“ลำดับ 0 : เดอะฟูล!”
หลังจากจำแนกข้อความบนไพ่ทาโรต์ ไคลน์รู้สึกราวกับได้ยินเสียงของซาราธอีกครั้ง
ในวินาทีนี้ ชายหนุ่มสัมผัสถึงการชักนำทางโชคชะตาอย่างรุนแรง คล้ายกับทุกสิ่งถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เริ่ม เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากฝีมือ 0-08
ไคลน์เริ่มสงสัยในทฤษฎีเดิมของตัวเอง บางที คนฝึกสัตว์สาวในคณะละครสัตว์เมืองทิงเก็นที่อาสาดูดวงไพ่ทาโรต์ให้ฟรี อาจไม่ใช่คนธรรมดา
ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์เริ่มเปลี่ยนมุมมอง ความกังวลและหดหู่จึงเริ่มบรรเทา
ไม่สิ… อาจไม่มีใครชักใยเรื่องนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ…
สืบเนื่องจากพิธีกรรมเดินทางข้ามโลก เรามีโอกาสเข้ามาพัวพันกับมิติลึกลับเหนือมิติสายหมอก นั่นทำให้ชะตากรรมเกิดการเปลี่ยนแปลง… ระบุให้ชัดก็คือ ในฐานะคนแปลกหน้าจากโลกอื่น เราไม่มี ‘ชะตากรรม’ ที่นี่ตั้งแต่แรก ทุกสิ่งผสมผสานจากโชคชะตาของเจ้าของร่าง ผนวกกับอิทธิพลจากมิติเหนือสายหมอกและสภาพแวดล้อม…
มิติลึกลับเหนือสายหมอกสีเทา… ค่อนข้างชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับเส้นทางนักทำนาย และเนื่องจากลำดับ 0 ของเส้นทางนี้มีชื่อว่า ‘เดอะฟูล’ การทำนายไพ่ทาโรต์บนโลกความจริงจึงได้รับอิทธิพลไปด้วย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หมอดูนิรนามจะหยิบไพ่เดอะฟูลออกมา!
และในทำนองเดียวกัน นั่นทำให้เราเลือกใช้ชื่อตัวเองว่า ‘เดอะฟูล’
ไคลน์สงบลงหลายระดับ เชื่อว่านี่คือเหตุผลที่ฟังขึ้น
หลังจากตัดความไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดออก นี่คือคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด และมีโอกาสเป็นความจริงมาก… ไคลน์บังคับตัวเองให้หยุดคิดในสิ่งที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ดึงสติกลับมาสนใจเหตุการณ์ตรงหน้า
บัลลังก์ยักษ์… กลุ่มหนอนแมลงโปร่งแสง… เป็นภาพที่เราเคยเห็นขณะใช้พลังทำนายบนมิติเหนือสายหมอก…
พิจารณาจากฉากที่มอบความสยองขวัญและขนลุกแก่ผู้พบเห็น… น่าจะเป็นเทวทูตบนเส้นทางนักทำนาย… เทวทูตผู้คลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาด!
ซาราธ…?
หรือจะเป็นผู้นำตระกูลอันทีโกนัสในยุคสมัยที่สี่?
