นอกจากการโจมตีด้วย ‘ระเบิดโทสะ’ อัลเจอร์เชื่อว่าไม่มีท่าโจมตีใดของตนที่สามารถทะลวงผ่านร่างกายการ์กอยล์หกปีกที่ต้านทานสายฟ้าได้
แน่นอน การร้องเพลงเพื่อเจาะทะลวงเข้าไปในจิตใจของศัตรูโดยตรงคือวิธีที่ดีและได้ผลมากที่สุด หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่อื่น มันจะฉวยโอกาสจากความเชื่องช้าของการ์กอยล์หกปีก อ้อมไปรอบๆ ศัตรูพลางร้องเพลงและใช้ลมเฉือนโจมตีซ้ำๆ ในจุดเดิม ล้มเหยื่อด้วยความเสียหายสะสมในจุดเดียว
แต่ปัจจุบัน มันกำลังอยู่ในห้องเก็บศพ เนื่องด้วยขีดจำกัดทางด้านสภาพแวดล้อม การหลบหลีกอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ตกเป็นเป้าถูกโจมตีแทน การ์กอยล์หกปีกสามารถอาศัยจังหวะดังกล่าว ใช้ง้าวหินยาวเจ็ดแปดเมตรฟันใส่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก่อนที่อีกฝ่ายจะจัดการกับศพทั้งสามเสร็จ นอกจากนั้น อัลเจอร์ยังเชื่อว่า เสียงร้องของตนจะส่งผลกระทบต่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์มากกว่าการ์กอยล์หกปีก
โครม!
ง้าวหินกระแทกพื้นห้องอย่างหนักหน่วงจนเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ ห้องเก็บศพสั่นสะเทือนรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว สำหรับอัลเจอร์ มันไม่โง่พอจะรับแรงปะทะตรงๆ แต่อาศัยสายลมเร่งความเร็วไปทางขวาและกระโดดขึ้น หลบหลีกการโจมตีของการ์กอยล์ด้วยความคล่องแคล่วพร้อมกับพุ่งไปที่หัวศัตรู
ทันใดนั้น มันพบว่าดวงตาสีเทาอ่อนของอีกฝ่ายกำลังมีเปลวไฟลุกโชน
ความคิดอัลเจอร์ชะงักทันที ร่างกายแข็งทื่อพร้อมกับเกิดความรู้สึกถูกสาปเป็นหิน แต่บนผิวหนังยังไม่ปกคลุมไปด้วยสีเทาอ่อน
อาศัยแรงเฉื่อยตกค้าง อัลเจอร์ยังคงพุ่งตรงไปในทิศทางเดิม แต่มิอาจขยับแขนแทงมีดสั้นใส่ศัตรูได้ทันเวลา ร่างกายจึงกระแทกเข้ากับศีรษะของการ์กอยล์หกปีกอย่างจังจนกระเด็น
ง้าวหินสีเทาปรากฏในมุมสายตาอัลเจอร์อีกครั้ง แต่ด้วยความคิดที่กำลังเชื่องช้า เป็นเรื่องยากจะที่รับมือกับการโจมตีถัดไป
ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับไหล่ของมันพร้อมกับกระชากไปด้านข้าง
โครม!
เศษหินกระจัดกระจายพร้อมกับสะเก็ดไฟ ง้าวหินยักษ์ของการ์กอยล์กระแทกพื้นจนเกิดรู้โหว่ขนาดมหึมาอีกครั้ง
การมองเห็นของอัลเจอร์เริ่มกลับมาคมชัด สตินึกคิดค่อยๆ กลับมาเป็นปรกติ
ราวกับตื่นจากฝันร้ายที่มิอาจหลุดพ้นได้ด้วยตัวเอง อัลเจอร์ได้รับสิทธิ์การควบคุมร่างกายคืน
มันพบว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังยืนอยู่ข้างตน โดยตรงมุมห้องในจุดที่ศพทั้งสามยืนอยู่ ยังคงมีประกายสายฟ้าหลงเหลือ
“ห้ามสบตากับมัน เล็งโจมตีที่หน้าอก” หลังจากประสบความสำเร็จในการดึงอัลเจอร์ให้พ้นจากง้าวหิน ไคลน์มอบคำแนะนำ
อัลเจอร์เคยผ่านการต่อสู้มามาก ไม่ต้องให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์อธิบายเพิ่มเติมก็ทราบทันทีว่าประโยคหลังหมายถึงสิ่งใด จึงตั้งสติและเริ่มวนไปรอบๆ การ์กอยล์หกปีก
กึก! กึก! กึก!
อัลเจอร์วิ่งเข้าหาศัตรูและรอให้ง้าวหินฟันกวาดเข้ามา จากนั้นก็ใช้สายลมเร่งความเร็วเพื่อกระโดดหลบ
ฟ้าว!
ลมเฉือนอันคมกริบถูกยิงใส่หน้าอกของการ์กอยล์หกปีก
ระหว่างนั้น อัลเจอร์หลับตาลง ง้างกำปั้นขวาไปด้านหลัง กล้ามเนื้อท่อนแทนเริ่มขยายตัวจนมองเห็นด้วยตาเปล่า
อาศัยความแม่นยำในการกะระยะของนักเดินเรือ มันเหวี่ยงหมัดข้างที่ถือมีดสั้นสุดแรง
ในวินาทีนี้ กำปั้นกำลังถูกห่อหุ้มด้วยเกลียวสายลมและเกลียวสายฟ้า
เปรี้ยง!
หมัดขวาของอัลเจอร์ปะทะกับหน้าอกการ์กอยล์และเกิดระเบิด ส่งผลให้ผิวหนังการ์กอยล์หินเริ่มปริแตก อสรพิษสายฟ้าที่กระจัดกระจายไปรอบๆ เปลี่ยนให้รอยร้าวยุบตัวลงและกลายเป็นหลุมลึก!
แต่ขณะเดียวกัน มีดสั้นในมืออัลเจอร์ส่งเสียงปริแตก ตามด้วยการระเบิดเป็นเศษเล็กเศษน้อย
แรงระเบิดส่งร่างอัลเจอร์กระเด็นไปในอากาศ มันชำเลืองด้วยหางตาและพบว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังอ้อมไปด้านหน้าการ์กอยล์พร้อมกับง้างนกปืนลูกโม่
เสี้ยววินาทีถัดมา นักผจญภัยเลือดเย็นยกมือขึ้นและใช้ปากกระบอกสีดำเล็งใส่การ์กอยล์
ปัง!
ท่ามกลางเสียงกึกก้อง กระสุนพุ่งเข้าไปในหลุมลึกกึ่งกลางหน้าออกการ์กอยล์
สิ้นเสียงสนั่นหวั่นไหว การ์กอยล์หินสีเทาอ่อนชักกระตุกแผ่วเบา ดวงตาที่มีเปลวไฟลุกโชนพลันดับมอด
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ร่างของมันเริ่มพังถล่มลงมาจนแผ่นดินสั่นสะเทือน
ลางมรณะทำการยิง ‘โจมตีหนักหน่วง’ เข้าใส่จุดอ่อน!
วินาทีเดียวกัน อัลเจอร์ที่สามารถรักษาสมดุลร่างกายกลางอากาศ ร่อนลงพื้นด้วยความช่วยเหลือจากสายลม
ไคลน์มิได้หันไปคุยกับอัลเจอร์หรือมองหาสิ่งของมีค่าที่ตกอยู่ แต่รีบมุ่งหน้าไปยังพื้นไหม้เกรียมที่มีนกหวีดทองแดงอะซิกวางอยู่
ศพหนวดปลาหมึกซึ่งมีเกล็ดปลาปกคลุม ค่อยๆ พยุงตัวยืนด้วยร่างกายที่หายไปกว่าครึ่ง ประกายสายฟ้ายังคงแล่นไปทั่วศพจนทำให้เกิดอาการกระตุก
ไม่ใช่ใครนอกจากศพที่แผ่บรรยากาศองอาจ บ้าคลั่ง และทรราช สวมแจ็คเก็ตสีน้ำตาลและหมวกสามเหลี่ยม แขนซ้ายกับขาขวาหายไป ศีรษะเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง ตามลำตัวมีรอยไหม้หลายจุด
แต่ถึงอย่างนั้น มันยังไม่ยอมพักผ่อนอย่างสงบ พยายามผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเศษเนื้อโดยรอบเพื่อกระตุ้นความแข็งแกร่ง
ต้องไม่ลืมว่า การโจมตีที่ไคลน์ใช้เมื่อครู่คือ ‘พายุสายฟ้า’ จากคทาเทพสมุทร แม้ขั้นตอนการบันทึกจะทำให้ประสิทธิภาพลดทอนลงหลายส่วน แต่ระดับความรุนแรงก็ยังอยู่ในขอบเขตครึ่งเทพ การที่อีกสองศพตายคาที่โดยไม่ส่งเสียงร้อง ก็มากพอจะอธิบายพลังทำลายล้างได้เห็นภาพ
เจ้านี่คือตัวปัญหาสินะ… หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง พลางบังคับให้หุ่นเชิดเซนอลกระโดดเข้าไปในผิวเรียบของนกหวีดทองแดง จากนั้นก็พยายามกระโดดเข้าไปในผิวมันเลื่อมของเกล็ดบนหนวด
ทว่า จากความรู้สึกของ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอล ไคลน์สัมผัสถึงแรงต่อต้านอันเกรี้ยวกราดจาก ‘ระดับตัวตนที่สูงกว่า’ ส่งผลให้วิญญาณอาฆาตไม่สามารถเข้าสิงร่างได้!
ร่างเซนอลถูกดีดกลับพร้อมกับสูญเสียสถานะล่องหน
เห็นฉากดังกล่าว อัลเจอร์ไม่มัวเสียเวลาไต่ถาม รีบสร้างลมหมุนรอบตัวศพหมายตรึงการเคลื่อนไหว แต่สายลมกลับไม่ยอมพัดเข้าไปหาอีกฝ่าย คล้ายกับหวาดกลัวบางสิ่ง ทำเพียงกระจัดกระจายไปทุกทิศ
ข่าวดีเรื่องเดียวในสถานการณ์เช่นนี้ก็คือ ศพดังกล่าวไม่คิดโจมตีใส่คนทั้งสอง แต่กระโดดไปทางซ้ายและก้มตัวลง เล็งหยิบนกหวีดทองแดงของอะซิก
ไคลน์ขยับข้อมืออย่างชำนาญ พลิกเปิดสมุดเวทมนตร์ไปที่หน้า ‘ตรวนนรก’
นี่คือพลังที่เอ็มลินบันทึกลงไป เป็นความสามารถของลำดับ 7 แวมไพร์
หลังจากไคลน์ใช้มือขวาข้างที่ถือลางมรณะลูบลงบนหน้ากระดาษ เงาสีดำรอบๆ ศพเริ่มก่อตัวเป็นโซ่ตรวน พันธนาการเป้าหมายให้ติดกับพื้น
อาศัยจังหวะชะงักชั่วครู่ของศัตรู ไคลน์ยกลูกโม่ขึ้นด้วยสีหน้าดำมืด
สีสันที่แตกต่างกัน ทั้งแดง เขียว และขาว ปรากฏขึ้นในทัศนวิสัย
ชายหนุ่มเล็งไปยังจุดสีขาวพร้อมกับเหนี่ยวไก
ปัง!
ลำแสงสีทองสว่างพุ่งเป็นเส้นตรงใส่ศีรษะของศพ เกิดเป็นน้ำพุเลือดสาดกระเซ็น โดยขณะเดียวกัน กระสุนชำระล้างได้แผ่แสงสีทองอร่ามราวกับแสงแดด อาบร่างของเป้าหมายทุกซอกมุม
ในท่างอตัว ศพเริ่มละลายคล้ายเทียนไข ก่อนจะล้มลงพื้นด้านข้างนกหวีดทองแดงอะซิก
สัตว์ประหลาดไร้สติปัญญารับมือง่ายกว่าผู้วิเศษในระดับเดียวกันมาก… ชักเริ่มรู้สึกผิดกับนกหวีดทองแดงแล้วสิ… นับตั้งแต่มาอยู่กับเรา มันต้องเผชิญกับหลายสิ่ง ทั้งระเบิด สายฟ้า แสงชำระล้าง… สมบุกสมบันมาก… ไคลน์รำพันในใจ ก่อนจะสั่งให้วิญญาณอาฆาตลอยไปหยิบนกหวีดทองแดงขึ้นมายัดใส่ร่างกาย
ชายหนุ่มไม่เดินเข้าไปเอง ด้วยเกรงว่าศพที่เหลืออาจตื่นขึ้น เพียงบังคับให้เซนอลสำรวจศพที่สามารถต้านทานพลังการสิงร่าง
ไคลน์เชื่อว่า ศพนี้ต้องพกพาของมีค่าไว้กับตัวแน่!
