ในที่สุด… เมื่อการเจรจาบรรลุผล ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก รู้สึกว่าความกดดันในร่างกายลดลงหลายส่วน
แม้ว่ามิสผู้ส่งสารจะบอกว่าหนี้สินจำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทองสามารถผ่อนชำระได้ แถมยังไม่มีเส้นตายกำหนด แต่ไคลน์ก็ไม่อยากประวิงเวลานานเกินไป กังวลว่าไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์อาจจะโกรธเคือง
อีกฝ่ายเป็นถึงสัตว์วิญญาณระดับครึ่งเทพ หากโมโหขึ้นมา แม้จะมีพันธสัญญาคอยผูกมัดอยู่ แต่เธอก็มีวิธีการมากมายที่จะทำให้นายจ้างต้องตกที่นั่งลำบาก!
นอกจากนั้น การปลอมตัวเป็นเศรษฐีช่างสิ้นเปลือง เงินเดือนและค่าใช้จ่ายของคนรับใช้ร่วมยี่สิบชีวิตเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของรายจ่ายทั้งหมด เพราะยังต้องมีค่ารถม้า เครื่องดื่ม ของขวัญให้เพื่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายในงานเลี้ยง ค่าใช้จ่ายในการปกปิดสถานะ หากไม่สำรองเงินสดเตรียมไว้ เกรงว่าอาจได้ล้มละลายเข้าสักวัน
เฮ่อ… หกพันห้าร้อยปอนด์บวกกับเงินสดที่มีในปัจจุบัน จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ไหม? ไม่น่าไหว… ประสบการณ์ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาได้บอกกับเราว่า ห้ามใช้สามัญสำนึกทั่วไปในการวัดความฟุ่มเฟือยของบรรดาเศรษฐี บางที เราอาจต้องหาเงินเพิ่มอีกห้าถึงหกพันปอนด์… ไคลน์อยากยกมือขึ้นลูบขมับ แต่สุดท้ายก็ยับยั้งชั่งใจ
ชายหนุ่มขจัดอารมณ์ด้านลบ บังคับเดอะเวิร์ลมองไปรอบตัวพลางยิ้ม
“ชิ้นที่สองมีชื่อว่า ‘ขวดพิษชีวภาพ’ ”
ไคลน์ใช้ภาษาสั้นกระชับในการอธิบายจุดเด่นของขวดแก้วสีน้ำตาล เน้นย้ำไปที่ความสามารถด้านการปล่อยพิษอันหลากหลาย ช่วงเวลาก่อนการออกฤทธิ์ วิธีต้องกันตัวเองล่วงหน้า และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อฟังจบ ‘จัสติส’ ออเดรย์พลันเย็นสันหลัง เจือความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ความรู้สึกแรกเกิดขึ้นหลังจากจินตนาการภาพคนใช้เล็บข่วนใบหน้าตัวเองจนเลือดออก ส่วนความรู้สึกที่สองเกิดจากการจินตนาการฉากวาบหวิว รวมถึงผลลัพธ์ที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
เป็นสมบัติวิเศษที่บ้าคลั่งสิ้นดี… อา… เป็นประเภทที่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าจึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด… ค่อนข้างเหมาะกับเส้นทาง ‘ผู้ชม’ โดยเฉพาะผู้ชมที่มีลำดับต่ำ หากสามารถอ่านใจเบื้องต้นและพบว่าศัตรูกำลังจะลงมือ ขวดพิษชีวภาพจะช่วยให้รับมือได้ง่ายขึ้น แถมยังสามารถตอบโต้กลับไป… แต่สำหรับเรา ของแบบนี้อาจไม่จำเป็น ถ้าพบว่ามีความผิดปรกติเกิดขึ้น แค่เรียกให้บอดี้การ์ดมาช่วยก็พอ… เหนือสิ่งอื่นใด เราไม่ชอบผลลัพธ์ของมันเลย! บางที เราอาจจะเผลอทำร้ายตัวเองอย่างน่าสยดสยอง! ออเดรย์ ตอนนี้เธอโตแล้วนะ ไม่ต้องซื้อทุกอย่างที่เห็นก็ได้! หญิงสาวครุ่นคิดสักพัก ตัดสินใจไม่ถามราคา
เมื่อเห็นจัสติสไม่กล่าวคำใด ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลเสริม
“ห้าพันสองร้อยปอนด์”
‘จัสติส’ ออเดรย์เม้มปาก ส่ายหน้าอย่างสุภาพ
“ดิฉันอยากได้สมบัติวิเศษในเชิงโจมตีมากกว่า”
ลำดับต้นๆ เส้นทางผู้ชมยังขาดพลังสำหรับประจันหน้าศัตรู ทำได้แค่สร้างอิทธิพลและควบคุมกระแสความเคลื่อนไหว
“ห้าพันสองร้อยปอนด์…” ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส และ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินทวนคำซ้ำ ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม
“ห้าพันสองร้อยปอนด์…” คล้ายกับ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียากำลังครุ่นคิดบางอย่าง แต่จู่ๆ เธอก็ชะงักและรีบปฏิเสธ “ไม่จำเป็นสำหรับฉัน”
ดูเหมือนว่า มาดามเฮอร์มิทกำลังหวาดกลัวบางสิ่ง… ‘จัสติส’ ออเดรย์พยายามอ่านอารมณ์ของอีกฝ่าย
ในเสี้ยววินาทีเมื่อครู่ แคทลียารู้สึกว่า ‘ขวดพิษชีวภาพ’ น่าจะเข้ากันได้ดีกับ ‘ผู้เชี่ยวชาญพิษ’ แฟรงค์·ลี นอกจากจะไม่ซ้อนทับกับพลังในเส้นทาง ยังช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน เธอลังเลว่าจะซื้อให้รองกัปตันของตนดีไหม เพราะปัจจุบันมีเงินเก็บค่อนข้างเหลือเฟือ แต่พลังจากพิจารณาว่า แฟรงค์·ลีสามารถนำขวดพิษชีวภาพไปทำการทดลองพิสดารได้มากมาย แคทลียาพลันสั่นกลัวอย่างเหนือคำบรรยาย ล้มเลิกความคิดดังกล่าวทันที
เธอไม่อยากเห็นดาดฟ้าอนาคตกาลเต็มไปด้วยทายาทของลูกเรือที่คอยส่งเสียงร้องมอๆ!
จนการชุมนุมเมื่อไร เราต้องเขียนจดหมายบอกกับชารอนว่า สร้อยของพลเรือเอกโลหิตถูกขายไปแล้ว เหลือแค่ขวดพิษชีวภาพ… ไคลน์ปกปิดความผิดหวัง บังคับให้เดอะเวิร์ลพูดหลังจากไตร่ตรอง
“นอกจากนั้น ผมต้องการขาย ‘หนังสือแห่งความลับ’ เป็นหนังสือศาสตร์เร้นลับที่ ‘ราชาหมอผี’ คารามันแห่งทวีปใต้เหลือทิ้งไว้ เหมาะสำหรับผู้วิเศษขั้นกลางที่มีพื้นฐานดี… ราคาหนึ่งพันปอนด์”
ความรู้เปรียบดังเงินทอง!
‘จัสติส’ ออเดรย์ที่ถูกมิสเตอร์ฟูล สมาชิกชุมนุมทาโรต์ และสมาคมแปรจิตถ่ายทอดความรู้มาเป็นเวลานาน เริ่มเกิดความสนใจ
ปัจจุบัน พื้นฐานศาสตร์เร้นลับของเธอมั่นคงมาก เป็นเรื่องปรกติที่อยากจะศึกษาเนื้อหาขั้นสูง
ถึงแม้ในภายหลัง สมาคมแปรจิตจะสอนเนื้อหาขั้นสูงให้เรา แต่ก็คงไม่ครอบคลุมในทุกด้าน ขอบเขตคงหนีไม่พ้นเรื่องของจิต… ออเดรย์โน้มน้าวตัวเองและพยักหน้า
“ดิฉันต้องการ”
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเองก็สนใจมากเช่นกัน แต่เมื่อหวนนึกถึงสภาวะการเงินในปัจจุบัน เธอทำได้เพียงปิดปากเงียบ ส่วนสมาชิกคนอื่นล้วนมีความรู้ในระดับค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
สมกับเป็นมิสจัสติส ไม่มีการต่อราคา… ขีดจำกัดขั้นต่ำของเราคือแปดร้อยปอนด์… ไม่สิ… ไม่มีขีดจำกัดมากกว่า… หนังสือประเภทความรู้จะขายซ้ำสักกี่ครั้งก็ได้… ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลหัวเราะในลำคอ
“ตกลง… แต่ผมขอเตือนไว้ก่อน ห้ามสวดวิงวอนถึงดวงจันทร์บรรพกาลเด็ดขาด การทำแบบนั้นจะส่งผลให้คุณกลายเป็นเศษเนื้อยุบพองที่เอาแต่ผสมพันธุ์กับสัตว์ต่างสายพันธุ์อย่างเร่าร้อนและไม่เลือกหน้า ให้กำเนิดทายาทมากมาย… แน่นอน ผมหมายถึงการสวดวิงวอนถึงสิ่งมีชีวิตลึกลับทุกชนิด ทั้งหมดล้วนอันตรายไม่ต่างกัน”
