Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 799 : ส่องความลับ

ราชันเร้นลับ 799 : ส่องความลับ

ณ เขตเหนือ วิหารนักบุญแซมมวล

ไคลน์ที่เพิ่งเข้ามาในโถงสวดมนต์หลัก อาศัยความช่วยเหลือของจุดแสงเล็กๆ บนผนังด้านหลังแท่นบูชา มองไปรอบๆ อย่างเป็นธรรมชาติพลางบันทึกภาพสาวกทุกคนที่กำลังสวดวิงวอน

เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มกำหนดเป้าหมายได้ทันที เร่งฝีเท้าเดินตรงไปตามทางโดยไม่หยุดชะงัก

ณ แถวหน้าสุด ชายชราในชุดคลุมนักบวชสีดำคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ บรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบ ใบหน้าขาวซีด เส้นผมสีเหลืองซีด ปิดตาสนิทพลางสวดวิงวอนอย่างตั้งใจ ไม่ใช่ใครนอกจากหนึ่งในผู้คุมที่ไคลน์เคยพบเจอ

เข้าเวรวันศุกร์สินะ… ไคลน์ไม่ได้เข้าไปใกล้ เลือกนั่งห่างออกไปสองแถว ยื่นหมวกและไม้ค้ำให้บุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน

ชายหนุ่มนั่งลงพลางใช้หัวแม้โป้งซ้ายกดนิ้วชี้ข้อแรกสองครั้ง เปิดเนตร ‘ด้ายวิญญาณ’ อย่างเงียบงัน

เพียงพริบตา การมองเห็นไคลน์เต็มไปด้วยด้ายมายาเส้นบางๆ สีดำ แต่ละเส้นกระจุกตัวอย่างหนาแน่นในลักษณะแผ่ออกจากร่างกายสิ่งมีชีวิต ปลายยืดยาวออกไปไม่มีจุดสิ้นสุด

ขณะก้นสัมผัสพื้น ไคลน์ขยับสายตาไปยังผู้คุมคนดังกล่าว

สิ่งที่เห็นเกือบทำให้มันส่งเสียงร้อง อย่างไรก็ตาม อาศัยพลังในการควบคุมร่างกายของตัวตลก และการเตรียมใจที่จะพบเจอสถานการณ์ผิดปรกติ ไคลน์ยังรักษามาดขรึมไว้ได้

ในการมองเห็น แม้ว่าชายชราที่มีเส้นผมสีเหลืองซีดจะมีด้ายวิญญาณยื่นออกมาตามปรกติ แต่ร่างกายกลับดำสนิทราวกับแก่นสารที่เป็นต้นกำเนิดด้ายวิญญาณถูกความมืดกลืนกิน แตกต่างจากผู้วิเศษทั่วไปโดยสิ้นเชิง!

อย่างที่คิด… พวกเขาถูกกัดกร่อนด้วยพลังจากแก่นของผนึกจนเกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับวิญญาณ… ตรงตามสมมติฐานข้อที่สองที่เราเคยคาดเดาไว้… พวกเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแก่นผนึกในบางแง่มุม หากส่งสัญญาณการคลุ้มคลั่งเมื่อใด แก่นผนึกจะถูกกระตุ้นและบังคับทำให้สงบ… เข้าใจแล้วว่าทำไม ผู้คุมต้องเกิดจากการสมัครใจ และยังต้องเป็นคนที่มีอายุมาก… พวกเขาทุกคนทราบผลลัพธ์ล่วงหน้า… ไคลน์ถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน เตรียมปิดเนตรด้ายวิญญาณและถอนสายตากลับ

แต่ทันใดนั้น มันเห็นดวงตาดำสนิทคู่หนึ่ง คล้ายกับถูกฉาบด้วยหมึกดำ ปราศจากอารมณ์โดยสิ้นเชิง

หางตาทั้งสองข้ามีริ้วรอยร่องลึกแตกแขนง ราวกับเป็นสัญลักษณ์ที่บิดเบี้ยวพิสดาร

เนตรของผู้คุม!

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ผู้คุมคนดังกล่าวเหยียดหลังตรงและหันศีรษะมาทางดอน·ดันเตส จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา!