เพียงไม่นาน เซนอลในร่างปรกติล้วงบางสิ่งออกมา
เป็นไพ่!
ชายบนหน้าไพ่กำลังสวมมงกุฎหรูหราคล้ายกับของสันตะปาปา สองมือประสานกันระดับอก ด้านหน้าชายคนดังกล่าวมีสาวกเคร่งศาสนาจำนวนมากกำลังหมอบกราบ ฉากหลังประกอบด้วยเมฆดำ สายฟ้า พายุ และคลื่น!
ไคลน์รู้จักชายคนนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยเห็นอีกฝ่ายในเครื่องแต่งกายรูปแบบอื่น
จักรพรรดิโรซายล์!
และบนมุมซ้ายบนถัดจากโรซายล์ที่สวมเครื่องแต่งกายสันตะปาปา แสงระยิบระยับเรียงตัวกันเป็นข้อความหนึ่งบรรทัด
ลำดับ 0 : ทรราช!
ไพ่เย้ยเทพเส้นทางวายุสลาตัน? ไพ่ทรราช? ไคลน์หวนนึกถึง ‘พระนาม’ ที่โบสถ์เทพปัญญาความรู้ใช้เรียกเทพวายุสลาตัน
ทรราช!
ในวินาทีที่อัลเจอร์เห็นไพ่ ดวงตาของมันลุกวาวทันที อัดแน่นไปด้วยความหิวกระหาย
อัลเจอร์สูดลมหายใจเข้าลึก รีบเบือนหน้าไปทางอื่นและกล่าว
“การต่อสู้เมื่อครู่สร้างความวุ่นวายไม่น้อย อาจไปปลุกให้ตัวตนลึกลับที่น่าสะพรึงกลัวตื่นขึ้น พวกเราควรรีบเก็บของและรีบหนี”
มิสเตอร์แฮงแมน คิดว่าคนอย่างฉันจะไม่กังวลถึงเรื่องนั้นเลยหรือ? ไม่เห็นจะต้องเตือน ก็พวกเราเคยตกลงกันแล้วนี่? หึหึ… เข้าใจแล้ว ไพ่เย้ยเทพใบนี้คง ‘กระตุ้น’ นายไม่มากก็น้อย ทำให้สงบจิตใจได้ยาก กลายเป็นคนพูดมากโดยไม่จำเป็น… ไคลน์สั่งให้เซนอลก้มเก็บไพ่ทรราชมายัดใส่ตัว ตามด้วยการไล่เข้าสิงศพเพื่อเร่งการควบแน่นของตะกอนพลัง จากนั้นก็หันมากล่าวเสียงเย็น
“คุณเสียเวลาไปแล้วห้าวินาที”
อัลเจอร์ผงะ รีบหันหลังกลับและเดินไปทางศพการ์กอยล์หกปีก ควักลูกตาสีส่องแสงสีแดงออกมา อดทนรอสักพัก ก่อนจะนำมือล้วงเข้าไปในทรวงอกที่ถูกทำลายเป็นหลุมลึก หยิบผลึกสีเทาอ่อนออกมา
ในมุมหนึ่งของห้อง วิญญาณอาฆาตกำลังเร่งปฏิกิริยาของศพที่มีหนองเหลืองปกคลุม จนกระทั่งเกิดเป็นก้อน ‘ดิน’ สีน้ำตาลซึ่งมีรากและ ‘เส้นเลือด’ ซ่อนอยู่ภายใน นับเป็นวัตถุที่พิสดารมาก
โดยไม่มัวคาดเดาลำดับและเส้นทางของโอสถ ไคลน์บังคับให้เซนอลเก็บตะกอนพลังเข้าไปในตัว วกกลับไปหาศพที่หนวดปลาหมึกยังคงสั่นกระตุก เข้าสิงร่างและเร่งความเร็วการตกตะกอน
ขณะรอให้วัตถุคล้ายแมงกะพรุนสีครามก่อตัวเป็นรูปร่าง ไคลน์และอัลเจอร์ได้ยินเสียงหนึ่งลากยาว
“เฮ่อ…”
เสียงถอนหายใจดังมาจากส่วนลึกของวิหาร มอบความรู้สึกเก่าแก่และน่าเกรงขามเหนือพรรณนา
………………………………………………….