เนื่องจาก ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลไม่ใช่โจรสลัด ข่าวลือรอบตัวมันจึงมีทั้งจริงและเท็จ ยากจะยืนยันว่าสิ่งใดถูกผิด ไคลน์ถอนสายตาจากบันได เดินตรงไปทางเคาน์เตอร์และหาที่นั่ง เคาะไม้กระดานพร้อมกับกล่าว
“ซาร์ฮาร์หนึ่งแก้ว”
เบียร์มอลต์ท้องถิ่น ราคาถูกกว่าเบียร์นันวีลล์ที่ต้องขนส่งมาจากทวีปเหนือ
“สามเพนนี” บาร์เทนเดอร์หันมาตอบสนอง หยิบแก้วที่คว่ำอยู่
ทุกคนในผับเริ่มส่งเสียงซุบซิบใต้แสงตะเกียงผนัง ถกเถียงว่าเหตุใด ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลถึงต้องซื้อตั๋วเรือมากถึงสิบใบ
“เขาคงถูกตามล่าตัว… ตั๋วสิบใบสำหรับเรือสามลำก็เพื่อให้คนสะกดรอยสับสน!” สมาชิกอันธพาลคนหนึ่งที่มีรอยสักบนท่อนแขน ถกแขนเสื้อขึ้น แสดงความเห็นที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัว
นักผจญภัยคนหนึ่งที่ดื่มแลงติร้อนแรงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“นายยังรู้จักโอเดลไม่มากพอ หากแผนการของเขาถูกอ่านง่ายขนาดนี้ คงไม่ได้รับฉายาว่าอสรพิษเหรียญเงินแน่”
“พนันได้เลย เขาต้องไม่ได้โดยสารไปกับเรือทั้งสามลำของตั๋วสิบใบนั่น… สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้… ปลายทางคือท่าเรือพริสต์ไม่ผิดแน่”
นักผจญภัยคนหนึ่งส่ายหน้าหลังจากได้ยิน
“บางที ข่าวการไปท่าพริสต์ก็อาจเป็นกลลวง”
สมาชิกแก๊งอันธพาลคนแรกผงะ กล่าวอย่างคลางแคลง
“จากคำอธิบายของพวกนาย โอเดลก็อาจจะกำลังคิดในสิ่งที่พวกนายคิด ดังนั้น เขาจะไปท่าเรือพริสต์ตรงๆ ด้วยเรือสามลำกับตั๋วสิบใบนั่น”
สองนักผจญภัยเตรียมเปิดปากโต้แย้ง แต่หลังจากครุ่นคิด พวกมันพบว่าคำพูดอีกฝ่ายค่อนข้างสมเหตุสมผล จึงทำเพียงเงียบงัน
ฉากดังกล่าวทำให้สมาชิกแก๊งอันธพาลยิ้มกรุ้มกริ่ม ดื่มเหล้าที่เหลือรวดเดียวหมดแก้ว
ไคลน์กำลังถือแก้วซาร์ฮาร์ จิบพลางนั่งฟังบทสนทนาอันแสนน่าเบื่อ รอให้บัตรปลอมและตั๋วผีมาส่ง
“สี่สิบห้านาที… หวังว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ขอให้ทุกสิ่งผ่านไปอย่างราบรื่น” ชายหนุ่มภาวนาพลางวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงภายในใจ
เบียร์สีเหลืออ่อนลดลงอย่างเชื่องช้า ไคลน์บ้างมองไปยังนาฬิกาแขวนผนัง บ้างมองประตู หวังให้เวลาผ่านไปโดยเร็ว
ผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง ประตูผับเปิดออกเสียงด้วยอึกทึก สายลมยามราตรีด้านนอกพัดผ่านเข้ามา
ไม่จริงน่า… มุมปากไคลน์กระตุกเล็กน้อย หันหน้าไปยังทิศทางต้นเสียง
คนห้าคนปรากฏตัวที่ประตู นำโดยชายผมดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าชัดลึก เต็มไปด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของชาวโลเอ็น อายุราวสี่สิบตอนต้น
สีหน้าเย็นชาและสง่างาม ส่งผลให้ทุกคนในผับปิดปากเงียบโดยไม่รู้ตัว
บุรุษสามคนและสตรีหนึ่งคนด้านหลังล้วนสวมโค้ทกันฝน ถือปืนพกอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย คล้ายกับพร้อมยิงใส่ทุกสิ่งที่ผิดปรกติ
เราไม่รู้จัก… ไม่มีในใบค่าหัวหรือประกาศจับ… ไคลน์รำพัน ทำตัวเป็นเพียงผู้ชมวงนอก
ผู้บุกรุกทั้งห้าแยกย้ายไปตามกลุ่มนักดื่ม โน้มตัวเล็กน้อยเพื่อจ้องหน้า จากนั้นก็ถามทีละคน
“ ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลอยู่ที่ไหน!”
