ไคลน์เลื่อนสายตาออกจากมาดามเวลม่า·กลาดีส มองไปยังเค้กแคร์รอตและมัฟฟินครีมด้านข้าง รวมถึงไก่ย่างทั้งตัว สตูเนื้อแกะ สเต๊กริบอาย และปลาทอดสูตรพิเศษของอ่าวเดซีย์
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายที่มีอยู่น้อยนิด ฝืนตัวเองให้มองกลับมา เตรียมชวนมาดามแมรี่เต้นรำในรอบถัดไป
ในฐานะเจ้าภาพ การเต้นรำสามเพลงแรกคือสิ่งที่ห้ามพลาด มันจึงทำได้เพียงอดกลั้นความหิวโหย
ขณะเดียวกัน เวลม่า·กลาดีส สุภาพสตรีผู้มีท้องนูนยื่นออกมาเด่นชัด เดินไปยังจุดวางถ้วยไอศกรีมและเหยียดแขนออก ก่อนจะหดกลับในเวลาถัดมา
“คุณอยากกินหรือ?” สามีของเธอ นายแพทย์อลัน ไม่เข้าร่วมการเต้นรำในเพลงแรก แต่คอยเดินตามภรรยา
เวลม่า·กลาดีสส่ายศีรษะขึงขัง
“ไม่อยากกิน ดิฉันกำลังตั้งครรภ์ การกินไอศกรีมไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก… แต่ดูเหมือนว่า เด็กน้อยในท้องอยากลิ้มลองคำเล็กๆ … แค่คำเล็กๆ เท่านั้น”
นายแพทย์อลันผงกศีรษะเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็ชิมคำเล็กๆ แล้วส่งที่เหลือมาให้ผม”
เวลม่าฉีกยิ้มกว้าง
“คุณตามใจเด็กคนนี้เกินไปแล้ว!”
แต่เธอไม่คัดค้าน ทำเพียงยืนมองสามีตักไอศกรีมเป็นก้อนกลม
หลังจากกินไปสองคำ เวลม่าหลับตาลงด้วยความดื่มด่ำ ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งและมองไปรอบๆ พบสตรีกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการเต้นในเพลงแรก พวกหล่อนกำลังซุบซิบบางสิ่ง ยิ้มอย่างมีเลศนัย มีการป้องปากหัวเราะเป็นบางครั้ง
คุยอะไรกันนะ? น่าสนุกจัง… เวลม่าเกิดความสงสัย หลังจากบอกลาสามี เธอเดินไปยังกลุ่มสตรีดังกล่าว
ทว่า พวกหล่อนสลายตัวอย่างรวดเร็ว คล้ายกับเตรียมเข้าร่วมการเต้นรำในเพลงที่สองพอดี
เวลม่าค่อนข้างผิดหวัง กล่าวกับหญิงสาวที่ยังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม
“พวกเขาคุยอะไรกันหรือคะ?”
“ไม่ทราบค่ะ ดิฉันไม่ได้สนใจฟัง” เฮเซลกล่าวพลางชำเลืองสตรีท้องแก่ด้านข้าง
เธอไม่ได้ตำหนิเรื่องที่อีกฝ่ายเสียมารยาท สตรีมีครรภ์มักได้รับการยกเว้นในเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน เวลม่าพบว่าเฮเซล หญิงงามเจ้าของเส้นผมสีเขียวเข้มที่กำลังถือแก้วแชมเปญ ไม่มีความคิดจะเข้าร่วมการเต้นรำ
เธอเป็นคนหยิ่งทระนง แต่ก็ถูกสอนมารยาทมาอย่างดี ต่อให้สนทนากับทาสของบารอน ก็ยังรักษากิริยามารยาทขั้นพื้นฐาน… นิสัยเช่นนี้น่าคบหา แต่ปัญหาก็คือ เธอทำแบบนี้กับทุกคน และนั่นถือว่าเย็นชาเกินไป… หรือนี่จะเป็น ‘วัยต่อต้าน’ ที่จักรพรรดิโรซายล์หมายถึง? ในฐานะครูมัธยม เวลม่าอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็น ก่อนจะทิ้งระยะห่างออกมาและมองหาสุภาพสตรีที่คุ้นเคย
หลังจากการเต้นรำสามเพลงแรกจบลง ไคลน์มีเวลาพักหายใจ สามารถเดินไปกินอาหารหรือดื่มชาเย็นเพื่อดับกระหาย – เกือบทั้งหมดคืออาหารท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของอ่าวเดซีย์
และเนื่องจากกำลังพกพาลางมรณะ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะหิวน้ำบ่อยกว่าปรกติ หลังจากสนทนากับบิชอปอีเล็คตร้าได้ไม่นานก็ต้องขอตัวเข้าห้องน้ำ
อันที่จริง ไคลน์ยังอดทนเต้นได้อีกสามเพลง แต่เนื่องจากวันนี้ ‘อสรพิษแห่งชะตา’ วิล·อัสตินมาเยี่ยมถึงที่ ชายหนุ่มเชื่อว่าอีกฝ่ายน่าจะมีเรื่องคุยกับตน จึงทำตัวเองให้พร้อมกับการสนทนา มองหาสถานที่ลับตาสำหรับสนทนา
แม้ว่าจะ ‘ท่าน’ ผู้นี้จะเป็นเพียงทารกในครรภ์และบังเอิญมาที่นี่เพราะความตั้งใจของมารดา แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ต้องการพบหน้าเรา ยังมีอีกร้อยแปดวิธีในการเปลี่ยนใจมารดา… สรุปโดยสั้น ลองดูก็ไม่เสียหาย… ไคลน์พึมพำพลางเดินเข้าห้องน้ำ ลงกลอนปิดประตู
ชายหนุ่มลังเลว่าตนควรจัดการกับปัญหาเบื้องล่างก่อนดีหรือไม่ แต่สุดท้ายตัดสินใจยืนรอสองสามนาที จนกระทั่งสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้น จึงรีบมองไปทางกระจกเงาสำหรับล้างหน้า
ภาพของทารกคนหนึ่งปรากฏบนผิวกระจก นอนอยู่ในรถเข็นเด็กสีดำ ร่างกายถูกปกคลุมด้วยเงาดำจนยากจะมองเห็นรายละเอียด ทราบเพียงว่าร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมสีเงิน
ทารกเปล่งเสียงกระจ่างใส
“ชะตากรรมของเจ้าพลิกผันเล็กน้อย”
“เกิดอะไรขึ้น?” หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง
วิล·อัสตินในร่างทารกยิ้มเยาะ
“ลองถามตัวเองดูเถอะ! สิ่งเดียวที่ข้าทราบก็คือ เจ้าน่าจะได้พบกับเทวทูตมา”
ไคลน์นึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะโบราณและสมมติฐานของตน ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้ว
“เทวทูตมองเห็นความพิเศษในตัวผมได้ไหม? ก่อนหน้านี้ ในตอนที่พบกับ ‘แสงส้ม’ เขาบอกว่ามีเพียงสัตว์วิเศษระดับสูงไม่กี่ตน รวมถึงเทพที่ถือครองอำนาจในบางเส้นทาง และผู้วิเศษเส้นทางโชคชะตา จึงจะสามารถมองเห็นความพิเศษในตัวผม แถมยังต้องอยู่ในระยะใกล้มาก”
วิล·อัสตินที่กำลังดูดนิ้วในรถเข็นเด็กสีดำ กล่าวพลางยิ้ม
“คงไม่ เพราะเจ้าไม่ใช่ตัวอันตราย… นอกจากนั้น สิ่งที่เทวทูตสนใจอาจไม่ใช่ความพิเศษในตัวเจ้า แต่เป็นพวกพ้องหรือวัตถุบางชิ้นที่มีความพิเศษใกล้เคียงกัน”
วัตถุบางชิ้น หรือพวกพ้องบางคน… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก จนกระทั่งเริ่มฉุกคิดบางอย่าง เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะหลงลืมได้จนถึงตอนนี้ ราวกับถูกใครบางคน ‘ชี้นำทางจิตใจ’ ให้ลืมมันไป
ในตอนที่สำรวจเกาะโบราณ ชายหนุ่มนำ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ติดตัวไปด้วย!
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยเทพบรรพกาล ‘มังกรจินตภาพ’ แอนเคอร์เวล!
หากเกาะโบราณมีส่วนเกี่ยวพันกับสภานักสิทธิ์สนธยาจริง เทวทูตที่ถอนหายใจจากส่วนลึกของวิหาร ไม่ว่าจะพลาดการชิงไพ่เย้ยเทพกลับไป หรือจงใจปล่อยให้เรานำกลับ แต่ท่านจะต้องสนใจการเดินทางของกรอซายแน่ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ผู้นำสูงสุดขององค์กรลับนี้คือ ‘เทวทูตจินตภาพ’ บุตรแห่งเทพ อาดัม! หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นเพราะ ‘การเดินทางของกรอซาย’ อีกฝ่ายจึงยอมมอบไพ่ทรราชให้เราอย่างง่ายดาย และกับการไม่ให้เราและแฮงแมนสำรวจลึกเข้าไป? ไคลน์ครุ่นคิดหาคำตอบ
“แล้วจะแก้ไขได้ยังไง?”
“ไม่จำเป็นต้องแก้ไข ในระยะยาว สิ่งนี้จะเป็นเรื่องดีกับตัวเจ้า เพียงแต่ระหว่างทางอาจมีอุปสรรคค่อนข้างมาก” วิล·อัสตินตอบด้วยเสียงใสกังวาน “แต่สำหรับเจ้าที่มีอุปสรรคในชีวิตอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เพิ่มไปอีกสักหน่อยก็ไม่เสียหาย ที่ข้าเตือนก็เพราะต้องการให้เพิ่มความระมัดระวัง ไม่ถูกอุปสรรคเหล่านั้นจัดการไปเสียก่อน”
สมเหตุสมผล เหมือนกับคนเป็นหนี้ ถ้าเป็นหนี้มากถึงจุดหนึ่งก็เลิกกังวลไปเอง… บางที นี่อาจเป็นโอกาสอันดีที่จะปล่อยให้บรรดาเจ้าหนี้ทะเลาะกัน… หลังจากครุ่นคิดอย่างระมัดระวัง ไคลน์เห็นพ้อง
ก่อนจะหันไปถาม
“เพื่อนของผมที่ต้องการเลือดสัตว์ในตำนานหนึ่งหยด คุณต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน?”
“ข้าต้องการสิ่งใด?” วิล·อัสตินเหยียดหยัน “ข้าต้องการหลายสิ่งมาก ยกตัวอย่างเช่น วิธี ‘ปรองดอง’ กับ ‘ลูกเต๋าความน่าจะเป็น’ หรือไม่ก็ช่วยข้าจัดการกับโอโรเลอุส… หากเจ้าทำได้ จะเลือดกี่หลอดก็เอาไปเลย! แล้วทำได้ไหม?”
ถ้ามีพลังพอจะทำแบบนั้น ฉันจะเสี่ยงกับโอโรเลอุสทำไม? เชือดทารก ‘อสรพิษแห่งชะตา’ อย่างนายไม่ง่ายกว่าหรือ? นั่นก็ทำให้ได้เลือดเหมือนกัน… ไคลน์ส่ายหน้าพลางรำพัน
“ทำไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าต้องเป็นฝ่ายเสนอมา ข้าไม่รีบร้อน” วิล·อัสตินเว้นวรรค “…สตรีหยิ่งทระนงคนนั้นกำลังมีปัญหา หากเจ้ามีโอกาสพูดคุยกับเธอ อย่าลืมชักนำบทสนทนาเข้าสู่หัวข้อความฝัน”
เฮเซล? ความฝัน? ไคลน์พยักหน้าพลางครุ่นคิด
“ตกลง”
เมื่อเห็นวิล·อัสตินกำลังจะกลับ ชายหนุ่มรีบเสริม
“นกกระเรียนกระดาษใกล้จะขาดแล้ว หากมีเหตุฉุกเฉินในอนาคต ผมจะติดต่อคุณยังไง?”
