มีคนแอบเข้ามา? ไคลน์ยังไม่พยุงตัวนั่งทันที เพียงพลิกไปด้านข้าง สอดมือขวาไว้ใต้หมอน จับปืนลูกโม่ ‘ลางมรณะ’ อย่างเงียบงัน พลางกางนิ้วทั้งห้าและเตรียมเปิดใช้งานยุบพองหิวโหย
หลังจากตระหนักว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาอาหารให้ยุบพองหิวโหยในเบ็คลันด์ ชายหนุ่มลอบเข้าไปในคุกของเมืองคอนแนนท์ในอ่าวเดซีย์ก่อนจะกลับ พบกับนักโทษประหาร ป้อนเหยื่อให้ถุงมือกินหลังจากยืนยันความผิด
คนของโรงเรียนกุหลาบพบตำแหน่งเราแล้ว? ไม่มีทาง… ไม่น่าจะเร็วได้ขนาดนี้ และถ้าเราเป็นพวกมัน จะไม่บุกเข้ามาอย่างบุ่มบ่าม แต่จะรอโอกาสที่เหมาะสม… เช่นการดักโจมตีเราในที่เปลี่ยว เพื่อไม่ให้หน่วยพิเศษของทางการในเบ็คลันด์พบความผิดปรกติ… หรือเป็นเพราะเราบริจาคในมิสซาจันทรามากเกินไป จึงตกเป็นเป้าหมายของหัวขโมย? นั่นสินะ เศรษฐีต่างถิ่นที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเบ็คลันด์ ย่อมตกเป็นเหยื่อของโจรได้ง่าย… แต่ก็มีโอกาสเป็น ‘เหยี่ยวราตรี’ ที่ลงมือสืบสวนตามระเบียบปรกติเช่นกัน… ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน ไคลน์ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเล็กๆ ดังมาจากระเบียงใหญ่ของห้องกึ่งเปิดโล่งด้านข้าง
ถัดมา เสียงกลอนถูกปลดออก หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานถูกผลักเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
ไคลน์ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านห้องกึ่งเปิดโล่งไปยังทางเดิน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าเริ่มดังเข้าใกล้ห้องนอนใหญ่ก่อนจะผ่านไป เปิดประตูห้องบุรุษรับใช้ส่วนตัว
มันเข้าห้องผิด? หรือมาที่นี่เพื่อตามหาริชาร์ดสัน? หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง ปล่อยมือขวาออกจากลางมรณะ เอื้อมไปหยิบกล่องบุหรี่โลหะที่อยู่ไม่ไกล
หลังจากปลดกำแพงวิญญาณ ร่างมายาสวมแจ็คเก็ตสีแดงเข้มและหมวกสามมุมใบเก่า ปรากฏขึ้นด้านข้างลำตัวทันที จากนั้นก็ลอยเข้าไปในกระจกเงาเต็มบาน
เมื่อเซนอล หุ่นเชิดวิญญาณอาฆาต กระโดดผ่านกระจกเงาจนกระทั่งถึงห้องนอนของริชาร์ดสัน ชายหนุ่มเห็นคนผิวสีแทน ใบหน้าอ่อนโยน เส้นผมสีเข้มเดินออกไปจากห้อง ส่วนริชาร์ดสันทำเพียงนั่งเงียบบนขอบเตียง โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย หลังงุ้มไหล่ห่อ คล้ายกับกำลังผสานตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด
สีหน้าเผยความหวาดกลัว สลับกับหนักใจ สลับกับหดหู่ จนกระทั่งกลับมามีสีหน้าเรียบเฉยโดยไม่กล่าวคำใด
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า อีกฝ่ายมาหาริชาร์ดสัน… ลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกับชาวทวีปใต้… ว่องไวมาก แถมยังเชี่ยวชาญการลอบเร้น ไม่น่าจะเป็นคนธรรมดา… นี่คือเพื่อนที่ริชาร์ดสันรู้จักสมัยทำงานในคฤหาสน์บนทวีปใต้? หรือเป็นญาติจากฝ่ายแม่? ริชาร์ดสันเป็นเพียงบุรุษรับใช้ที่มีค่าแรงสามสิบห้าปอนด์ต่อปี มีปัญญาช่วยเหลืออะไรใครได้ด้วยหรือ? ไคลน์วิเคราะห์จากมุมมองที่เซนอลเห็น ภายในใจคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจว่าทำไมริชาร์ดสันถึงช่างสังเกต ชอบมองดูคนเดินผ่านไปผ่านมาจากบนระเบียง
มันกลัวจะถูกพบตัว!
