการตายของหงหลวนเมื่อวันนั้น ความโกรธในใจของนางก็มากพอจะเผาผลาญโลกทั้งใบ
นางไม่คิดว่าหงหลวนจะกลับมาแล้ว…
“ศพของหงหลวนยังอยู่กับข้าและก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีด้วย เมื่อมีศพนี้ก็จะช่วยให้หงหลวนฟื้นคืนชีพโดยไม่มีปัญหา แต่ว่า…” อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาจวินหลิงเทียน “ผู้เฒ่าจวิน ได้โปรดช่วยข้าเรียกเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์และเผ่าผู้ใช้เวทย์หน่อยเจ้าค่ะ! แผ่นดินเทพวิญญาณทำเกินไปแล้ว! ข้า อวิ๋นลั่วเฟิง จะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ!”
ถ้าอวิ๋นชิงหย่าไม่ได้ผ่านด่านเป็นเซียนจักรพรรดิ…ถ้าหงหลวนและจวินเฟิ่งหลิงไม่ได้กลับมาทั้งคู่…นางก็ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าจะมีอะไรรอนางอยู่ตอนที่นางกลับมาที่เมืองวิญญาณ
โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางเคยบอกให้อู๋เหยียนว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้ไปขอความช่วยเหลือจากเผ่ามังกร! นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ตระกูลจวินไม่ต้องพบกับความตาย แน่นอนว่าคนที่มาที่เมืองวิญญาณก็ปลอดภัยเช่นกัน แต่คนอื่นๆ ในแคว้นกลับพบกับชะตากรรมอันน่าสลดใจ
“ได้เลย” จวินหลิงเทียนพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด ตอนนี้อวิ๋นลั่วเฟิงก็กลับมาแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้แก้แค้นแผ่นดินเทพวิญญาณแล้ว!
…
ภายในสองสามวันนี้ ข่าวเรื่องการกลับมาของอวิ๋นลั่วเฟิงก็แพร่ไปทั่วทั้งแคว้น สำนักที่เป็นพันธมิตรกับอวิ๋นลั่วเฟิงเร่งรุดมาหาและวางแผนช่วยพวกเขาโจมตีแผ่นดินเทพวิญญาณ
เมื่อหงหลวนและอวิ๋นลั่วเฟิงได้พบหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งคู่ก็แสดงสีหน้าโศกเศร้า สุดท้ายอวิ๋นลั่วเฟิงก็ก้าวไปกอดหงหลวนอย่างอ่อนโยน
“ยินดีต้อนรับกลับมา”
หงหลวนเผยยิ้มทรงเสน่ห์ “ข้าไล่ตามรอยเท้าเจ้ามาทั้งชีวิต ข้าจะตายก่อนที่จะตามเจ้าทันได้อย่างไร”
อวิ๋นลั่วเฟิงปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมกอดแล้วยิ้ม “หงหลวน เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนที่ข้าตั้งครรภ์ ตอนนี้เด็กก็เกิดแล้ว เจ้ามาเป็นแม่ทูนหัวของเขาดีหรือไม่”
“ข้าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว” หงหลวนสวมกอดอวิ๋นลั่วเฟิงเร็วๆ ครั้งหนึ่ง
พวกนางสบตากันแล้วยิ้ม
“บอกตามตรง…” สายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเปลี่ยนไป แล้วจู่ๆ นางก็พูดขึ้น “หนานกงอวิ๋นอี้ก็เป็นคนดี เหตุใดเจ้าไม่พิจารณาเขาหน่อยล่ะ เนี่ยนเฟิงของข้าจะมีแค่แม่ทูนหัวแต่ไม่มีพ่อทูนหัวไม่ได้นะ”
ใบหน้าหงหลวนเขินอายเล็กน้อย แล้วใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นในความคิดของนาง นางเม้มปาก “เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเขา”