เนื่องจากรายการจะบันทึกเทปในตอนบ่ายแล้ว ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจึงต้องแต่งหน้าให้เสร็จในตอนเช้า อีกทั้งยังต้องเข้าไปในค่ายปิดที่ทีมงานเตรียมไว้
เหมือนกับรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 ในช่วงระหว่างการแข่งขัน หากไม่ได้รับอนุญาต ผู้เข้าแข่งขันห้ามเข้าๆ ออกๆ ภายในค่าย อีกทั้งยังต้องมอบเครื่องมือสื่อสารให้ทีมงาน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของเยี่ยซีทำให้ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ของทีมงานต่างรู้สึกว่าเป็นปัญหาใหญ่
เธอเป็นโปรดิวเซอร์ของวงบอยแบนด์ในครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นต้องทำหน้าที่ดำเนินรายการตลอดการแข่งขัน
อีกทั้งเพื่อเป็นการดึงดูดผู้ชมจำนวนมาก ทีมงานได้ประกาศออกไปเมื่อวันที่หนึ่งมกราคมแล้วว่าเยี่ยซีจะมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงบอยแบนด์ครั้งนี้
มีแฟนคลับของเยี่ยซีเข้ามาแสดงความยินดีที่ด้านล่างโพสต์มากมาย ความนิยมของรายการก็เพิ่มสูงขึ้นเพราะสาเหตุนี้
ยังไม่ได้ประกาศรายชื่อโค้ช ยังพอเปลี่ยนได้ แต่โปรดิวเซอร์วงจะทำอย่างไร
เฉินหลีรีบร้อนเดินมาจากด้านนอก สีหน้าเย็นชา “โปรดิวเซอร์หลี่คะ พวกเราต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด อวิ๋นเหอเย่ว์กับผู้ช่วย จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ทั้งคู่นะคะ”
โปรดิวเซอร์หลี่รู้ดีมาตลอดว่าวงการบันเทิงมีสารพัดวิธีที่จะเล่นงานกัน
เขาเองก็เห็นมามาก แต่ไหนแต่ไรมาก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
พอได้ฟังสตาฟเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โปรดิวเซอร์หลี่ก็อดหน้านิ่วไม่ได้ “แค่ผู้ช่วยเล็กๆ ถึงกับต้องเล่นงานดาราชั้นนำเลยเหรอ ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาจริงๆ ไม่จบเห่เหรอ”
แฟนคลับของดาราชั้นแนวหน้าแต่ละคนมีเป็นจำนวนมากจนน่ากลัว ดาราเก่าๆ ก็ยังสู้ไม่ได้
ใครก็ตามที่มีสมองหน่อยจะไม่มีทางทำแบบนี้
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะคะ” เฉินหลีแสยะยิ้ม “คนบางคนจิตใจคับแคบต้องการแก้แค้น จนมาล้างแค้นกับซีซีของเรา”
โปรดิวเซอร์หลี่นึกถึงเรื่องในวันสัมภาษณ์ สีหน้าบึ้งตึง “ไม่ใช่เพราะคุณจงใจหาเรื่องก่อนเหรอ”
เล่นเอาเขาถูกพ่อบุญทุ่มด่าจนถลอกปอกเปิก
เฉินหลีนึกไม่ถึงว่าโปรดิวเซอร์หลี่จะหักหน้าเธอต่อหน้าคนมากมาย สีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม “โปรดิวเซอร์หลี่ นี่มันคนละเรื่องกัน เห็นๆ อยู่ว่า…”
“ยังจะมัวพูดมากอีก” ผู้กำกับจำต้องออกมาห้ามสองคนนี้ไม่ให้ทะเลาะกัน “พาอาจารย์เยี่ยไปโรงพยาบาลก่อน ต้องปิดข่าวให้มิดด้วย เรื่องอื่นอีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน”
เขาหันไปพูดกับสตาฟ “แล้วก็นาย ไปเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องแต่งหน้ากันแน่”
เรื่องที่ผิวของเยี่ยซีขึ้นปานแดง ถ้าถูกปาปารัซซี่ถ่ายภาพได้ จะต้องเป็นกระแสรุนแรงในเน็ตแน่นอน
ถึงขั้นที่คู่แข่งของเยี่ยซีอาจให้แอ๊กเคานท์เชิงพาณิชย์สร้างข่าวลือว่าเยี่ยซีเสียโฉมหรือไม่ก็ตั้งท้อง
เฉินหลีก็รู้ในจุดนี้ดี
ตอนนี้เยี่ยซีสำคัญที่สุด
“ซีซี ไป” เฉินหลีพูดเสียงเย็นชา “วางใจได้ ฉันต้องทวงความยุติธรรมให้เธอแน่นอน”
เยี่ยซีตอบเสียงเครียด ขึ้นรถตู้ส่วนตัว
…
อีกด้านหนึ่ง ทางสำนักงานใหญ่ชูกวงมีเดีย
อวิ๋นเหอเย่ว์ขึ้นลิฟต์ส่วนตัวไปกับอิ๋งจื่อจิน พนักงานคนอื่นๆ จึงไม่เห็น
ลิฟต์ส่วนตัวตรงไปสู่ชั้นสามสิบสอง เลขาสาวรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว
เธอติดตามอิ๋งจื่อจินทั้งสองเมือง เพิ่งเดินทางจากฮู่เฉิงมาตี้ตูเมื่อไม่นานมานี้
พอประตูลิฟต์เปิดออก เลขาสาวก็โค้งตัว “บอสคะ ทำตามคำสั่งของบอสเรียบร้อยแล้วค่ะ จากนั้น…”
เธอเงยหน้าก็เห็นมีเด็กหนุ่มตามหลังอิ๋งจื่อจินมา เธอตกใจมากกว่าดีใจ ถอยหลังหนึ่งก้าวทันที “บอส ทำไมพาลูกชายอีกคนของฉันมาล่ะคะ!”
“…”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเธอ ชูโทรศัพท์มือถือในมือ “ฉันจะโทรหาซังเย่าจือตอนนี้”
“ไม่ค่ะไม่ ไม่ได้นะคะ” เลขาสาวเอามือทาบอก “ฉันรักเขาที่สุด ก็แค่ช่วงนี้มีนอกใจไปบ้าง นิดหน่อยพอกรุบกริบ”
อวิ๋นเหอเย่ว์ยิ้มบาง สดใสไร้เดียงสา
เพียงชั่วพริบตาความรักดุจมารดาของเลขาสาวก็เอ่อล้นทะลัก หลังจากที่เธอตามอิ๋งจื่อจินไปส่งอวิ๋นเหอเย่ว์ที่ห้องแต่งหน้าเสร็จก็ถามขึ้น “บอสจะจับเขาเซ็นสัญญาเหรอคะ”
ไม่มีใครรู้ว่าอวิ๋นเหอเย่ว์เป็นผู้หญิง ยกเว้นอวี้เสวี่ยเซิงกับอิ๋งจื่อจิน
เลขาสาวก็มองไม่ออก
ชูกวงมีเดียก็เคยไปหาอวิ๋นเหอเย่ว์ อยากจับเธอเซ็นสัญญา แต่ก็ยังคงถูกปฏิเสธ
“เปล่า” อิ๋งจื่อจินตอบ “ต่อให้เงื่อนไขในสัญญาจะดีแค่ไหนมันก็คือข้อผูกมัด เขาไม่ต้องการ”
เลขาสาวครุ่นคิดก็เข้าใจ
วงการบันเทิงคืออ่างสีขนาดใหญ่ คนที่ใสสะอาดอย่างอวิ๋นเหอเย่ว์มีน้อยมาก
“แต่เปิดสตูดิโอส่วนตัวให้เขาได้” อิ๋งจื่อจินพูด “รอแข่งเสร็จไปเตรียมไว้ด้วย”
แบบนั้นก็จะสามารถมีพื้นที่ให้อวิ๋นเหอเย่ว์พัฒนาฝีมือได้ดียิ่งขึ้น