นักดื่มลังเลที่จะตอบ ทันใดนั้น ปากกระบอกปืนสีดำด้านเริ่มเล็งไปทางพวกมัน ด้ามจับทำมาจากงาขาว บางกระบอกก็เป็นไม้มะเกลือ ส่องแสงงดงามภายใต้แสงไฟ
“ข…เขาขึ้นไปบนชั้นสอง!” นักดื่มที่ถูกถามรีบชี้ไปทางบันไดตามสัญชาตญาณ
มีคนกำลังตามล่าโอเดลจริงๆ … เรื่องนี้จะเกี่ยวกับราชินีเงื่อนงำไหม? หรือเป็นปัญหาส่วนตัวของโอเดล? หรือเป็นเพราะชายลึกลับที่สวมเสื้อคลุมหัวและเคี้ยวลูกอม? ไคลน์จิบเบียร์เพิ่ม เฝ้ามองผู้บุกรุกทั้งสี่เดินขึ้นไปบนชั้นสอง ด้านล่างเหลือทิ้งไว้หนึ่งคน คอยสืบข้อมูล
เพียงไม่นาน รายหลังได้ยินเรื่องราวที่โอเดลซื้อตั๋วจากเดอเนียร์ จึงเดินตรงไปทางนักธุรกิจผิวดำร่างผอมบาง ซักถามเสียงต่ำ
“ตอบมาตามความจริง… โอเดลซื้อตั๋วไปที่ไหน ขึ้นเรือลำไหน และรอบกี่โมง”
เดอเนียร์ไม่คิดช่วยปกปิดเพียงเพราะรู้จักกัน ฝืนยิ้มและตอบ
“เขาไม่ได้ระบุชัดเจน บอกแค่ว่าต้องการตั๋วสิบใบจากเรือสามลำที่แตกต่างกัน ปลายทางคือท่าเรือพริสต์ เที่ยววันพรุ่งนี้”
“พูดจริงรึเปล่า?” คนเค้นข้อมูลเป็นชายอายุราวยี่สิบที่มีบุคลิกค่อนข้างก้าวร้าว
เดอเนียร์ตอบเสียงแผ่ว
“ถามทุกคนที่นี่ก็ได้ พวกเขาได้ยินกันหมด”
“แม่เย็*!” ชายคนดังกล่าวผลักเดอเนียร์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว จากนั้นก็เดินไปทางขี้เหล้าคนอื่น
เดอเนียร์เสียหลักล้มลง ท้ายทอยกระแทกกับขอบโต๊ะกลมตัวเล็ก แต่ทันใดนั้น หัวไหล่ของมันสัมผัสกับฝ่ามือใครบางคน ร่างกายเริ่มกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง
เดอเนียร์หันหลังไปมอง พบแขกคนที่รอซื้อตั๋วผีและบัตรประจำตัวปลอม
“ขอบคุณมาก หมอนั่นเป็นพวกไฮยีน่าของกองทัพ!” เดอเนียร์ขอบคุณเป็นอันดับแรก จากนั้นก็กัดฟันกรอด
เป็นเพราะไม่อยากให้ ‘อุบัติเหตุ’ เกิดขึ้นกับคนขายตั๋วผี ไคลน์จึงตัดสินใจยืนมือเข้าช่วย และต้องไม่ลืมว่า ตนจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้วห้าปอนด์
แน่นอน ชายหนุ่มยังมีนิสัยลึกๆ ชอบช่วยเหลือผู้อ่อนแอ
ไฮยีน่าของกองทัพ? หากเป็นในบายัม คำเรียกแบบนี้มักใช้กับหน่วย MI9… ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลทำอะไรลงไปกันแน่? ไคลน์พึมพำ ตัดความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับราชินีเงื่อนงำ
เพราะสำหรับอาณาจักรโลเอ็น การทำเช่นนั้นไม่เกิดประโยชน์อันใด
ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน สมาชิก MI9 ที่ขึ้นไปข้างบนรีบกรูลงจากบันได ตรงไปทางประตูหน้าและกล่าวกับพวกพ้อง
“มันกระโดดออกจากหน้าต่างไปนานแล้ว!”
