ตอนที่เป็นผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์ อิ๋งจื่อจินก็แค่สวมผ้าปิดปาก ไม่ได้ทำการแปลงโฉมหน้าหรือแต่งตัวอำพราง
เวลาที่ไปกองถ่ายรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เธอก็ให้แค่ฉินหลิงอวี๋กับเซี่ยมั่นอวี่เห็นใบหน้าเธอตอนที่ไม่ได้สวมหน้ากาก
โปรดิวเซอร์หลี่ ผู้กำกับ และพวกสตาฟต่างไม่เคยสังเกต แม้แต่ผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์พวกเขาก็ลืมไปแล้ว
เพราะเลขาสาวเป็นคนคุยเรื่องเกี่ยวกับงานทั้งหมด
รายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! โด่งดังมาก แต่ความนิยมก็ยังสู้พวกรายการวาไรตี้ของวงการบันเทิงไม่ได้ อย่างไรเสียคนที่จะดูรายการเกี่ยวกับวิชาการก็มีน้อยมาก
มีใครบ้างที่ยามว่างอยากจะดูพวกนักวิชาการเก่งๆ อย่างลาปลาส เรียกได้ว่าผู้ชมส่วนใหญ่มาเพราะความสวยของอิ๋งจื่อจินทั้งนั้น
คนที่สังเกตเห็นเป็นเด็กสาวแฟนคลับตัวยงของอิ๋งจื่อจิน
เธอยังได้เข้าร่วมกลุ่มคู่จิ้นยาวิเศษ ทุกวันอยู่ได้ด้วยการตัดต่อภาพ
ตอนแรกที่เธอเห็นรูปนี้ก็แค่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา แต่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ
เธอจึงได้จงใจตัดเอารูปด้านข้างของอิ๋งจื่อจินมาเทียบกับรูปนี้
สุดท้ายก็วิเคราะห์ออกมาได้จากความยาวของขนตา โคนผมตรงหน้าผาก รวมถึงร่องรอยอื่นๆ นี่แหละอิ๋งจื่อจิน
แต่หลังจากที่เธอพิมพ์คอมเมนต์นี้ลงไปก็ถูกประชดทันที
[ขำเป็นบ้า ยังจะเทพอิ๋งอีกเหรอ ฉันว่านะ ก็แค่คนหน้าตาอัปลักษณ์ แบบนี้น่ะ พอสวมผ้าปิดปากเป็นคนสวย แต่พอถอดออกชาวบ้านได้วิ่งหนี]
[สืบมาแล้ว เทพอิ๋งคนนี้เป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมชิงจื้อที่เป็นหนึ่งในสามโรงเรียนมัธยมชั้นแนวหน้าของประเทศจีน ชิงจื้อรวยขนาดไหนไม่พูดถึงแล้วกัน เธอจะไปเป็นผู้ช่วยเหรอ เลิกฝันเถอะ]
[ถ้าผู้หญิงคนนี้คือเทพอิ๋งที่พวกเธอพูดจริง ฉันจะหักคอมาให้พวกเธอเลย]
ไม่มีรูปหน้าตรงมาเทียบก็ยากที่จะโน้มน้าวคนอื่น
สาวน้อยแฟนคลับโกรธมาก
กดพิมพ์ในโทรศัพท์มือถือแล้วส่งข้อความส่วนตัวไป
[ปู่คะ ปู่ว่านี่ใช่เทพอิ๋งของพวกเราไหมคะ]
[คนพวกนั้นบอกว่าเทพอิ๋งไม่สวยเท่าเยี่ยซี หนูโมโหจะตายอยู่แล้ว!]
