ภายในคฤหาสน์ตระกูลโอดรา เอ็มลินได้พบกับคาซีมีที่เป็นบารอนเหมือนกับตน
ผีดูดเลือดเจ้าของใบหน้าคล้ายกับกำลังอยู่ในวัยที่ดีที่สุดของชีวิต งานของมันคือการเป็นปากเสียงให้นีบาส·โอดรา
เราเองก็เป็นบารอนเหมือนกัน แถมยังใช้เวลาไม่นานในการโตเต็มวัย… เอ็มลินรำพัน ลุกขึ้นยืนจากโซฟาในห้องรับแขกและทำความเคารพอีกฝ่าย
“สายัณห์สวัสดิ์ ท่านลอร์ดบารอน”
ขณะคาซีมีเตรียมกล่าวบางสิ่ง จมูกของมันฟุดฟิดพร้อมกับทอดสายตาไปยังกล่องไม้ที่เอ็มลินวางไว้ข้างฝ่าเท้า
“กลิ่นเลือด?”
ขณะกำลังฉงน คล้ายกับมันฉุกคิดบางอย่าง จึงกล่าวหลังจากไตร่ตรอง
“ล่าเป้าหมายได้อีกรายแล้ว?”
เอ็มลินยกมุมปากขึ้น ยิ้มและส่ายหน้า
“ไม่ใช่”
ก่อนที่คาซีมีจะได้ถามคำใด มันยิ้มลึกกว่าเดิมและอธิบาย
“ไม่ใช่รายเดียว แต่เป็นสอง”
สอง? คาซีมี สุภาพบุรุษวัยกลางคนถึงกับผงะ นั่งจ้องเอ็มลินโน้มตัวลงยกกล่องไม้ขึ้นมาเปิดฝา
ระหว่างดำเนินการ กล้ามเนื้อใบหน้าเอ็มลินกระตุกแผ่วเบา เนื่องจากเผลอนำบาดแผลบนมือขวาไปสัมผัสกับกล่อง
มันมิได้แสดงออก เพียงหย่อนแขนลงเล็กน้อย เอียงกล่องไม้ไปด้านหน้าและเปิดฝาออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
ศีรษะชุ่มเลือดและมีรอยไหม้สองหัว ถูกซุกอยู่ในกล่องโดยมีกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าห่อไว้ ใกล้กันมีวัตถุสองชิ้นคล้ายหัวใจวางอยู่ ดวงหนึ่งมีสีแดงสด อีกดวงหนึ่งมีสีแดงเข้มจนเกือบดำ
ฉากอันน่าดึงดูดทำให้คาซีมีไม่ละสายตาไปไหน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ จ้องเอ็มลินและถามตรงไปตรงมา
“ฝีมือเจ้าหรือ?”
แม้ว่ามันจะยืนยันได้แค่ศีรษะของกาลิส·เควิน แต่ตะกอนพลังพิเศษของ ‘แวมไพร์’ ทั้งสองดวงไม่สามารถปลอมแปลงกันได้!
เอ็มลินวางกล่องไม้ลง ลดมือขวาอย่างเป็นธรรมชาติและนำไปถูกับชายกางเกงเบาๆ ตอบด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน… เรื่องราวเป็นเช่นนี้… หลังจากข้าได้รับรางวัลเจ็ดพันปอนด์ในคราวก่อน ข้าซื้อ ‘มรดก’ ของบารอนตนหนึ่งมาจากชุมนุมลับ จากนั้นก็เลื่อนลำดับ… อันที่จริง ข้าไม่อยากเสียเงินให้กับคนที่ฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดสักเท่าไร แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ ‘มรดก’ ชิ้นนี้ต้องตกไปอยู่ในมือคนอื่น และเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ขายอาจไม่ใช่คนฆ่าเสมอไป”
เอ็มลินใช้โอกาสนี้ในการเปิดเผยเรื่องที่ตนกลายเป็น ‘บารอน’ แถมยังไม่มีคำพูดใดโกหก
นี่คือทักษะที่มันเรียนมาจากชุมนุมทาโรต์
ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นบารอน… คิดว่าเจ้าที่มักจะขอซื้อวัตถุวิญญาณ ชอบยืมหนังสือเกี่ยวกับการปรุงโอสถ จะปกปิดความจริงจากสายตาพวกเราได้หรือ? หากมิใช่เพราะมีปัจจัยหลายๆ อย่างบ่งชี้ พวกเราคงตั้งคำถามกับเจ้านานแล้ว… แต่ที่ข้าประหลาดใจก็คือฝีมือในการต่อสู้ เจ้าไม่ได้พกสมบัติวิเศษด้วยซ้ำ เป็นแค่เด็กหนุ่มคลั่งตุ๊กตา ถึงจะอยู่ในลำดับบารอน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่าแวมไพร์เทียมสองตนและหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น… แม้แต่ข้า หากไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าและสืบข้อมูลเป็นอย่างดี เกรงว่าโอกาสสำเร็จก็คงไม่สูงนัก… ในขณะที่ทุกคนไม่ทันสังเกต เอ็มลินเติบโตขนาดนี้เชียว? คาซีมี·โอดรารำพันเงียบ เผยรอยยิ้มและกล่าว
“แบบนี้นี่เอง… เอ็มลิน แล้วเจ้าจะปิดบังทำไม? ไม่อยากได้รับเกียรติในฐานะบารอนและถูกพี่น้องเรียกว่า ‘ลอร์ด’ หรือ?”