วิล·อัสตินกล่าวหลังจากเงียบไปสักพัก
“เจ้าหวังให้ข้าพับนกกระเรียนกระดาษในครรภ์มารดารึไง? หรือต่อทำให้ได้ เจ้าก็เอาออกไปไม่ได้! หากข้าต้องการพบเจ้า ตราบใดที่ยังอยู่ในเมืองนี้ ข้าสามารถไปหาได้ทุกเมื่อ… หากมีเหตุฉุกเฉิน แค่แวะมาหาพ่อข้าก็พอ! จากนั้นก็รอสักพัก เหมือนกับที่เจ้ารอหลังจากใช้นกกระเรียนกระดาษ… เอาล่ะ ในฐานะทารกในครรภ์ ข้าต้องนอนหลับให้เพียงพอ ไว้คุยกันวันหลัง”
ไคลน์พยักหน้ารับ
“เชิญ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว”
ขณะภาพของวิล·อัสตินกำลังเลือนหาย ฉากบนกระจกหยุดชะงักราวสองวินาที ก่อนจะส่งเสียง
“ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง”
“เรื่อง?” ไคลน์เริ่มเครียดอีกครั้ง
วิล·อัสตินกระแอมในลำคอและตอบ
“ไอศกรีมที่พ่อครัวของเจ้าทำ รสติดหวานเกินไป…”
หา? ไคลน์ตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก จนกระทั่งทารกในรถเข็นสีดำหายไปจากกระจก มันเพิ่งเข้าใจความหมาย มุมปากกระตุกแผ่วเบาอย่างมิอาจหักห้าม
หลังจากจัดการปัญหาช่วงล่างของตัวเองเสร็จ ไคลน์ล้างมือและออกจากห้องน้ำ มองหาบุรุษรับใช้ริชาร์ดสันและออกคำสั่ง
“ไปที่ห้องครัว บอกให้พวกเขาลดความหวานของไอศกรีมตั้งแต่ชุดถัดไป”
ริชาร์ดสันไม่ถามถึงเหตุผล ตอบรับอย่างว่าง่ายและเดินไปทางห้องครัว จนกระทั่งใกล้ถึงครัว มันเริ่มเอะใจ
มิสเตอร์ดอน·ดันเตสยังไม่ได้ไปยุ่งกับไอศกรีม แล้วทำไมเขาถึงรู้ว่ารสชาติหวานเกินไป?
แต่เพียงไม่นานก็ได้คำตอบให้ตัวเอง นั่นคือ คงมีแขกสักคนที่ลองกินและปัญหามาบอกกับเจ้าภาพ
แม้จะค่อนข้างเสียมารยาท แต่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์แปลกใหม่ เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในกรณีที่เจ้าภาพและแขกสนิทกันมาก เป็นการตักเตือนด้วยความหวังดี จะได้รีบแก้ไขปัญหา ไม่ทำให้ชื่อเสียงของเจ้าภาพเสื่อมเสีย
ปัจจุบัน เนื่องจากการเต้นรำเพลงล่าสุดยังไม่จบ ไคลน์ไม่รีบร้อนหาคู่เต้น เพียงเดินไปยังสุดขอบโต๊ะอาหารยาว เตรียมเร่งมือลิ้มรสอาหารอันโอชะ
ขณะหยิบชิ้นปลาทอดเดซีย์ไร้ก้าง มุมสายตาชำเลืองเห็นเวลม่า·กลาดีสเดินเข้ามาใกล้ หยิบแก้วชาเย็น
หญิงสาวผงกศีรษะทักทายเจ้าภาพ ยิ้มและกล่าว
“เครื่องดื่มชนิดนี้อร่อยมาก ดิฉันเพิ่งเคยดื่มเป็นครั้งแรก”
“ชาเย็นจากทวีปใต้ครับ” ไคลน์อธิบายด้วยรอยยิ้ม ก้มมองครรภ์และพูด “เขาทำตัวเรียบร้อยดีนะครับ… เอ่อ… ไม่สิ อาจจะเป็น ‘เธอ’ ก็ได้”
เวลม่ายิ้ม
“ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่จะเรียบร้อย มีแค่ตอนกลางคืนที่นานๆ ครั้งจะเล่นซน”
ตอนกลางคืน… นานๆ ครั้ง… ตอนที่ตอบคำถามของเรา? ไคลน์รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็แสร้งหูทวนลม หันเหความสนใจกลับไปยังจานอาหาร ส่วนเวลม่าดื่มชาเย็นและกลับไปยืนในจุดที่เคยสนทนากับกลุ่มสตรี
จนกระทั่งการเต้นรำรอบใหม่ใกล้เริ่มขึ้น ไคลน์วางจานและแก้วให้กับบริกรชายด้านข้าง มองหาเฮเซลและเดินตรงไปทักทาย
“มิส… เป็นเกียรติมาเป็นคู่เต้นให้ผมได้ไหม?”
เฮเซลเงียบไปสักพัก วางแก้วแชมเปญลงบนถาดเงินในมือบริกร ตอบกลับอย่างสุภาพ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ”
…………………………………………………