…
ตอนที่ผู้เฒ่าจงเห็นสองข้อความนี้ เขาเพิ่งลงจากเครื่องบินที่มาถึงตี้ตู ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว
อิ๋งจื่อจินมารับเขา อิ๋งเทียนลี่ว์ก็ขอติดไปด้วย
เธอไม่ได้มีความสนิทสนมกับอิ๋งเทียนลี่ว์เท่าไร ความรู้สึกผูกพันทั้งหมดเดิมทีก็มีน้อยอยู่แล้ว
เรื่องที่ทำให้เธอเก็บมาใส่ใจได้อย่างแท้จริง มือเดียวนับก็ยังพอ
อิ๋งเทียนลี่ว์ก็รู้จุดนี้ เขาถึงได้ไม่ทำตัวใกล้ชิดแต่ก็ไม่ได้ถอยห่าง แค่เฝ้าดูอยู่เงียบๆ
“จื่อจิน นี่ใช่หลานหรือเปล่า” ผู้เฒ่าจงส่งโทรศัพท์ให้ดู พอถามเสร็จเขาก็ยืนยันก่อน
“ต้องใช่หลานแน่นอน”
ต่อให้หลานสาวของเขาใส่ชุดอาหรับ เขาก็จำได้
อิ๋งจื่อจินดู “หนูเองค่ะ”
เรื่องบนเวยปั๋วขอแค่ไม่มาสร้างความเดือดร้อนให้เธอตรงหน้า เธอก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ มีคนไปจัดการให้โดยเฉพาะ
อิ๋งเทียนลี่ว์ก็ดูด้วย ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เป็นผู้ช่วยเหรอ ร้อนเงินเหรอ พี่มีให้นะ”
“อ่อ ไม่ใช่ ฉันแค่เข้าไป…” สีหน้าของอิ๋งจื่อจินไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ “ดูเด็กหนุ่มหน้าตาดีค่ะ”
“ดีมากดี” ผู้เฒ่าจงเห็นด้วย พูดอย่างอารมณ์ดี
“ดูให้เยอะๆ จะได้มีตัวเลือกมากขึ้น และจะได้ไม่ถูกหลอก”
“…” อิ๋งเทียนลี่ว์
เขารู้สึกว่าน้องสาวตัวเองกำลังพูดโกหกหน้าตาย
คนที่เคยเห็นผู้ชายอย่างฟู่อวิ๋นเซิน ยังจะมีใครเข้าตาได้อีก ผู้เฒ่าจงพูดต่อ
“ผ่านพ้นตรุษจีน อีกไม่นานหลานก็จะเข้าพิธีบรรลุนิติภาวะแล้ว ถึงวัยที่จะหมั้นหมายได้แล้ว ตาจะช่วยดูๆ ให้”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วพูด “หมั้นเหรอคะ”
พิธีบรรลุนิติภาวะยังมีความหมายแบบนี้ด้วยเหรอ
“ถูกต้อง เดี๋ยวไว้ตาจะคัดเลือกพวกคุณชายของฮู่เฉิงกับทางตี้ตูมาให้หลานดู” ผู้เฒ่าจงพยักหน้า
“แต่ก็อย่าหมั้นดีกว่า หลานเพิ่งกลับมาได้สองปี ตายังอยากอยู่กับหลานนานหน่อย” อิ๋งจื่อจินหาว
“คุณตาวางใจได้ค่ะ หนูจะไม่แต่งงาน”
แต่งงานมีประโยชน์อะไร
“ไม่ได้ๆ” ผู้เฒ่าจงถลึงตาพ่นลมใส่หนวด
“ตายังอยากอุ้มเหลนนะ”
อิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย หันหน้ามา
“คุณตายังมีหลานชายอีกนะคะ”
“ตาไม่ใช่เด็กเสียหน่อย จะให้เลือกได้ยังไง” ผู้เฒ่าจงส่ายมือ “จะเหลนคนโตเหลนสายในตาก็เอาหมด”
“…”
“นั่นสิเทียนลี่ว์ พ้นวันเกิดปีนี้แกก็ยี่สิบหกแล้ว” ผู้เฒ่าจงถูกเตือนความจำ
“ตายังไม่ให้แกมีเหลนคนโตให้ก็ได้ แต่แกก็ต้องพาแฟนมาให้ดูหน่อยหรือเปล่า”
อิ๋งเทียนลี่ว์นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะถูกโยนมาที่เขา เขาเริ่มไม่สบอารมณ์นิดหน่อย
“คุณตา ค่อยว่ากันเถอะครับ”
“ไม่มีใครเอาแกล่ะสิ” ผู้เฒ่าจงทำเสียงฮึดฮัด “แกว่าแกจะไปที่ไหนนะ”
“สมาคมโหราศาสตร์ครับ” อิ๋งเทียนลี่ว์ถอนหายใจ
“อยู่ที่ถนนเส้นหนึ่งทางด้านใต้ ตรงนั้นมีวัดอยู่หนึ่งแห่งด้วย ผมว่าจะไปไหว้พระหน่อยครับ”
อิ๋งจื่อจินหันมา “สมาคมโหราศาสตร์เหรอ”
อิ๋งเทียนลี่ว์เห็นอิ๋งจื่อจินเป็นฝ่ายถามก่อนก็ปวดใจ แต่ที่มากกว่าคือความดีใจ
เขานั่งตัวตรง อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง
“สมาคมโหราศาสตร์เป็นองค์กรที่ซินแสเก่งๆ หลายคนของทางตี้ตูรวมถึงผู้ที่รักในศาสตร์ทำนายดวงร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา แม้แต่ตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ยบางครั้งก็จะไปที่สมาคมโหราศาสตร์เพื่อให้ซินแสเก่งๆ ดูฮวงจุ้ยให้ ยังมีพวกนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็จะเชิญซินแสฮวงจุ้ยไปให้คำชี้แนะเวลาที่พวกเขาจะสร้างตึก”
แบบนี้จะได้เป็นสิริมงคลเลี่ยงโชคไม่ดี
ในสมาคมโหราศาสตร์มีซินแสเก่งๆ สิบกว่าคน แต่คนที่โด่งดังที่สุดมีแค่สามคน
คนที่อิ๋งเทียนลี่ว์นัดไว้เป็นซินแสดูดวงที่แซ่เหวินเหริน คนนอกวงการจะเรียกเขาว่าซินแสเหวินเหริน
เขาเองก็เพราะโชคดีถึงนัดคิวซินแสคนนี้ได้สำเร็จ ให้ซินแสเหวินเหรินช่วยดูดวงครั้งหนึ่ง ค่าจองเริ่มต้นที่ห้าแสน ยังไม่รวมเนื้อหาที่จะถามกับวิธีแก้ไข
ขอเพียงแต่เขาได้รู้ว่าทำไมเขาถึงฝันแบบนั้น ต้องจ่ายเงินเท่าไรอิ๋งเทียนลี่ว์ก็ไม่แคร์
“อย่างนั้นเหรอ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย
“ในบรรดาซินแสดูดวงพวกนั้นมีคนแซ่ตี้อู่ไหม”
เธอไม่เคยได้ยินว่าตี้ตูยังมีสมาคมโหราศาสตร์อะไรนี่ด้วย
แต่ในสมัยที่มีจักรพรรดิเคยมีหน่วยงานที่คล้ายกัน เพียงแต่คงอยู่ไม่นานก็ถูกราชสำนักปิดไป
“ตี้อู่เหรอ” อิ๋งเทียนลี่ว์คิดเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า “เหมือนจะไม่มีนะ”
อิ๋งจื่อจินก้มหน้า ครุ่นคิดชั่วครู่
เห็นทีจะเป็นแค่องค์กรที่ธรรมดามาก ต่อให้ตอนนี้ตระกูลตี้อู่จะมีคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านทำนายดวงชะตาน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าซินแสดูดวงคนอื่นๆ จะมาเทียบได้
อิ๋งจื่อจินเปิดวีแชท กดที่รูปโปรไฟล์ของตี้อู่เย่ว์
[เธอรู้จักสมาคมโหราศาสตร์ไหม]
ทางนั้นตอบเร็วมาก ดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้ตั้งใจคัดลอกหนังสือ