เอ็มลินชำเลืองใบหน้าผีดูดเลือดฝั่งตรงข้าม เชิดคางเล็กน้อย
“ข้ากำลังจะบอกทุกคน แต่เนื่องจากมีการแข่ง ‘ล่า’ เกิดขึ้นเสียก่อน จึงอยากทำให้ทุกคนประหลาดใจ… คาซีมี ตอนนี้ข้าจัดการสาวกดวงจันทร์บรรพกาลไปสามคนแล้ว และเนื่องจากเป้าหมายมีเพียงห้าราย หมายความว่าข้าชนะแล้วใช่ไหม?”
มันแทบรอไม่ไหวที่จะเปลี่ยนคำเรียกจาก ‘ลอร์ดบารอน’ เป็น ‘คาซีมี’
เปลือกตาคาซีมีกระตุกแผ่วเบา หัวเราะในลำคอขณะตอบ
“ถูกต้อง เจ้าไม่ต้องล่าอีกแล้ว สำหรับเป้าหมายอีกสองคนที่เหลือ ปล่อยให้รุส·บาโธรีและคนอื่นๆ จัดการแทน อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีสิทธิ์ได้รับรางวัลปลอบใจ”
กล่าวจบ คาซีมีรู้สึกว่าน้ำเสียงของตนเย็นชาไปสักนิด จึงถามด้วยความกังวล
“เจ้าบาดเจ็บหรือ?”
“นิดหน่อย” เอ็มลินยกแขนขวาขึ้น กางนิ้วออก
ด้วยความสัตย์จริง ในการล่าเมื่อครู่ สิ่งที่มอบความเจ็บปวดให้เอ็มลินได้มากที่สุด เกิดขึ้นหลังจากหนีพ้นเขตตะวันออกมาด้วย ‘เทเลพอร์ต’ เพราะต้องฉีกหนังของตัวเองเพื่อป้ายเลือดลงบนหน้าปกบันทึกการเดินทางของเลมาโน่
คาซีมีไม่สานต่อหัวข้อเดิม ครุ่นคิดสองสามวินาที
“ขอแสดงความยินดีที่ได้เป็นผู้ชนะในการแข่งล่าครั้งนี้ เจ้าจะได้รับรางวัลสองชิ้น… ชิ้นแรกคือโอกาสในการเป็นไวเคาต์ รายชื่อของเจ้าจะถูกเสนอให้อยู่ในกลุ่มแรกที่มีสิทธิ์ รอรับความช่วยด้านพิธีกรรมโดยไม่ต้องเสียเงิน… ชิ้นที่สอง เจ้าจะได้รับสมบัติวิเศษซึ่งเป็นของเก่าแก่ สิ่งนั้นคือแหวนที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง แม้จะปราศจากพลังเทพ แต่ก็แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยความลึกลับ เนื่องจากท่านบรรพบุรุษมิได้ตั้งชื่อ พวกเราจึงเรียกมันว่า ‘แหวนลิลิธ’ … และนอกจากนั้น เหมือนเช่นเคย ตะกอนพลังทั้งสองจะตกเป็นของตระกูลผีดูดเลือด ส่งผลให้มีเด็กแรกเกิดเพิ่มขึ้นอีกสองตน และเจ้าจะได้รับเงินสดสามพันปอนด์ตอบแทน”
แหวนที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นด้วยตัวเอง… แม้ว่าเอ็มลินจะผิดหวังที่รางวัลของผู้ชนะไม่ใช่ตะกอนพลัง ‘ไวเคาต์’ โดยตรง เป็นเพียงโอกาสในการประกอบพิธีกรรม แต่เมื่อผนวกกับแหวนที่บรรพบุรุษอย่างลิลิธสร้างขึ้น รางวัลในคราวนี้ดูคุ้มค่าทันที
สำหรับตระกูลผีดูดเลือดที่มีความภาคภูมิใจในเผ่าพันธุ์ สิ่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศขั้นสูงสุด!