ซังเย่าจือเป็นดาราที่เก่งรอบด้าน แต่แท้จริงแล้วฝีมือการร้องเพลงของเขาธรรมดามาก
ชูกวงมีเดียมีนักร้องในสังกัดไม่เยอะ อวิ๋นเหอเย่ว์จะช่วยมาเสริมในจุดด้อยนี้ได้ดี
“บอสคะ” เลขาสาวเช็กข่าว ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เพิ่งประกาศว่ามีเรื่องฉุกเฉิน ขอเลื่อนการแข่งขันออกไปก่อนค่ะ”
อ่านไปเรื่อยๆ เธอก็ทำเสียงตกใจอีก “สุขภาพของอาจารย์เยี่ยมีปัญหา ไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ”
อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
เธอเป็นคนประสาทการรับกลิ่นไว พอเข้าห้องแต่งหน้าไปก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ แล้ว
กลิ่นหอมแบบนี้มาจากสมุนไพรที่ธรรมดามากชนิดหนึ่ง แต่พออยู่ในห้องแต่งหน้าจะทำปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่างทำให้คนเกิดอาการแพ้
ต่อให้สตาฟคนนั้นไม่ไล่อวิ๋นเหอเย่ว์ไป เธอก็ไม่มีทางทนอยู่ต่อ
“หวังว่าใบหน้าของเธอจะหายในเร็ววัน” เลขาสาวประนมมือ “ขออย่าให้เงินลงทุนของพวกเราสูญเปล่าเลยเท้อ”
เยี่ยซีไม่ใช่ดาราในสังกัดชูกวงมีเดีย อีกทั้งยังชอบมัดติดกับซังเย่าจือ เลขาสาวไม่ได้รู้สึกดีด้วยเท่าไร
เยี่ยซีเข้าโรงพยาบาล เธอเป็นห่วงเงินของบอสมากกว่า
“มีเวลาให้เตรียมตัวได้พอดี” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อย “ช่วงสองสามวันนี้ให้เหอเย่ว์พักที่ห้องทำงานของฉันก่อน จัดบอดี้การ์ดให้เขาด้วย”
ภายในห้องทำงานของประธานจะมีห้องพักอยู่ในตัว เทียบชั้นได้กับโรงแรมหรูห้าดาว
เลขาสาวพยักหน้าแล้วออกไปจัดการ
…
เยี่ยซีมีอาการแพ้จริงๆ
ตอนแรกดูน่ากลัวมาก แต่พอวันต่อมาก็ดีขึ้น
เพียงแต่เยี่ยซีทำใจให้อภัยไม่ลง
หลังจากที่เธอโด่งดังขึ้นในครึ่งปีแรกก็ได้รับการให้เกียรติมาตลอด มีคนกล้าเล่นงานเธอที่ไหนกัน
แต่เรื่องที่ทำให้เธอผิดหวังคือ โปรดิวเซอร์หลี่กับผู้กำกับไม่ได้มีท่าทีจะไล่อวิ๋นเหอเย่ว์ออก
เฉินหลีใช้สิทธิพิเศษให้เทียนสิงมีเดียขอเบอร์โทรศัพท์กับที่อยู่ของอวิ๋นเหอเย่ว์มาจากทีมงานรายการ
แต่กลับโทรไม่ติด
“อวิ๋นเหอเย่ว์สั่งให้ผู้ช่วยทำแน่นอน” เฉินหลีแสยะยิ้ม “ตอนนั้นไปหาเขาในค่าย แต่กลับไม่เจอ ตอนนี้โทรไปไม่ติด ถ้าไม่ใช่ร้อนตัวจนหนีไปยังจะเป็นอะไรได้อีก”
เยี่ยซีหลับตาลง ท่าทางดูเหนื่อยมาก ไม่อยากคุย
เฉินหลีให้คนขับรถขับไปที่บ้านของอวิ๋นเหอเย่ว์
“อวิ๋นเหอเย่ว์เป็นเด็กกำพร้า” เฉินหลีดูที่อยู่ ขมวดคิ้ว “นึกไม่ถึงว่ามีเงินพักบ้านแบบนี้ด้วย ก็ไม่รู้ว่าได้มาด้วยวิธีไหน”
คอนโดส่วนตัวที่อวี้เสวี่ยเซิงซื้อให้อวิ๋นเหอเย่ว์อยู่วงแหวนรอบสาม ห่างไกลจากตัวเมือง
ถึงแม้จะเป็นบ้านมือสอง แต่ก็ราคาเกินหกล้าน
อย่างไรเสียอวิ๋นเหอเย่ว์ก็มีปัญหาทางด้านจิตใจ แตกต่างจากคนสุขภาพแข็งแรง สภาพแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญมาก
เพียงแต่อวิ๋นเหอเย่ว์ไปพักอยู่ในตึกสำนักงานของชูกวงมีเดียแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้คนที่อยู่ในคอนโดส่วนตัวนี้คืออิ๋งจื่อจิน
เรื่องบางอย่างไม่ต้องใช้ญาณพยากรณ์ แค่ใช้สมองคิดให้ดีก็คาดการณ์ได้
เฉินหลีไม่มีทางเลิกราง่ายๆ
มีเยี่ยซีเป็นข้ออ้าง เธอสามารถลงมือกับอวิ๋นเหอเย่ว์ได้โดยตรง
อิ๋งจื่อจินถึงได้ให้อวิ๋นเหอเย่ว์ไปพักที่ห้องทำงานของเธอ
แน่นอนว่าถ้าเฉินหลีไม่มาจะดีที่สุด ลดความยุ่งยากให้เธอ
อิ๋งจื่อจินนั่งพิงโซฟาดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ ถูกเสียงทุบประตู ปังๆๆ ขัดจังหวะ
จึ๊
มาวุ่นวายจนได้
เธอเหลือบตาขึ้น หยิบผ้าปิดปากที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาใส่
จากนั้นถึงลุกไปเปิดประตู
เป็นไปตามคาด คนที่อยู่หน้าประตูคือเฉินหลีกับเยี่ยซี ด้านหลังของทั้งสองคนยังมีบอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนยืนอยู่
“เธออยู่คนเดียวเหรอ ก็ได้” เฉินหลีมองอิ๋งจื่อจินด้วยสายตาเย็นชา “เธอทำร้ายใบหน้าของดาราบริษัทฉัน รู้หรือเปล่าว่าเยี่ยซีมีประกันใบหน้าเท่าไร สองร้อยล้าน!”
“เอาตัวเธอไปขายยังไม่พอชดใช้เลยนะ!”
“น่าสนใจจริงๆ” อิ๋งจื่อจินพิงประตู เบนสายตาเล็กน้อย มองใบหน้าของเยี่ยซี ชักนึกสนุกขึ้นมา “คุณคู่ควรให้ฉันเล่นงานเหรอ”
ถ้าเธอวางยาเยี่ยซีจริง ไม่ใช่แค่เครื่องมือต่างๆ จะตรวจหาไม่พบ ยังจะทำให้เยี่ยซีตายอย่างเงียบๆ อีกด้วย
แต่เธอวางมือมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เป็นหมอที่ดี
สีหน้าของเยี่ยซีเปลี่ยนไปทันที
ภาพลักษณ์ของเธอในวงการบันเทิงคือนางฟ้าผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ มีภาพลักษณ์แบบนี้มานานแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่มีทางโกรธคนอื่น แม้แต่พวกสตาฟ
แต่คำพูดนี้ของอิ๋งจื่อจินเห็นได้ชัดว่าเป็นการหยามเกียรติ
แค่ผู้ช่วยเล็กๆ กล้าดูถูกเธอขนาดนี้เลยเหรอ
เยี่ยซีตัวสั่น ดวงตาแดงก่ำ เธอหันไป “พี่หลี”
“เธอนี่ช่างกล้า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม ฉันขอเตือนให้เธอรู้จักฉลาดหน่อย” เฉินหลีก็โมโหมากเหมือนกัน “อยู่บ้านยังจะใส่ผ้าปิดปากอีก อับอายมากหรือไง ถอดออก!”
ขณะพูดก็จะเข้าไปดึง