ถ้าเป็นรายแรก… ทั้งอาโรเดสและวิล·อัสตินต่างยืนยันตรงกันว่า ซาราธกลายเป็นลำดับ 1 เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่อยู่ในร่างสัตว์ประหลาดเสียสติ สอดคล้องกับภาพที่เห็น… ทฤษฎีนี้ยังอธิบายได้ว่า เหตุใดซาราธถึงต้องการเพียงให้เรา ‘เปิดประตู’ เพราะเมื่อ ‘ประตูลับ’ เปิดออก ทั้งสองโลกจะเชื่อมต่อกัน ช่วยขจัดภาวะผิดปรกติในปัจจุบัน หรือไม่ก็ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย… ค่อนข้างชัดเจนว่าโกศขี้เถ้าเป็นแค่ข้ออ้าง…
แต่ปัญหาคือ… สภาพแวดล้อมปัจจุบันของซาราธที่ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสแสดงให้เห็น ไม่เหมือนกับพระราชวังบนยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส ไม่อย่างนั้น เราต้องเอะใจทันทีที่เห็น…
ถ้านั่นคือเทวทูตของตระกูลอันทีโกนัสที่มีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบัน… หลังจากซาราธครอบครองสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสจากโรซายล์และเดินทางมายังยอดเขาโฮนาซิสเพื่อตามหาสมบัติ อันทีโกนัสทำให้ซาราธต้องทุกข์ทรมานด้วยการแบ่งจิตซาราธออกโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ส่งผลให้เสียสติขณะพยายามเลื่อนลำดับ… ‘อันทีโกนัส’ อาจเป็นลำดับ 1 ‘บริวารเร้นลับ’ ส่วนซาราธในตอนนั้นยังเป็นลำดับ 2 ‘ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์’ …
พิจารณาจากประเด็นดังกล่าว ซาราธต้องการเปิดประตูเพื่อให้โลกภายในหมู่บ้านสายหมอกและโลกภายนอกเชื่อมต่อกัน ร่างแบ่งภาคของตัวเองจะได้กลับมารวมตัวอีกครั้ง…
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน… กลุ่มก้อนหนอนแมลงโปร่งใสน่าจะเป็นลำดับ 1 ที่คลุ้มคลั่ง… เป็นเรื่องธรรมดาที่แม่มดสิ้นหวังจะสติแตกทันทีที่เห็นท่าน… ถึงในช่วงแรกจะดิ้นรนขัดขืนได้เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ต้องถูกแขวนเป็นหุ่นตากแห้ง… อา โชคดีที่ในตอนนั้นเรายังมีเบาะแสไม่มาก ภาพในการทำนายจึงไม่ชัดเจน… ไม่อยากนั้น หากได้เห็นร่างสัตว์ในตำนานที่สมบูรณ์และเสียสติ เราคงคลุ้มคลั่งและกลายพันธุ์ทันที…
เดี๋ยวสิ… ไม่ว่าอันทีโกนัสจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่จะทรงพลังไปกว่าสุริยันเจิดจรัสกับพระผู้สร้างแท้จริงเลยหรือ? ไม่ใช่แน่นอน… ต่อให้ผู้วิเศษเส้นทางนักทำนายมีพลังของมิติหมอกเกื้อหนุน อย่างมากก็ได้แค่ทัดเทียมพวกท่านทั้งสอง… กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเราเตรียมตัวล่วงหน้าดีพอและสามารถทนไหว ก็จะมีโอกาสที่จะ ‘แอบส่อง’ สัตว์ในตำนานร่างสมบูรณ์เพื่อให้ได้รับความรู้ที่สอดคล้องกับเส้นทาง…
บางที เราอาจได้สูตรโอสถลำดับสูงหนึ่งถึงสองสูตร เหมือนกับตอนที่ได้รับสูตรโอสถ ‘ผู้เจิดจรัส’ มาจากการแอบส่องเทพสุริยันเจิดจรัส…
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์อดนึกถึงภาพหนึ่งไม่ได้
‘เดอะฟูล’ แห่งมิติเหนือสายหมอก กำลังเหยียดแขนออกมาช่วงชิงบางสิ่งอีกครั้ง
ขณะไคลน์กำลังตื่นเต้น ใจหนึ่งก็ผิดหวัง เพราะด้วยระดับพลังและสมบัติวิเศษในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปใกล้บัลลังก์ซึ่งเต็มไปด้วยหนอนแมลงโปร่งใสเพื่อหยิบไพ่ ‘เดอะฟูล’
เมื่อสิ่งที่ปรารถนาที่สุดกำลังวางอยู่ตรงหน้า แต่ไม่มีปัญญาหยิบออกมา ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด
ฟู่ว… อย่างน้อยเราก็ได้สูตรโอสถจอมเวทพิสดารมาแล้ว… ในอนาคต ยังมีโอกาสมากมายให้ส่องความลับจากร่างสัตว์ในตำนาน… ปฏิบัติการคราวนี้ไม่สูญเสีย เงินทองและหุ่นเชิดที่ต้องเสียไปไม่เปล่าประโยชน์… อา ซาราธไม่น่าจะให้สูตรโอสถปลอมกับเรา ตัวตนระดับนั้นไม่มีความจำเป็นต้องโกหกผู้วิเศษลำดับ 5 ที่แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับออกมา… แถมซาราธยังน่าจะระแวงเรื่องที่เราอาจรู้สูตรโอสถอยู่ก่อนแล้ว แต่ถามไปเพื่อทดสอบความน่าเชื่อถือ… ไคลน์ถอนหายใจผ่อนคลาย เมื่อพบว่าไม่มีความผิดปรกติเกิดขึ้นภายนอก จึงตัดสินใจเดินไปยังประตูวิหาร ชะโงกหน้าสำรวจภายใน
สำหรับชายหนุ่ม ข้อสงสัยทั้งหมดมิได้สลักสำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการหนีออกจากโลกปัจจุบัน หนีออกจากหมู่บ้านสายหมอกสุดพิสดารแห่งนี้!