หวังว่าจะไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงจนส่งผลกระทบต่อแผนของเรา… คงต้องทำนายยืนยันอีกที… หากริชาร์ดสันแก้ปัญหานี้ไม่ได้ เราคงต้องหาเหตุผลในการเลิกจ้างงาน… เมื่อเห็นว่าบุรุษรับใช้ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ไคลน์ตัดสินใจนำวิญญาณอาฆาตกลับห้อง
…
ขณะเดียวกัน เลียวนาร์ด·มิเชลที่อาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 7 ถนนพินสเตอร์ เริ่มเข้าสู่กรุงเบ็คลันด์ในโลกความฝันที่เต็มไปด้วยสายหมอก
ก่อนหน้านี้ มันเคยสอบสวนไมค์·โยเซฟจากหนังสือพิมพ์ ‘เกาะกระแสรายวัน’ ในความฝัน จับใจความได้ว่า เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปพัวพันกับคดีลาเนวุส เป็นเพียงคนโชคร้ายที่บังเอิญติดร่างแห สิ่งนี้ทำให้ความสงสัยในตัวอีกฝ่ายลดลงอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะนักสืบชื่อดังคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องเล็กๆ กับคดีคาพิน รวมถึงมีความสนิทสนมกับเอ็มลิน·ไวท์จากวิหารฤดูเก็บเกี่ยว เลียวนาร์ด·มิเชลคงยกเลิกการสอบสวน และหันไปไล่ล่าเบาะแสของอินซ์·แซงวิลล์อย่างจริงจัง
เนื่องจากเชอร์ล็อก·โมเรียตี้มีเพื่อนที่สโมสรครักซ์ไม่มากนัก หนึ่งคนเสียชีวิตไปแล้วในเหตุการณ์องค์ชายเอ็ดซัค หนึ่งคนคือนักข่าวไมค์·โยเซฟ ดังนั้น เลียวนาร์ดจึงเหลือเพียงเป้าหมายเดียว : นายแพทย์อลัน·คริสต์
จากเอกสารภายใน นายแพทย์คนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ บังเอิญเข้าไปพัวพันพลังพิเศษของเส้นทาง ‘สัตว์ประหลาด’ … หลังจากวัตถุต้องสงสัยถูกสับเปลี่ยน โชคร้ายและฝันร้ายของเขาก็หายไป ชีวิตกลับมาเป็นปรกติสุขอีกครั้ง… อา… คนรอบตัวของนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้มักจะเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเสมอ นักสืบคนนี้คงไม่ธรรมดาแน่… ขณะครุ่นคิด เลียวนาร์ดใช้มือข้างหนึ่งสั่นกระดิ่งที่เป็นตัวแทนความฝันอลัน·คริสต์
ภายในความฝัน มันเลือกนั่งลงบนโซฟา กล่าวพลางมองไปยังนายแพทย์อลันฝั่งตรงข้าม
“รบกวนช่วยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดได้ไหม ว่าคุณรู้จักกับนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ได้อย่างไร”
อลันในความฝันมิได้ปิดบัง เล่าถึงเหตุการณ์ที่มาดามแมรี่แนะนำเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ให้ตนรู้จัก รวมถึงเรื่องที่ตัวมันคือหนึ่งในผู้รับรองให้นักสืบคนดังเข้าร่วมสโมสร ยังเล่าต่อไปด้วยว่า นักสืบคนนี้เคยแนะนำให้ตนนำความผิดปรกติที่พบ ไปแจ้งกับบิชอปของโบสถ์เทพธิดารัตติกาล
ตรงตามเอกสารข้อมูล… เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ค่อนข้างเป็นมิตรกับหน่วยพิเศษของทางการ และยังถูกรับรองโดยไอเซนการ์ด·สแตนธอน… เลียวนาร์ดชำเลืองไปทาง ‘เชอร์ล็อก’ เคราดกซึ่งอยู่ในความทรงจำของนายแพทย์อลัน ก่อนจะถอนสายตากลับและฟังต่อ
เมื่ออลันเล่ารายละเอียดทั้งหมดจบ มันปิดท้าย
“เขาไปพักร้อนทางใต้ แต่ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ผมเป็นกังวลมาก… แต่เนื่องจากเป็นนักสืบที่ฉลาดหลักแหลมและจิตใจดี ผมไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับเขา แค่อยากให้กลับมาทันงานเลี้ยงฉลองการลืมตาดูโลกของลูกผม”
“ขอให้สมหวัง” เลียวนาร์ดปักใจเชื่อว่า เชอร์ล็อก·โมเรียตี้คงไม่กลับมาเหยียบกรุงเบ็คลันด์อีกแล้ว
ถัดมา มันกล่าวคำอำลาอย่างสุภาพและออกจากความฝันของนายแพทย์อลัน
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เลียวนาร์ดหันหลังกลับตามสัญชาตญาณ แต่ก็พบเพียงบ้านสวน รวมถึงลูกบอลแสงพร่ามัวที่เป็นตัวแทนความฝันของแต่ละคน กำลังกระจายตัวอยู่ในโลกแห่งหมอกโดยปราศจากความผิดปรกติ
เราคิดมากไปเอง? แต่เราสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในตัว… เลียวนาร์ดพึมพำพลางบินกลับไปยังถนนพินสเตอร์
ในการมองเห็นของมัน ด้านล่างเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบและโคมไฟถนนสีสลัวและซีดจาง
ทันใดนั้น เลียวนาร์ดพลันหยุดบิน หันไปมองที่อาคารหลังหนึ่ง
ภายในบ้านหลังดังกล่าว แสงทรงกลมพร่ามัวจำนวนห้าถึงหกดวงกำลังลอยตัวอย่างเงียบงัน ไม่ต่างไปจากอาคารอื่นๆ โดยรอบ
ทว่า สัมผัสวิญญาณของเลียวนาร์ดหลับเตือนว่า ในบ้านหลังนั้นมีมวลพลังงานสีดำที่สามารถดูดซับแสงสว่างทั้งหมด
และเหนือสิ่งอื่นใด มันเพิ่งตระหนักว่าตนไม่รู้จักถนนสายนี้และสิ่งก่อสร้างรอบๆ เลยสักนิด!
หัวใจพลันเต้นโครมคราม เริ่มสงสัยว่าตนจะเผลอมองในสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า จึงรีบถอนสายตากลับ เตรียมหนีออกไปจากที่นี่ กลับยังไปร่างเนื้อบนโลกความจริง
ทันใดนั้น สุ้มเสียงอันยียวนดังมาจากอาคารที่ดูธรรมดาๆ
“เข้ามาข้างในก่อนสิ ดื่มชาสักแก้วไหม?”
ความคิดมากมายพลันพรั่งพรูในสมองเลียวนาร์ด มันรีบบินกลับด้วยความเร็วสูงโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมอง
ในวินาทีนี้ สัมผัสวิญญาณกำลังร้องเตือนว่า ไม่ว่าจะบ้านแถว บ้านสวนหลังแล้วหลังเล่า บานประตู และหน้าต่างที่กลายเป็นปาก ทั้งหมดราวกับเตรียมจะจู่โจมใส่ตน!
โคมไฟเหล็กดำจำนวนมากกลางถนนเริ่มขยายขนาด เปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กลายเป็นป่าโลหะ คล้ายกับจะขวางทางเลียวนาร์ดไว้
เลียวนาร์ดไม่คิดจะลดความเร็ว ไม่คิดจะหันหลังกลับไปมอง ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่า เสื้อกั๊กของตนเริ่มแน่นคับ แถมยังแผ่ความเย็นเยียบอย่างน่าประหลาด!
ร่างกายของมันค่อยๆ แข็งทื่อ ราวกับกำลังถูกตรึงไว้โดยฝ่ามือลองหนจำนวนมหาศาล
ขณะสติเริ่มถึงขีดจำกัด แสงไฟจากหน้าต่างที่คุ้นเคยของบ้านหลังที่คุ้นเคย สว่างวาบขึ้นตรงมุมสายตา
เลียวนาร์ดรีบกลั้นหายใจ ดำดิ่งร่างกายลงอย่างรวดเร็ว ออกจากโลกแห่งความฝัน!