เมื่อความยินดีเริ่มจางลง เอ็มลินที่เคยเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์หลายครั้งและล่าเหยื่อสำเร็จมาแล้วสองหน เริ่มฉุกคิดว่าเรื่องราวอาจมิได้ราบรื่นเช่นนั้น
เราถูกท่านบรรพบุรุษส่งไปหามิสเตอร์ฟูล และตอนนี้ก็ได้รับแหวนของพระองค์มาหนึ่งวง… เป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงหรือ? เอ็มลินครุ่นคิดเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบคำตอบ ทำได้เพียงรอสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพื่อปรึกษา เล่าเรื่องราวทั้งหมดและรอฟังคำแนะนำ
เมื่อเห็นความสุขบนใบหน้าเอ็มลินจางลงและไม่พูดอะไรนานหลายสิบวินาที คาซีมีกระแอมในลำคอ
“แหวนและเงินสดจะถูกมอบให้เจ้าในคืนพรุ่งนี้… เมื่อถึงเวลา ข้าจะเรียกรุส·บาโธรีและคนที่เหลือมารวมตัว ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเจ้าได้รับชัยชนะในการแข่งล่า จากนั้นจึงค่อยมอบแหวน”
“ไม่มีปัญหา” แม้เอ็มลินจะขาดประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้ แต่ก็พอจะทราบว่า ‘รางวัล’ คือสิ่งที่ไม่สามารถมอบให้กันอย่างลับๆ จะต้องกระทำอย่างโปร่งใสต่อหน้าผู้เข้าแข่งทุกคน
โดยไม่มัวแช่อยู่นาน เอ็มลินกล่าวคำอำลาและออกจากคฤหาสน์ตระกูลโอดรา โบกรถม้าเช่าในละแวกใกล้เคียง
ภายในรถม้าที่แล่นไปบนถนนด้วยความเร็วต่ำ เอ็มลินแหงนมองดวงจันทร์สีแดงเข้มที่กำลังลอยบนท้องฟ้าอย่างเงียบงัน จิตใจสงบลงหลายส่วน จึงนึกทบทวนรายละเอียดที่เกิดขึ้น ตกผลึกเป็นประสบการณ์และบทเรียนมากมาย
จนกระทั่ง มันคำนวณว่าตนต้องบันทึกพลังพิเศษลงในสมุดเวทมนตร์เลมาโน่เป็นจำนวนเท่าใด
เราใช้อสนีบาตไปห้าครั้ง… เทเลพอร์ตหนึ่งครั้ง เปิดประตูหนึ่งครั้ง โหราศาสตร์อีกหนึ่งครั้ง… รวมทั้งสิ้นแปดครั้ง นอกจากนั้นยังต้องเพิ่มเข้าไปอีกสอง รวมเป็นสิบครั้ง… ยุ่งยากเอาเรื่อง เพราะพลังพิเศษบางชนิดของเราไม่สามารถบันทึกลงไปได้ ยกตัวอย่างเช่น พลังในการฟื้นฟูร่างกาย… คงต้องบันทึกบางทักษะซ้ำลงไป… อา… รอให้ได้แหวนของบรรพบุรุษก่อน อาจมีพลังพิเศษของแหวนให้บันทึก
…
แหวนลิลิธ? เหนือสายหมอกสีเทา ท่ามกลางพระราชวังที่คล้ายกับถิ่นพำนักของคนยักษ์ ไคลน์กำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูงประจำตำแหน่งเดอะฟูล ครุ่นคิดเกี่ยวกับเนื้อหาการสวดวิงวอนของเอ็มลิน·ไวท์
เดิมที มันนึกว่าการที่ตนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะแวมไพร์ที่ขาดประสบการณ์ต่อสู้กำลังต้องการความช่วยเหลือ แต่ใครจะไปคิดว่า เอ็มลินจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพด้วยตัวเองก่อนห้าทุ่ม แม้กระทั่ง ‘ส่งงาน’ เสร็จเรียบร้อย
เป็นเพราะวิวรณ์ของเทพบรรพกาลตนดังกล่าว เอ็มลินจึงสวดวิงวอนถึงเดอะฟูล… และตอนนี้เขาก็ได้รับแหวนจากลิลิธ… ไม่ว่าลิลิธจะเป็นใคร ดูเหมือนว่าเราต้องระวังตัวเอาไว้ คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงให้ดี… ไคลน์ครุ่นคิดสองสามวินาที ก่อนจะตอบสนองคำสวดวิงวอนของเอ็มลินด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกแต่สุขุม
“ทุกครั้งที่สวดวิงวอนถึงเรา หรือกระทั่งในยามเข้าร่วมชุมนุม จงอย่างลืมถอดแหวนวงนั้นออกก่อน”
หลังจากอธิบายจบ ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปลุกกลางดึกอีกต่อไป หลับยาวไปจนถึงรุ่งสาง
กินข้าวเช้าเสร็จ มันพักต่ออีกสักนิด รอจนกระทั่งครูสอนมารยาท วาฮาน่า มาถึงคฤหาสน์ คาบเรียนในวันนี้จะเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงเต้นรำที่จะมีขึ้น ณ บ้านของตนในวันหยุดสุดสัปดาห์
เส้นผมสีดำของวาฮาน่ากำลังโบกสะบัดไปพร้อมกับกระโปรงเดรส จุดประสงค์ของเธอคือการทำให้ดอน·ดันเตสคุ้นเคยกับการเต้นรำเปิดงานและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
ท่ามกลางท่วงท่าที่เบาสบาย ครูสอนมารยาทหาโอกาสพูด
“ดิฉันได้ยินว่า มาดามแมรี่มาเยี่ยมคุณเมื่อวานตอนบ่าย?”
“ใช่ครับ” ไคลน์แอบถอนหายใจและรำพันว่า ไม่มีความลับในถนนบล็อกนี้เลยหรือ? แต่ภายนอกพยักหน้าตอบรับอย่างสุขุม
วาฮาน่าผงกศีรษะเล็กน้อย เงียบงันสองสามวินาทีจึงพูดต่อ
“ดิฉันได้ยินมาว่า มาดามแมรี่นำหุ้นทั้งหมดของตัวเองไปจำนำกับธนาคารเพื่อกู้เงินก้อนโต”
เป็นคำเตือนให้เราคอยระวังว่า อย่าได้ตกหลุมพรางการต้มตุ๋น… ความช่วยเหลือที่เรามอบให้ก่อนหน้านี้ ไม่เพียงจะทำให้เข้าสู่แวดวงชนชั้นสูงของถนนเบิร์คลุนง่ายขึ้น แต่ยังคอยมอบคำแนะนำในด้านอื่นๆ เป็นระยะ… อย่างไรก็ตาม การที่มาดามแมรี่นำหุ้นไปจำนำ จุดประสงค์ก็เพื่อจะเพิ่มจำนวนหุ้นในมือด้วยวิธีที่ปลอดภัย… ไคลน์ฟังอย่างเงียบงัน เผยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะตอบ
“ขอบคุณครับ”
มันเว้นวรรคก่อนจะเสริม
“แต่ละสาขาอาชีพนั้นมีธรรมชาติและอุปนิสัยที่แตกต่างกัน สำหรับแวดวงธุรกิจ กฎเหล็กข้อแรกคือความไม่ประมาท… ผมได้บอกให้วอลเตอร์จ้างทนายความและทีมนักบัญชีเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด สืบสวนเกี่ยวกับบริษัทเป้าหมาย และมอบทางออกที่ช่วยปกป้องผลประโยชน์ของผมได้อย่างรัดกุมที่สุด รวมไปถึงการลดหย่อนภาษี… จนกว่าจะได้รับรายงาน ผมจะไม่ตัดสินใจใดๆ”
วาฮาน่าหันศีรษะมาครึ่งหนึ่ง จ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินเข้มของดอน·ดันเตสและยิ้มกึ่งถอนหายใจ
“ฉลาดสมคำร่ำลือ”
ไคลน์อยากจะตอบว่า ‘แค่นี้นับว่าธรรมดามาก’ แต่ทันใดนั้นพลันฉุกคิดได้ สามีของวาฮาน่าเคยถูกโกงผ้ามาก่อน และฝ่ายที่ช่วยทำให้ขาดทุนน้อยลงก็คือตน การตอบออกไปเช่นนั้นอาจทำให้วาฮาน่านำไปเชื่อมโยงกัน จนเกิดเป็นความเข้าใจผิดคิดว่าเราดูแคลน มันจึงเปลี่ยนคำตอบพลางหัวเราะในลำคอ
“ปัญญาของผมเกิดจากบทเรียนที่ได้รับในอดีต”
“นึกภาพคุณถูกหลอกไม่ออกจริงๆ” วาฮาน่าก้มศีรษะลงและยิ้ม “และคงเป็นเพราะคุณมีประสบการณ์มากมาย จึงสามารถชื่นชมเสน่ห์ที่แตกต่างกันของสตรีในแต่ละช่วงอายุ?”
ข่าวลือบัดซบนี่… เมื่อไรจะหายไปเสียที… ไคลน์ยิ้มอย่างจนปัญญา
“ดอกไม้ทุกดอก งดงามในตัวเองเสมอ”
เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับขั้นตอนการจัดงานเลี้ยงเต้นรำ ไคลน์เดินมาส่งวาฮาน่ากลับ จากนั้นก็ออกเดินทางไปพร้อมกับริชาร์ดสัน เป้าหมายคือที่ทำการบริษัทโคอิมในเขตเชอร์วู้ด ตามคำเชิญของมาดามแมรี่เมื่อวาน
……………………………………………….