ด้านนอกวิหาร ไคลน์ในสภาพสวมหมวกสามมุมและแจ็คเก็ตสีแดงเข้ม เดินมาหยุดหน้าประตูวิหารด้วยความระมัดระวัง ย่างกรายผ่านประตูที่เปิดแง้ม
ศพจำนวนมากที่แต่งกายหลากหลาย ยังอยู่ในสภาพเดิมทุกประการ ถูกแขวนไว้กลางอากาศ โยกเอนไปตามสายลม ปากขยับส่งเสียงเพรียก ‘โฮนาซิส… เฟรเกีย…’
ไคลน์เดินผ่านด้านล่างกลุ่มศพ เมื่อสายตาเริ่มปรับสภาพ ฉากต่างๆ ก็ปรากฏในการมองเห็น
รูปปั้นครึ่งคนครึ่งหมาป่าอสูรยังคงเด่นตระหง่าน ปราศจากความเสียหาย ด้านหลังมีแผ่นหินออบซิเดียนและโกศดีบุกสีขาวในสภาพสมบูรณ์
ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก สำรวจบริเวณรอบๆ อย่างใจเย็น จนกระทั่งดวงตาแข็งทื่อ
ในมุมมืดแห่งหนึ่ง ดอกเห็ดขนาดมหึมาสูงกว่ามนุษย์กำลังตั้งเด่นสง่า
ด้านบนของเห็ดมีสีแดงราวกับเลือดสด ผสมผสานลายจุดสีขาว ส่วนโคนประกอบด้วยเห็ดแบบเดียวกันแต่ขนาดเล็กกว่าจำนวนมากเรียงชิดกัน ลวดลายคล้ายใบหน้าที่งดงามของมิสเตอร์ A
ทว่า บริเวณ ‘ดวงตา’ ของมิสเตอร์ A นั้นว่างเปล่า ปราศจากชีวิตชีวาของมนุษย์ สองฝั่งซ้ายขวามีเห็ดที่เรียงตัวกันเป็นแขน โดยแขนซ้ายกำลังสวมถุงมือหนังมนุษย์แผ่นบาง คล้ายกับหลอมรวมเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์
นี่มันสัตว์ประหลาดประเภทไหนกัน… ไคลน์ผงะถอยหลังอย่างมิอาจควบคุม พบว่าความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับของตนยังบกพร่องอยู่มาก
โดยไม่ได้ปิดเนตรด้ายวิญญาณ ขณะชายหนุ่มพยายามป้องกันตัวเอง มันพบว่าเห็ดประหลาดดอกนี้ปราศจากด้านวิญญาณ คล้ายกับเสียชีวิตไปนานแล้ว ที่ยังขยับตัวได้เพราะเส้นประสาทชักกระตุก
ทันใดนั้น ไคลน์ผุดข้อสันนิษฐาน
มิสเตอร์ A ที่กินเห็ดเข้าไป ดันเหลือบไปเห็นกลุ่มหนอนแมลงโปร่งใสก่อนจะหนีออกมา ถือเป็นการจ้องมองร่างสัตว์ในตำนานโดยตรง จิตใจจึงแตกสลายในพริบตา ร่างกายทำงานล้มเหลว ส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์ที่เลวร้าย แถมยังผสานเข้ากับ ‘เนื้อปลา’ ในศพ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลที่ถูกเผาอยู่ใกล้ๆ จนเกิดการกลายพันธุ์ทับซ้อน แปรสภาพเป็นสัตว์ประหลาดเห็ดพิสดาร!