ฟู่ว… มันลืมตาตื่นขึ้น เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ตาแก่ เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกับผม?” เลียวนาร์ดหดขาลงจากขอบโต๊ะ ซักถามด้วยสีหน้าเจือความหวาดผวา
รอสองสามวินาที เสียงที่ค่อนข้างชราตอบกลับ
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”
เลียวนาร์ดปิดตาลงทันที ไม่ถามสิ่งใดต่อ
ถัดมาไม่นาน มันมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงไฟจำนวนมากภายในกรุงเบ็คลันด์ยามค่ำคืน บรรยากาศเงียบสงัดและสงบสุข
…
160 ถนนเบิร์คลุน ภายในคฤหาสน์ของดอน·ดันเตส
“นายท่าน มาดามวาฮาน่า·เฮย์เซ่นมาถึงแล้วครับ” ริชาร์ดสันเดินเข้ามาในห้อง กล่าวกับไคลน์
ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์วางหนังสือพิมพ์ลง เงยหน้าขึ้น มองไปทางบุรุษรับใช้ส่วนตัว พบว่าอีกฝ่ายยังเป็นคนพูดน้อย สงบปากสงบคำและสำรวม เอาใจใส่เจ้านายตามปรกติ ไม่มีสิ่งใดแปลกไป
ถ้าไม่ใช่เพราะผลลัพธ์การทำนายระบุว่าปลอดภัยล่ะก็… นอกจากนั้น เราอาจถูกสงสัยหากไล่คนรับใช้ออกส่งเดช… ไคลน์พึมพำในใจ ลุกขึ้นยืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้ริชาร์ดสันช่วยสวมแจ็คเก็ตให้ตน
สิบห้านาทีถัดมา ชายหนุ่มกำลังกอดครูสอนมารยาท วาฮาน่า·เฮย์เซ่นไว้ในอ้อมอก เรียนรู้ท่าเต้นรำอื่นๆ ที่มักใช้กันในงานสังคม
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตกงานในอีกไม่กี่วัน” ผ่านไปสักพัก วาฮาน่ายกย่องพัฒนาการของดันเตสทางอ้อม ก่อนจะเสริม “แต่คุณระมัดระวังตัวมากเกินไป ฉันไม่ได้บอกให้คุณทำตัวต่ำทรามเหมือนชาวอินทิส แนบชิดสตรีอย่างไม่เกรงใจ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างระยะห่างตลอดเวลา การสัมผัสกันบ้างถือเป็นเรื่องปรกติ ตอนนี้คุณดูแข็งทื่อและค่อนข้างน่าเบื่อ”
ไคลน์ดึงอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ผมกังวลว่าจะเสียมารยาท”
หมายความว่า การใกล้ชิดกับสตรีมากเกินไปถือเป็นเรื่องเสียมารยาท? นอกจากนั้น เขากำลังบอกเป็นนัยว่าเรามีเสน่ห์ และอาจเกิดความเขินอายหากต้องใกล้ชิด? คารมคมคายเสียจริง… วาฮาน่าครุ่นคิด ตามด้วยยิ้ม
“คุณเรียนรู้ได้ไวมาก”
ขณะการเต้นรำดำเนินต่อไป ไคลน์จ้องหน้าวาฮาน่า·เฮย์เซ่น ถามเบาๆ ด้วยท่าทีเป็นกันเอง
“มาดาม คุณกำลังหนักใจเรื่องอะไรหรือ”
วาฮาน่าก้มศีรษะต่ำและยิ้ม
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สามีของฉันเป็นนักธุรกิจ เมื่อเร็วๆ นี้เกิดความขัดแย้งเล็กๆ กับใครบางคน แต่เป็นปัญหาที่แก้ได้ไม่ยาก… แล้วก็ คำถามของคุณตรงเกินไป ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะสนิทสนม พยายามอย่าถามสตรีว่ามีปัญหาใด เว้นเสียแต่เธอจะเผยออกมาอย่างชัดเจน”
เมื่อเทียบกับเธอที่เข้าออกบ้านขุนนางและเศรษฐีเป็นว่าเล่น รู้จักคุณหญิงคุณนายมากมาย นักธุรกิจร่ำรวยที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเบ็คลันด์อย่างเรา แทบไม่มีสายสัมพันธ์กับใครเลย… ไคลน์พยักหน้ารับ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมนึกว่าพวกเราไม่ใช่คนแปลกหน้าระหว่างกันเสียอีก”
ชายหนุ่มรีบพาออกจากหัวข้อสนทนาเดิม เล่าถึงประสบการณ์ของตนและเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง วาฮาน่าฟังอย่างตั้งใจ ตอบกลับด้วยถ้อยคำสั้นกระชับ ช่วยให้ไคลน์เข้าใจลักษณะและความชื่นชอบเพื่อนบ้านมากขึ้น
รอจนวาฮาน่ากลับ ไคลน์ยืนอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน ก่อนจะหันไปกล่าวกับพ่อบ้าน
“วอลเตอร์ ไปสืบมาว่ามาดามวาฮาน่ากำลังเผชิญปัญหาแบบใด หากเธอแก้ไขไม่ได้ เราจะมอบความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที”
…………………………………………………..