หนังศีรษะไคลน์เกิดอาการคันทันที ทำได้เพียงฝืนยิ้มและพยักหน้ารับ ราวกับเป็นเพียงการสบตาโดยบังเอิญ

ผู้คุมค่อยๆ ขยับศีรษะกลับเป็นการตอบสนอง

ทันใดนั้น ไคลน์พบว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวถูกกระชากจนพร่ามัว เลือนรางในตอนแรก ก่อนจะกลับมาคมชัดอีกครั้ง

เพียงพริบตา ชายหนุ่มพบว่าตนถูกดึงเข้ามาในความฝัน

ด้วยร่างดอน·ดันเตส ไคลน์มองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณ พบว่ายังตนอยู่ในวิหารนักบุญแซมมวล แต่ที่นั่งทั้งหมดกระจัดกระจายอย่างโกลาหล บ้างแตกหัก บ้างคว่ำลง คล้ายกับวิหารถูกบุกถล่มโจมตี

แท่นบูชาด้านหน้าเต็มไปด้วยรอยแตกหักและวัชพืชเกาะติด ฝุ่นจับตัวหนาเป็นชั้น คล้ายกับถูกทิ้งร้างมานาน

ผู้คุมเจ้าของเส้นผมสีเหลืองซีดกำลังยืนข้างๆ กล่องบริจาคที่พังยับเยิน สายตาจ้องมาทางดอน·ดันเตสอย่างเย็นชา

เมื่อเห็นไคลน์จ้องกลับ มันอ้าปากเล็กน้อยจนเผยให้เห็นฟันซี่คมที่เรียงรายอย่างไม่เป็นระเบียบ

บนผิวฟันปรากฏร่างมายาเล็ก ๆ ที่พร่ามัว แต่ละร่างมีแขนขาสมบูรณ์ สีหน้าแตกต่างออกไป แต่ทั้งหมดแฝงความเจ็บปวดที่คล้ายคลึงกัน ประหนึ่งกำลังถูกกักขังไว้ข้างในและหมดทางหลบหนี

“กรร…” ผู้คุมส่งเสียงคำรามต่ำคล้ายสัตว์ร้าย แผ่นหลังเริ่มงุ้มงอ

เสื้อคลุมบริเวณซี่โครงและเอวบวมพองขึ้น ท่อนแขนชุ่มเลือด ‘สี่ข้าง’ ที่ปราศจากผิวหนังแทงทะลุออกมา

ทันใดนั้น ขนละเอียดสีดำงอกขึ้นมาปกคลุมท่อนแขน เล็บแหลมๆ งอกยาวจากปลายนิ้ว

เพียงสองถึงสามวินาที ผู้คุมที่ดูปรกติเมื่อครู่ได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มี ‘ขา’ มากถึงแปดข้าง ดูคล้ายกับแมงมุมซึ่งกำลังชักใยอย่างเงียบงันในความมืดเพื่อรอจัดการเหยื่อ ขณะเดียวกันก็คล้ายหมาป่าสีดำที่มีจำนวนขาเยอะผิดปรกติ คอยนำพาความหวาดผวามาสู่ผู้คน

แต่ทันใดนั้น ภายในแท่นบูชาที่แตกหักและทรุดโทรม ฝ่ามือขนาดมหึมาสองข้างที่ปกคลุมด้วยขนสีดำ เหยียดยาวออกมาโดยไม่มีลางบอกเหตุล่วงหน้า พวกมันฟาดลงบนพื้นทั้งสองฝั่งของห้องโถงพร้อมกับแผ่ควันสีดำฟุ้งกระจายไปทุกทิศทาง เพียงพริบตา โถงสวดมนต์ขนาดใหญ่ได้ถูกปกคลุมไปด้วยควันดำหนาแน่น

ออร่าที่น่าหวาดหวั่นและร่างกายมายาขนาดมหึมา เริ่มทะลวงผ่านกำแพงล่องหนและค่อยๆ ปรากฏตัวอย่างคมชัด

เขาคลุ้มคลั่ง? …ผู้คุมคลุ้มคลั่ง? ไคลน์ที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ เตรียมตอบสนองอย่างทันท่วงทีด้วยการใช้ความพิเศษของตนยุติความฝัน แต่ทันใดนั้น มันฉุกคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง จึงรีบสวมสีหน้าหวาดผวา วิ่งอย่างสั่นกลัวไปยังทางเข้า พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากฝันร้าย

หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก กระแสความมืดค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาจากภายนอกโดยปราศจากสุ้มเสียง ปกคลุมดินแดนความฝันเอาไว้ทุกซอกมุม มอบความสุขสงบเหนือพรรณนา

ไคลน์ที่ได้สติกลับมารีบลืมตาบนโลกความจริง พบว่าตนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนผู้คุมผมสีเหลืองซีดคนดังกล่าวหันศีรษะกลับไปแล้ว ปัจจุบันกำลังหลับตาและสวดวิงวอนอย่างเคร่งขรึม

ด้วยดวงตาเบิกโพลงเล็กๆ ดอน·ดันเตสมองไปรอบๆ อย่างหวาดผวา คล้ายกับยังสลัดจากความฝันเมื่อครู่ไม่ได้ ความหวาดกลัวบางส่วนยังหลงเหลือในจิตใจ

ผ่านไปหลายสิบวินาที ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกๆ สองหน จ้องไปยังตราสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์พลางวาดพระจันทร์แดงกึ่งกลางหน้าอก

จนกระทั่ง ไคลน์รวบรวมสติเพื่อวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น ลองคาดเดาด้วยเหตุและผล

เป็นเพราะเราแอบส่องด้ายวิญญาณของเขา… ภาวะใกล้คลุ้มคลั่งจึงตอบสนองอย่างหนักหน่วงด้วยการดึงเข้าสู่ห้วงความฝันและพยายามจะจัดการเรา?