[สมาคมโหราศาสตร์เหรอ รู้จักสิ ฉันยังเคยไปหลอกเอาเงินคนบ่อยๆ เลย ฮี่ๆ ที่นั่นมีพวกซื่อบื้อเยอะ หลอกนิดหน่อยก็ได้แล้ว]
อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองอิ๋งเทียนลี่ว์ และละสายตากลับ
เธอจำได้ว่าตอนนั้นตี้อู่เซ่าเสียนไม่ได้มีนิสัยเหมือนตี้อู่เย่ว์
ตี้อู่เย่ว์เห็นแก่เงิน สูสีกับซีซาร์ ลอเรนท์เลยทีเดียว
ทันใดนั้นตี้อู่เย่ว์ได้ส่งมาอีกหนึ่งข้อความ
[ตอนบ่ายฉันจะไปหลอกคนที่สมาคมโหราศาสตร์ ปรมาจารย์อิ๋งอยากไปด้วยกันไหม]
ที่ตี้อู่เย่ว์เรียกแบบนี้เป็นเพราะตี้อู่ชวนปู่ของเธอหยิกหูเธอทุกวัน ย้ำนักย้ำหนาว่าอิ๋งจื่อจินเป็นปรมาจารย์ เป็นคนที่ตระกูลตี้อู่ของพวกเขาต้องติดตาม
ตี้อู่เย่ว์ยังไม่ใช่นายใหญ่ของตระกูลตี้อู่ จึงยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตี้อู่เซ่าเสียน
แต่ถึงแม้ตี้อู่ชวนจะไม่เล่า ตี้อู่เย่ว์ก็มองออกนานแล้ว ว่าอิ๋งจื่อจินไม่เหมือนคนปกติทั่วไป
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง สีหน้าเรื่อยเปื่อย พิมพ์ตอบ
[อืม ฉันจะไปกับเธอด้วย]
[ได้เลย งั้นเจอกันตอนบ่าย ปรมาจารย์อิ๋งวางใจได้ คนที่สมาคมโหราศาสตร์รู้จักฉันหมด ตามฉันเข้าไปไม่ต้องเสียงเงิน]
[อย่าเรียกฉันว่าปรมาจารย์อิ๋ง]
[อ๋า ทำไมล่ะ]
[ฟังดูแก่]
[…]
…
อิ๋งจื่อจินไปส่งผู้เฒ่าจงที่โรงแรม พอกินอาหารกลางวันด้วยกันเสร็จเธอก็ออกจากที่นั่น
เรียกรถไปสมาคมโหราศาสตร์
สมาคมโหราศาสตร์ไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ลึกลับ อยู่ภายในอาคารแห่งหนึ่งข้างวัด
พออิ๋งจื่อจินลงจากรถก็เห็นตี้อู่เย่ว์นั่งยองอยู่ที่บันไดเหมือนคนตกยาก คาบหญ้าหางหมาอยู่
“พี่สาว!” ตี้อู่เย่ว์กระโดดขึ้นมาทันที “ในที่สุดก็มาแล้ว”
“อืม” อิ๋งจื่อจินสวมผ้าปิดปาก “ไปเถอะ”
“อันที่จริงสมาคมโหราศาสตร์ที่นี่แปดสิบเปอร์เซ็นต์คือหลอกลวง” ตี้อู่เย่ว์พูด
“แต่ก็มีคนเชื่ออยู่ดี ดูสิ ถ้าอยากเข้าไปต้องจ่ายค่าบัตรเก้าสิบเก้าหยวน ฟันกำไรหัวแบะ”
พูดจบเธอก็ตบหน้าอก “แต่ฉันอยู่ตรงนี้ในฐานะอาจารย์ดูดวง ก็เลยประหยัดค่าบัตรเข้าไปได้”
คนที่รับหน้าที่ตรวจตั๋วพอเห็นบัตรประจำตัวที่ตี้อู่เย่ว์แขวนไว้บนตัวก็ปล่อยเธอเข้าไป
ในนั้นมีคนเยอะมาก แผงลอยก็เยอะ
มีทั้งทำนายความรัก ทำนายการงาน สารพัดร้อยแปดพันอย่าง
“พี่สาว ทางนี้”
ตี้อู่เย่ว์พาอิ๋งจื่อจินเข้าไปด้านใน หลังจากเลี้ยวไปหลายครั้งก็มาถึงหน้าห้องหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ที่นี่คือที่ไหนเหรอ”