อา… น่าจะผสานเข้ากับยุบพองหิวโหยด้วยเช่นกัน… ‘เห็ด’ ดอกนี้น่าขยะแขยงชะมัด… ในอนาคต ถ้าแฟรงค์เกริ่นเรื่องการเพาะเห็ดขึ้นมา เราจะจับเขาโยนลงทะเลทันที… ไคลน์ขยับสายตา มองไปทางแผ่นหินออบซิเดียน เตรียมหนีออกไปโดยไม่สนใจ ‘เห็ด’ ประหลาด
ทันใดนั้น ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์กะทันหัน สติเริ่มเลือนราง
เพียงพริบตา ไคลน์พบว่าตนถูกกระชากเข้าไปในดินแดนความฝัน!
หลังจากปลุกตัวเองให้ตื่น ไคลน์เห็น ‘เห็ด’ สูงสองเมตรค่อยๆ ‘เลื่อน’ เข้ามาใกล้ตน ในมืออีกฝ่ายกำลังถือดาบยักษ์ที่ทำจากหินลาวาสีแดงสว่าง ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีฟ้าอ่อน
ใช้ดาบแมกมาได้ด้วย… โดยไม่ลังเล ไคลน์อ้าปากส่งเสียง
“ปัง!”
กระสุนอัดอากาศที่มีพลังทะลุทะลวงสูงพุ่งเข้าหา ‘เห็ด’ ซึ่งเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าเนื่องจากพยายามควบคุมความฝัน คมกระสุนตัดผ่านหมวกเห็ด เกิดการฉีกขาดเป็นแผลใหญ่
บาดแผลดังกล่าวเต็มไปด้วยเลือดเนื้อของมนุษย์และเส้นใย พวกมันยุบพองตัวสักพัก จนกระทั่งบาดแผลถูกสมานอย่างรวดเร็ว
แบบนี้ก็ได้หรือ… ทันใดนั้น ลางสังหรณ์ไคลน์แจ้งเตือนอันตราย จึงรีบกลิ้งตัวไปด้านข้างหลายตลบ
‘เห็ด’ ปรี่เข้าหาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับฟาด ‘ดาบแมกมา’ ในมือใส่จุดที่ไคลน์เคยยืน ส่งผลให้พื้นกระเบื้องแหลกละเอียด สะเก็ดไฟสาดกระเซ็น
ทันใดนั้น ไคลน์ดีดนิ้วเพื่อจุดไฟเผาเห็ดเล็กๆ ตามลำตัวสัตว์ประหลาดเห็ด
ถัดมา ชายหนุ่มรีบวิ่งอ้อมไปด้านหลังรูปปั้น พยายามเข้าใกล้แผ่นดินออบซิเดียน
ทว่า หัวสมองไคลน์ขาวโพลนกะทันหัน จากนั้นก็พบว่าตัวเองเดินมาผิดทิศ
มันกำลังเร่งฝีเท้าออกไปทางประตูวิหาร
เจ้านั่นบิดเบือนเจตนาเรา? หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง มองเห็นจากมุมสายตาว่าร่างกาย ‘เห็ดยักษ์’ ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง เป็นการใช้พลังเพื่อดับไฟ
ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์วิ่งต่อไปทางประตูพร้อมกับดีดนิ้วจุดไฟเผาใบไม้ด้านนอกวิหาร
ในสถานการณ์ที่ยังไม่เข้าใจศัตรูดีพอ แถมยังไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก ชายหนุ่มเชื่อว่า ‘นักมายากล’ ที่ดีควรถอยกลับไปตั้งหลัก
และเหนือสิ่งอื่นใด พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนักเชิดหุ่นอย่าง ‘ควบคุมด้ายวิญญาณ’ กลับไร้ประโยชน์ในสถานการณ์ตรงหน้า เพราะเห็ดยักษ์ไม่มีด้ายวิญญาณให้ควบคุม!
ผ่านไปสักพัก เปลวไฟสีแดงเข้มอาบท่วมร่างไคลน์ประหนึ่งสายน้ำ ก่อนจะอันตรธานหายไปโผล่ด้านนอกและร่อนลงพื้นอย่างนุ่มนวล
ขณะเตรียมรักษาระยะห่าง ชายหนุ่มได้ยินเสียงสายลมโหยหวน
‘เห็ดยักษ์’ หมวกแดงจุดขาว อาศัยสายลมกระโชก ช่วยพัดพาออกจากวิหารด้วยความเร็วสูง!
มันบินได้! ไคลน์รีบดีดนิ้ว อาศัยการกระโจนไฟเพื่อรักษาระยะห่าง
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มพบว่าจมูกเริ่มคัน อยากจามออกมาเสียงดังๆ
แถมยังป่วย… แล้วต้องสู้ยังไง? เราไม่มีสมบัติวิเศษ ไม่สามารถใช้พลังนักเชิดหุ่น… นี่มันเห็ดวิเศษรึไง! ไคลน์ที่ซ่อนตัวในบ้าน หัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก
ทันใดนั้น ร่างกายไคลน์หนาวสั่นกะทันหัน จึงรีบสำรวจร่างกายตัวเองตามความเคยชิน
หมวกสามมุมใบเก่า แจ็คเก็ตสีแดงเข้ม กางเกงขายาวสีขาว รองเท้าบูตหนังสีดำ ทุกสิ่งล้วนอันตรธานหาย เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวที่คอยเป็นปราการด่านสุดท้าย
หรือว่า… ครบครึ่งชั่วโมงแล้ว เซนอลที่ถูกอัญเชิญจากประวัติศาสตร์จึงหายไป… ไคลน์เข้าใจเหตุผลได้ไม่ยาก
ถ้าอย่างนั้น… บางส่วนของพลเรือเอกโลหิตที่ผสานเข้ากับ ‘เห็ด’ ก็น่าจะหายไปด้วย…
และอีกสิบห้านาทีข้างหน้า ‘เนื้อปลา’ ที่เป็นบ่อเกิดความวุ่นวายทั้งหมดก็จะหายตามไป… ขาดแกนหลักของการกลายพันธุ์…
ไคลน์ยกมุมปากเล็กน้อยด้วยสีหน้ายินดี ตามด้วยการจุดไฟเพื่อส่งตัวเองออกนอกบ้าน และไม่ผิดจากที่คาด ตามลำตัวของเห็ดยักษ์เต็มไปด้วยโพรงน้อยใหญ่ บาดแผลในจุดดังกล่าวมิอาจซ่อมแซม ส่งผลให้การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง
ได้เลย… มาเล่นซ่อนหากันสักยก… ไคลน์รำพันเงียบ เริ่มหนีไปรอบๆ ถนนในหมู่บ้าน อาศัยพลังกระโจนไฟเพื่อสร้างระยะห่างกับเห็ดยักษ์
ระหว่างนี้ ปรากฏการณ์จันทร์แดงกระจ่างไม่เกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว
ผ่านไปนานกว่าสิบนาที เห็ดที่น่ารังเกียจและหวาดกลัวเริ่มสิ้นฤทธิ์ ซวนเซก่อนจะล้มลงบนถนน
ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้อย่างระมัดระวัง เฝ้ามองเลือดเนื้อของ ‘เห็ด’ เกิดการหดตัว จนกระทั่งเหลือเพียงถุงมือหนังมนุษย์บางๆ ข้างเดียว
อย่านอกนะว่า… เนื่องจากเป็นการกลายพันธุ์โดยเทวทูตลำดับ 1 ยุบพองหิวโหยจึงผสานกับมิสเตอร์ A อย่างสมบูรณ์? เป็นยุบพองหิวโหยรุ่นพัฒนา? ไคลน์บรรจงโน้มตัวลงไปหยิบถุงมือหนังมนุษย์ด้วยความไม่ประมาท
………………………………………………