‘จัสติส’ ออเดรย์เผยท่าทีตกใจ อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนท่านั่ง
เธอเริ่มสงบลง มองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว กลัวด้วยเสียงหนักแน่น
“ทุกครั้งที่ประกอบพิธีกรรม ดิฉันจะสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพียงผู้เดียว”
ออเดรย์กล่าวด้วยความจริงใจ ไม่มีคำใดเป็นเท็จ
มิสจัสติสชื่นชมและเชื่อมั่นเดอะฟูลอย่างมาก… ไคลน์รู้สึกซาบซึ้ง แต่ขณะเดียวกันก็ละอายใจ เพราะคทาเทพสมุทรไม่ครอบคลุมไปถึงขอบเขตของดวงจันทร์บรรพกาล ในพิธีกรรมบางอย่างที่หนังสือระบุ ตนไม่สามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำได้เพียงระดมพลังวิญญาณภายในมิติหมอกเพื่อตอบสนอง
เดอะฟูลแสดงความเห็นเล็กน้อย
“ดีมาก”
ถัดมา เมื่อบรรลุเป้าหมายแรก ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลกล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“นอกจากนั้น ผมต้องการขายตะกอนพลัง ‘นักสอบสวน’ … ราคาหนึ่งพันสองร้อยปอนด์”
…คิดจะขายกี่อย่าง? ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเผยสีหน้าตกตะลึง
เมื่อพิจารณาว่าเงินเก็บของซิลยังห่างไกลจากราคา แถมยังขาดสูตรผลิตโอสถ เธอจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
และฟอร์สก็ไม่คิดว่าข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูลรายนี้จะยอมให้เธอ ‘จอง’ สินค้าเอาไว้เป็นเวลานาน
เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบสนอง เดอะเวิร์ลกระแอม
“ผมจบแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียง ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่รอโอกาสอยู่ หันไปมองแคทลียาและพูด
“ผมอยากทราบว่าสัตว์ทะเลอ็อบนิสที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของโบสถ์วายุสลาตัน อาศัยในแถบใดบ้าง”
สัตว์ทะเลอ็อบนิสที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของโบสถ์วายุสลาตัน? มิสเตอร์แฮงแมนไม่ใช่คนของโบสถ์วายุสลาตันหรอกหรือ? แคทลียาขมวดคิ้ว
“ฉันจะช่วยสอบถามข้อมูลให้ ไว้พบเบาะแสค่อยมาคุยกันเรื่องราคา”
“ตกลง” อัลเจอร์หายใจออกแผ่วเบา
ความเงียบงันปกคลุมโต๊ะทองแดงยาวสองสามวินาที ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเห็นดังนั้นจึงหันไปทาง ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส
“ค่าเบาะแสจำนวนหนึ่งร้อยปอนด์ ผมจะจ่ายให้คุณภายในวันนี้”
“ขอบคุณ” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตอบหน้านิ่ง
เธอยังคงเมาหมัดจากราคาสินค้าของมิสเตอร์เวิร์ลที่มีมูลค่าหลายพัน หลายหมื่นปอนด์
‘เดอะมูน’ เอ็มลินหันไปมอง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค
“ผลึกรากของต้นคนชราและวัตถุดิบเสริมที่เจ้าต้องการ ข้าได้มาแล้ว… ส่งรายชื่อสัตว์ประหลาดและทรัพยากรรอบๆ เมืองเงินพิสุทธิ์มา ข้าจะได้เลือกสิ่งของที่มีมูลค่าเท่ากันมาแลกเปลี่ยน… ในส่วนของราคา วัตถุดิบทั้งหมดมีมูลค่าสองพันปอนด์ บวกค่าเสียเวลาของข้าอีกสองร้อยปอนด์ รวมทั้งสิ้นสองพันสองร้อยปอนด์”
เอ็มลินต้องการสินค้าที่สามารถปล่อยออกไปได้ง่าย เปลี่ยนเป็นเงินได้รวดเร็ว ไม่อย่างนั้นเงินของตนอาจขาดมือ
“ตกลง… เอ่อ… ขอบคุณครับ มิสเตอร์มูน” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคกำลังดีใจ เพราะสัมผัสได้ว่ามิสเตอร์มูนไม่ได้แสดงความรำคาญ
เด็กหนุ่มเขียนรายชื่อของทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง ส่งไปให้เอ็มลิน
เอ็มลินพลิกอ่านอย่างคร่าวๆ ทันใดนั้นก็เริ่มตระหนักถึงความผิดปรกติ
มันพบว่า ลำพังข้อมูลรายชื่อวัตถุดิบเหล่านี้ก็มีค่าไม่น้อยแล้ว เนื่องจากเป็นสิ่งที่สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันโดยละเอียดรอบๆ เมืองเงินพิสุทธิ์
เป็นข้อมูลที่ ‘ควรจะ’ เสียเงินเพื่อให้ได้เห็น!
แต่เท่าที่เราจำได้… คนอื่นก็ไม่ได้จ่ายเงินเวลาขอดูรายการเหมือนกัน… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินอดไม่ได้ที่จะชำเลือง ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์และ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา
ทันใดนั้น คล้ายกับมันเข้าใจบางสิ่ง
เมื่อมองกลับไปที่เดอะซันอีกครั้ง เอ็มลินเริ่มรู้สึกว่าตนเป็นฝ่ายเหนือกว่า แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดในใจ จึงส่งเสียงกระแอมในลำคอและกล่าว
“เอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้”
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคตั้งใจจดจำรายการทั้งหมด พร้อมกับแจ้งว่าตนสามารถรวบรวมวัตถุดิบได้ทันทีโดยไม่ต้องกลับไปที่เมืองเงินพิสุทธิ์
ถัดมา ‘จัสติส’ ออเดรย์สอบถามเบาะแสเกี่ยวกับผลของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท แต่ก็ต้องผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ
ช่วงเวลาค้าขายสิ้นสุดลงตรงนี้ โดยไม่ต้องรอให้ ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ละคนเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาสนทนาอิสระ
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์หันไปทางเดอะซันน้อย
“คุณยังอยู่ในหมู่บ้านยามบ่าย?”
“ถูกต้อง แต่ผมกำลังจะเดินทางกลับเมืองเงินพิสุทธิ์ ทีมสำรวจชุดใหม่มาผลัดเวรแล้วในวันนี้” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค ไม่เพียงจะตอบในสิ่งที่แฮงแมนถาม แต่ยังอธิบายด้วยความเต็มใจ “ผมบอกกับท่านเจ้าเมืองไปว่า ขณะกำลังกวาดล้างสัตว์ประหลาดรอบหมู่บ้านยามบ่าย ผมบังเอิญได้พบสูตรโอสถ ‘ผู้รับรอง’ ”
แฮงแมนพยักหน้ารับ
“แล้วเขามีท่าทีอย่างไร”
“ท่านเจ้าเมืองตอบมาแค่… ‘ดีมาก’ ” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคเล่าด้วยสีหน้าขึงขัง
‘แฮงแมน’ หัวเราะในลำคอ
“สบายใจได้ เจ้าเมืองของคุณอยากเห็นคุณมีพัฒนาการที่รวดเร็ว เพราะนั่นจะช่วยถ่วงดุลอำนาจกับ ‘คนเลี้ยงแกะ’ ในสภาอาวุโส”
มันไม่สานต่อหัวข้อสนทนาเดิม แต่บอกกล่าวไปยังสมาชิกทุกคน
“เมื่อไม่นานมานี้ มีโจรสลัดจำนวนมากไปเยือนท่าเรือแบนชีและพบเพียงซากปรักหักพังกับความพินาศย่อยยับ… ถึงจะกำลังก่อสร้างใหม่ แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
……………………………………………………………