หลังจากนั้น… แก่นผนึกด้านหลังประตูยานิสสัมผัสถึงความผิดปรกติ จึงสยบปัญหาดังกล่าวทันที…

สิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ ผู้คุมยังจดจำสาเหตุที่ตนเกือบคลุ้มคลั่งได้ไหม? หากจำได้ เราไม่แน่ใจว่าเขาจะตอบสนองอย่างไรในสภาพปัจจุบัน… แน่นอน เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเรา ตัวเขาใกล้จะคลุ้มคลั่งอยู่แล้ว… ไคลน์ชำเลืองไปทางชายชราผมเหลืองซีดอีกครั้ง คอยสังเกตว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองเช่นไร จะได้รับมือทันเวลา

หากจนปัญญาจะรับมือ เราคงไม่มีทางเลือกนอกจากกระตุ้นยุบพองหิวโหยและเปิดใช้งาน ‘ท่องเที่ยว’ … ไคลน์วางแผนเสร็จสรรพ เฝ้ารอความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

ไม่กี่นาทีถัดมา ชายหนุ่มชำเลืองเห็นบิชอปอีเล็คตร้าเดินเข้ามาทางประตูด้านข้าง ตรงมาหาตน

หัวใจไคลน์พลันเต้นระรัว นิ้วมือข้างซ้ายทั้งห้าถูกกางออก เตรียมเปิดใช้งานยุบพองหิวโหย

ทว่า มันฉุกคิดบางสิ่งได้ จึงหยุดความคิดดังกล่าวทันที

หลังจากดึงเราเข้าไปในความฝัน หากผู้คุมพบความผิดปรกติในตัวเราและแจ้งให้กับบิชอปทราบ ทางโบสถ์รัตติกาลต้องส่งหน่วยพิเศษออกมาล้อมจับกุม และต้องกระทำในความฝันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้คนบริสุทธิ์ได้รับอันตราย ดังนั้น พวกเขาไม่น่าจะส่งบิชอปคนที่เราคุ้นเคยมาหาตามลำพัง… จุดประสงค์ของอีเล็คตร้าคงมาเพื่อปลอบขวัญมากกว่า… ไคลน์ถอนสายตากลับ หันมาตั้งใจสวดวิงวอนอีกครั้ง

ไม่กี่วินาทีถัดมา ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นพบว่ามีใครบางคนเข้ามาใกล้ จึงรีบเงยหน้าและมองไปทางด้านข้าง ได้ยินบิชอปอีเล็คตร้ากล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล

“คุณรู้สึกไม่ดีหรือ?”

“ผมเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวและฝันร้าย ยังกลัวมาถึงตอนนี้” ไคลน์ยิ้มเจื่อนๆ

บิชอปอีเล็คตร้านั่งลงด้านข้าง กล่าวอย่างสุขุม

“ในบางครั้ง ความฝันของคนเรามีบ่อเกิดจากความกลัวภายในจิตใจ… ขอแค่คุณสวดวิงวอนถึงเทพธิดาอย่างศรัทธาและดื่มน้ำมนต์เข้าไป ผมรับประกันว่าจิตใจจะสงบลง… แน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่ปิดกั้นตัวเองมากเกินไปนัก พยายามหาโอกาสสารภาพบาปกับเทพธิดา สิ่งเหล่านี้ช่วยบรรเทาความเครียดได้ดี”

ไคลน์แอบสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย เงี่ยหูฟังน้ำเสียงและเจตนา ก่อนจะโล่งอก

“เข้าใจแล้วครับ”

ชายหนุ่มหันกลับมามองตรงและก้มหน้า สองมือประสานกันพลางพึมพำเสียงแผ่ว

ระหว่างนั้น มันเห็นผู้คุมแถวหน้าสุดลุกขึ้น เดินไปยังประตูลับด้านข้าง ณ จุดที่บิชอปกำลังยืนรอ

ฟู่ว… ไคลน์พ่นลมอย่างโล่งอก ผสานจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบ

แต่ทันใดนั้น ภายในใจชายหนุ่มมีเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงของตน แต่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของตน

“นายคิดว่าตัวเองแนบเนียนแล้วหรือ? ผิดถนัด! ไม่เลยสักนิด! ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองเคยสัมผัสสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดารัตติกาล!”

…………………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset