ณ มุมสวนของบ้านเลขที่ 100 ถนนเบิร์คลุน บ้านของพอร์ตแลน·โมมงต์
มดและแมลงจำนวนมากที่มารวมตัวกันเริ่มกระจายตัวหนี ความรู้สึกหนาวเย็นและมืดมนเริ่มบรรเทา
ผู้วิเศษที่นี่น่าจะไม่มีประสบการณ์… เมื่อเห็นว่าบรรลุผล เฮเซลพยักหน้า หันหลังกลับทันที เดินไปตามทางเดินของสวน
เธอไม่รีบกลับเข้าตัวอาคาร ยังคงเพลิดเพลินไปกับแสงจันทร์สีแดงเข้ม อากาศเย็นสบาย และกลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้
ผ่านไปสักพัก เฮเซลหยุดการเดินชมจันทร์ ออกจากสวน เข้ามายังห้องโถงชั้นที่หนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน นอกจากแขกที่กำลังเล่นเท็กซัสโปเกอร์ สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีหลายคนเริ่มทยอยกลับ เฮเซลเดินไปหาแม่ของเธอ มาดามลีอานน่า จากนั้นก็พบว่าพ่อของเธอ ส.ส. มัคท์อยู่กับสุภาพบุรุษอีกสองสามคน กำลังเดินลงมาจากชั้นสองพลางสนทนาอย่างออกรส สีหน้าเป็นไปอย่างชื่นมื่น
“พร้อมกลับบ้านหรือยัง? พรุ่งนี้เช้าคุณต้องไปเยี่ยมแขกคนสำคัญ” ลีอานน่าดึงลูกสาวเข้าไปใกล้ๆ เดินไปหาสามี ถามไถ่ด้วยรอยยิ้ม
ส.ส. มัคท์พยักหน้าและกล่าว
“ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผมว่าจะชิมซิการ์ของพอร์ตแลนอีกสักมวน”
ลีอานน่าจ้องไปทางวิลลิส ดอน·ดันเตส และคนที่เหลือด้านข้าง ซักถามโดยไม่มองหน้า
“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ? ฟังดูน่าสนใจ”
มัคท์โน้มตัวไปด้านข้าง กล่าวพลางยิ้ม
“ดอนเล่าว่า เขาเคยเจอภูตผีสมัยที่ยังอยู่ทวีปใต้… เขาและพวกพ้องตื่นขึ้นมากะทันหันกลางดึก อยากลืมตา แต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายหนักอึ้ง คล้ายกับมีใครบางคนกำลังนั่งทับ… พวกเขาใช้ความพยายามอย่างมาก จนในที่สุดก็หลุดพ้นจากสถานะดังกล่าว รีบลุกออกจากเตียง แต่กลับพบว่าอากาศในห้องเย็นเฉียบ… คุณอาจไม่ทราบ แต่อากาศในไบลัมตะวันออกและตะวันตกจะร้อนเกือบทั้งวัน… จากนั้น ดอนกับเพื่อนถือลูกซองแฝด คอยเฝ้ายามตลอดทั้งคืน และเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น พวกเขารีบออกจากหมู่บ้านเล็กๆ นั่นทันที”
ฟังจบ ลีอานน่าหันไปมองดอน·ดันเตสด้วยความสนใจ
“เรื่องจริงหรือ? โลกนี้ผีมีด้วยหรือ?”
ไคลน์ยิ้มและส่ายหน้า
“ผมเองก็ไม่แน่ใจ บางที อาจเป็นเพราะเพิ่งผ่านการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นมา สภาพจิตใจจึงอ่อนล้า เมื่อสุขภาพไม่แข็งแรง ปัญหาจึงปรากฏ”
เรื่องราวเมื่อครู่คือประสบการณ์ตรงของแอนเดอร์สัน ขณะนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลหมอกสำรวจวิหารเก่าแก่ในป่าดงดิบ มันได้เจอกับภูตผี จากนั้นก็เป็นการเผ่นป่าราบของจริง
ภูตผี… เฮเซลมองออกไปทางสวน ยกมุมปากขึ้น ก่อนจะคืนกลับสภาพเดิม
เธอไม่ได้กล่าวคำใด ยืนฟังพ่อและแม่บอกลาคนรู้จัก กลับบ้านพร้อมกับครอบครัว
กลางดึกสงัด เฮเซลสวมชุดนอนและเดินไปที่ระเบียง หยุดยืนตรงช่องว่างผ้าม่าน มองออกไปยังฝาท่อระบายน้ำบนถนนเบิร์คลุน
เหลียวซ้ายแลขวา ใบหน้าหญิงสาวค่อยๆ ซีดเซียว คล้ายกับหวนนึกถึงประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหวาดผวา
เฮเซลบังคับร่างกายให้มองออกไป สูดลมหายใจเข้าสองครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับและเข้านอน
ระหว่างนี้ หญิงสาวกัดริมฝีปากล่าง พึมพำกับตัวเองแผ่วเบา
“นั่นคงเป็นวิญญาณอาฆาต… ไม่ผิดแน่… เราต้องการยันต์หรือสมบัติวิเศษในขอบเขตสุริยัน”
เมื่อสักครู่ ขณะเฮเซลกำลังมองฝาท่อระบายน้ำ ไคลน์เองก็มองเช่นกัน
ผ่านมาแล้วหลายวัน เราไม่มีทางรู้เลยว่าแม่มดทริสซี่ฟื้นฟูร่างกายได้ถึงไหน ออกจากท่อระบายน้ำไปหรือยัง… โชคดีที่เฮเซลกลัวเรา จึงไม่กล้าเฉียดใกล้ท่อระบายน้ำในช่วงนี้… ไคลน์ชำเลืองโคมไฟถนนสีดำ พยักหน้ากับตัวเอง
ชายหนุ่มเปิดกล่องบุหรี่โลหะ บังคับให้หุ่นเชิดวิญญาณอาฆาตปรากฏในกระจกเงาเต็มบาน
มันตัดสินใจแล้ว วันนี้จะส่งเซนอลไปที่ท่อระบายน้ำเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันสภาพของทริสซี่ กังวลว่าอาจเกิดปัญหากับแม่มด
นอกจากนั้น ทริสซี่อยู่ใกล้กับดอน·ดันเตสมากเกินไป ไคลน์ไม่ต้องการให้เธอแช่อยู่นานนัก ภาวนาให้หายไวๆ และรีบออกจากถนนเบิร์คลุน ไปทำงานของตัวเอง
อา… การให้ ‘พลเรือเอกโลหิต’ ปรากฏตัวไม่บ่อยครั้ง สอดคล้องกับคำโกหกของเราก่อนหน้านี้ นั่นคือ เราไม่ได้อาศัยในละแวกใกล้เคียง แต่ท่อระบายน้ำมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ จึงแวะเวียนมาสำรวจเป็นครั้งคราว… ไคลน์ครุ่นคิด พลางบังคับหุ่นเชิดที่สวมหมวกสามมุมใบเก่า กระโดดขึ้นไปบนผิวกระจกของโคมไฟถนน จากนั้นก็ทะลุผ่านฝาท่อระบายน้ำด้วยร่างวิญญาณอาฆาต เข้าไปยังทางแยกที่ทริสซี่ซ่อนตัวอยู่
ยังไม่ทันจะถึงจุดหมาย ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลที่สามารถมองเห็นในที่มืด พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น
หายดีและไปแล้ว? ไคลน์ใช้ความคิด บังคับให้หุ่นเชิดเดินหน้าต่อไป หยุดลงในจุดที่ทริสซี่เคยนั่ง
มันพบว่าบริเวณดังกล่าวสะอาดสะอ้าน ไม่ใช่แค่พื้นโคลนเปียกที่หายไป แม้แต่ตะไคร่น้ำตามผนังก็ยังไม่หลงเหลือ
ไม่มีเศษอาหารด้วย… หลังจาก ‘เขา’ กลายเป็น ‘เธอ’ ก็เกิดรักความสะอาดขึ้นมาทันที? ไม่สิ อาจเป็นคนแบบนั้นแต่แรกแล้ว… ไคลน์บังคับให้วิญญาณอาฆาตถอนสายตากลับ ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวอีกครั้ง เชื่อว่าทริสซี่ยังออกไปไม่ถึงหนึ่งวัน ไม่อย่างนั้นคงไม่สะอาดสะอ้านขนาดนี้
ขณะกำลังใช้ความคิด เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังเข้ามาในโสตประสาทวิญญาณอาฆาต
เซนอลที่อยู่ภายใต้การควบคุม หันหลังกลับไม่มอง และไม่ประหลาดใจนัก ชายหนุ่มเห็นทริสซี่ในเดรสสีดำหม่นหมอง
แม่มดคนนี้มีผมสีดำขลับ ทรงผมแตกต่างจากหญิงสาวในวัยเดียวกัน ค่อนข้างเรียบง่ายและธรรมดา
เมื่อผนวกกับใบหน้าที่มีเลือดฝาด แต่ยังคงขาวนวล ทริสซี่ในปัจจุบันดูราวกับเป็นบุปผางามซึ่งกำลังเบ่งบานอย่างเงียบสงัด
สมแล้วที่เป็นแม่มด… โชคดีที่เราถูกคั่นด้วยหุ่นเชิด ไม่อย่างนั้นคงเอาแต่จ้องหน้าอย่างมีความสุข… หึหึ… คนตายไม่มีวันถูกยั่วยวน! ไม่ว่าแม่มดจะมีเสน่ห์สักเพียงใด แต่ก็ไม่มีวันเปลี่ยนคนตายให้กลายเป็นซอมบี้และคลานขึ้นจากหลุมศพได้… ไคลน์รำพันเงียบ แต่ยังคงไม่ประมาท ส่งเสียงถามทริสซี่ที่กำลังชักใยแมงมุมล่องหน
“ไปไหนมา?”
ทริสซี่ขมวดคิ้วและตอบ
“เรื่องท้องไส้ ใครเขาทำบนที่นอนของตัวเองกัน?”
อึก… เราคิดว่าแม่มดไม่จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำเสียอีก… ไคลน์รำพันติดตลก บังคับวิญญาณอาฆาตหัวเราะ
“หมายถึงขี้กับเยี่ยว?”
มันจงใจสั่งให้หุ่นเชิดพูดเช่นนั้น เพราะเป็นบุคลิกออกแบบไว้สำหรับโจรสลัดหยาบกร้านอย่างพลเรือเอกโลหิต
ทริสซี่ขมวดคิ้วฉงน ถามกลับ
“แล้วยังจะเป็นอะไรได้อีก?”
‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลไม่สานต่อบทสนทนา เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
“ฟื้นตัวได้เร็วดี”
ทริสซี่ยิ้มบางๆ
“ก็ไม่แย่ ฉันจะออกจากที่นี่พรุ่งนี้”
เธอเว้นวรรค ดวงตาเรียวเล็กหรี่ลง
“ว่ากันตามตรง บางครั้งฉันก็สงสัยว่า นายคือ ‘พลเรือเอกโลหิต’ จริงหรือ?”
แน่นอน ตัวจริงเสียงจริง! เธอควรถามว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่… ไคลน์บังคับเซนอลถามกลับอย่างสนใจ
“ทำไมถึงพูดแบบนั้น?”
ทริสซี่จ้องหน้าวิญญาณอาฆาตและตอบ
“กล่าวกันว่า พลเรือเอกโลหิตเป็นพวกหื่นกระหาย ไม่สนว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ขอแค่มีใบหน้าสะสวยก็พอ… แต่ขณะเผชิญหน้ากัน ฉันมองไม่เห็นความปรารถนาทางเพศในตัวนาย… ฉันเชื่อว่า ถ้าเป็นพลเรือเอกโลหิตตัวจริง การตกลงปากเปล่าของพวกเราเมื่อวันก่อน จะต้องแนบท้ายด้วยเงื่อนไขขอมีเพศสัมพันธ์แน่นอน”
ไคลน์ใช้ความคิดสักพัก บังคับวิญญาณอาฆาตหัวเราะกับตัวเอง
“ฉันกลัวว่า ขณะกำลังดื่มด่ำ ‘ความสุข’ ฉันจะเป็นฝ่ายถูกเธอควบคุมแทน”
ทริสซี่เปลี่ยนสีหน้าทันที เพราะนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่เธอยื่นข้อเสนอกับเซนอล
สำหรับแม่มดสุขสม ผู้วิเศษหื่นกระหายคือเหยื่อตามธรรมชาติ
ไคลน์ตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อ สั่งให้หุ่นเชิดกล่าว
“พรุ่งนี้เธอจะไปพบเป้าหมายใช่ไหม? อย่าลืมว่า หัวหน้าองครักษ์หลวงรู้จักเธอ เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน”
เพราะท้ายที่สุด เธอถูกพวกมันชักนำด้วยความบังเอิญ ให้เข้ามาพัวพันกับองค์ชายเอ็ดซัค… ไคลน์เปล่งเสียงในใจ
ทริสซี่ก้มหน้าลง มองปลายนิ้วเท้าตัวเอง ยิ้มขื่นขม
“มั่นใจได้เลย แผนการของฉันสมบูรณ์แบบ”
ขณะกล่าว เธอหันหน้าไปทางด้านข้าง ชี้ไปยังส่วนลึกของท่อระบายน้ำ กล่าวอย่างเป็นกันเอง
“จากตรงนี้ ทางแยกที่หกจากซ้ายมือเป็นทางลับ มีร่องรอยบ่งบอกว่ามนุษย์ผ่านเข้าออกบ่อยครั้ง… หึหึ… ฉันพบมันจากการเดินสำรวจรอบๆ ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา… ถ้าเดาไม่ผิด คงเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม? และนั่นคือเหตุผลที่นายลงมาที่นี่?”
ทางลับ? ไคลน์ไม่รับไม่เถียง ปล่อยให้ ‘วิญญาณอาฆาต’ เซนอลหัวเราะ
“แล้วเจออะไรไหม?”
ทริสซี่ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรเลย บางที ผู้วิเศษสักเส้นทางอาจสามารถมองเห็นเบาะแส”
เป็นสัญชาตญาณของ ‘นักจารกรรม’ หรือสมบัติวิเศษบนร่างกายเฮเซล? ไคลน์ไม่คิดแช่นาน บังคับให้เซนอลวางมือบนหน้าอก ยิ้มและคำนับ
“ในเมื่อเธอหายดีแล้ว ฉันก็เบาใจ”
กล่าวจบ มันหายตัวไปต่อหน้าอีกฝ่าย
ทริสซี่จ้องมองความว่างเปล่า ไม่พบสิ่งใด จนกระทั่งใยแมงมุมล่องหนของเธอสัมผัสโดยเพียงสายลม หญิงสาวถอนสายตากลับ ตระหนักว่าพลเรือเอกโลหิตจากไปแล้วจริงๆ
ขณะเดียวกัน ไคลน์นำหุ่นเชิดวิญญาณอาฆาตกลับมายังฝาท่อระบายน้ำ ไม่คิดสำรวจในจุดที่ทริสซี่เล่าให้ฟัง
มีสามเหตุผลสำหรับการตัดสินใจเช่นนี้ หนึ่ง ตรงนั้นไกลกว่าหนึ่งร้อยเมตร สอง มันเชื่อว่าตนจะไม่พบอะไร เพราะท้ายที่สุด มันไม่ใช่ผู้วิเศษเส้นทางนักจารกรรม ไม่มีสมบัติวิเศษที่สอดคล้อง และสาม ทริสซี่ยังคงอยู่แถวนั้น
…
เช้าวันพฤหัสบดี ฟอร์สตื่นขึ้นตามธรรมชาติ ล้างหน้าเสร็จสรรพ หยิบขนมปังปิ้งหนึ่งชิ้น เปิดประตูและหยิบของออกจากกล่องจดหมาย
เธอเดินมายังโต๊ะดื่มกาแฟพร้อมกับถ้วยกาแฟ พลิกอ่านสิ่งที่อยู่ในมือด้วยท่าทีผ่อนคลาย พบคำตอบที่รอคอยมาหลายวัน
ทั้งหนังสือพิมพ์ ใบแจ้งหนี้ และจดหมายฉบับอื่นๆ ถูกทิ้งลงบนโต๊ะทันที ฟอร์สรีบแกะซองจดหมายในมือ
“อาจารย์มาถึงเบ็คลันด์แล้วหรือ…” หลังจากกวาดตาอ่านอย่างว่องไว ฟอร์สพึมพำด้วยเสียงประหลาดใจ
ขณะเดียวกัน เธอเหลือบไปเห็นขนมปังปิ้งที่เคยคาบ ร่วงหล่นลงบนพื้นห้อง
……………………………………………..