คนกลุ่มดังกล่าวเร่งฝีเท้าวิ่งออกไป บรรยากาศภายในผับค่อยๆ กลับสู่ปรกติ มีเพียงประตูที่ยังคงสั่นคลอนเบาๆ เป็นหลักฐานถึงความไม่สงบสุข
ในที่สุด ไคลน์ได้รับบัตรประจำตัวปลอมและตั๋วโดยสารเรือตามที่ต้องการ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสิ่งใดทำให้ผิดแผน
หลังจากจ่ายเงินที่เหลือสิบห้าปอนด์ ชายหนุ่มเดินออกจากผับและหาเช่าพักโรงแรมใหม่
จอห์น·ยอร์ด ชื่อมักง่ายชะมัด… ก่อนจะกลับกรุงเบ็คลันด์ คงต้องหาตัวตนที่ดูน่าเชื่อถือกว่านี้… ไคลน์กวาดสายตาอ่านเอกสารยืนยันตัวตน เก็บใส่กระเป๋าเดินทาง
ชายหนุ่มอาบน้ำ ผ่อนคลายตัวเอง เตรียมเดินทางออกจากบายัมในวันพรุ่งนี้ จัดการงานสุดท้ายบนท้องทะเล
ทันใดนั้น ไคลน์ได้ยินเสียงเคาะประตู
ใครกัน? ไคลน์รีบถอดชุดอาบน้ำ สวมเสื้อผ้าและตรงไปทางประตู
ด้านนอกคือตำรวจแต่งเต็มยศกลุ่มหนึ่ง คนหนึ่งหน้าเหมือนชาวโลเอ็น ส่วนที่เหลือถ้าไม่ใช่เลือดผสมก็เป็นชนพื้นเมือง
“มีอะไร?” ไคลน์ถามฉงน
“รบกวนแสดงบัตรประจำตัวด้วย” ตำรวจชนพื้นเมืองกล่าวอย่างสุภาพ เพราะบุรุษตรงหน้าดูคล้ายชาวโลเอ็น
โชคดีที่เราเพิ่งจัดการเสร็จหมาดๆ ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงเสียเวลาไปกับสถานีตำรวจ หรือไม่ก็ต้องเผ่นหนีทันที เปลี่ยนใบหน้าและเริ่มต้นทุกสิ่งใหม่อีกครั้ง… ไคลน์พึมพำพลางเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบบัตรประจำตัว
ตำรวจชาวโลเอ็นกวาดสายตาสุ่มๆ และถาม
“มิสเตอร์ยอร์ด พักอยู่คนเดียวหรือ”
“ถูกต้อง ทุกคนในโรงแรมเป็นพยานได้” ไคลน์ตอบสุขุม
ตำรวจชาวโลเอ็นยิ้มรับ
“คุณเคยเจอชายคนนี้ไหม”
มันหันไปบอกให้ตำรวจข้างๆ หยิบภาพถ่าย ชายในภาพมีรูปร่างผอมบางผิดปรกติ แก่ชรา ผมขาวรุงรัง แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีจุดเด่นให้สะดุดตา
“ไม่เคย” ไคลน์ส่ายหน้า
“เขาชอบกินลูกอมมาก” ตำรวจโลเอ็นเสริม
“ลูกอม…” ไคลน์พลันนึกถึงชายลึกลับสวมเสื้อคลุมหัวที่มาพร้อมกับ ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดล อีกฝ่ายล้วงลูกอมหลากสีออกมากินถี่มาก
ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์ตอบโดยไม่ปิดบัง
“อาจจะเคยเห็น… ในตอนที่อยู่ในผับสาหร่ายทะเล ผมเห็นชายที่ชอบกินลูกอมเดินตาม ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดล
ตำรวจโลเอ็นไม่เก็บซ่อนสีหน้าผิดหวัง เพียงกล่าวคำตอบคุณและจบการซักถามเบื้องต้น
รอจนกระทั่งอีกฝ่ายไปเคาะห้องอื่น ไคลน์ปิดประตูไม้ กลับมายังเก้าอี้เอนหลัง
ไม่เพียงโอเดลจะเข้าไปพัวพันกับ MI9 แต่ถึงกับทำให้สภาเมืองต้องส่งคนมาสืบแบบปูพรมค้นหา… แบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว… ชายหนุ่มพึมพำ ตัดสินใจเข้ามิติหมอก วางแผนสำรวจจุดแสงของผู้สวดวิงวอนรอบคทาเทพสมุทร เน้นสืบข่าวจากเหล่าสาวกในบายัม ด้วยกังวลว่าตนอาจตกอยู่ในวังวนแห่งความยุ่งเหยิงหากรับมือกับสถานการณ์ไม่ถูกต้อง
เข้าไปในห้องน้ำ ส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์โบกมือเสกคทากระดูกที่มีจุดแสงรายล้อมออกจากกองขยะ
นั่งไล่หาสักพัก ชายหนุ่มยังคงทราบเพียงว่า การสอบปากคำของตำรวจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป้าหมายคือโอเดลและชายลึกลับ แต่ไม่รู้มากไปกว่านี้
ครุ่นคิดเล็กน้อย ไคลน์หันไปจ้องจุดแสงหนึ่งที่ตนทำสัญลักษณ์ไว้เป็นพิเศษ
จุดแสงดังกล่าวเป็นของตำรวจเลือดผสมนามว่าบราญ่า อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่า ‘สาวกเทพสมุทร’ แต่จำใจต้องสวมหน้ากาก ‘สาวกเทพวายุสลาตัน’ เพื่อไต่เต้าตำแหน่งใหญ่ในกรมตำรวจ
ปัจจุบัน มันมียศสูงถึงระดับผู้กำกับการ!
ถัดมา ไคลน์ส่งเจตจำนงของเทพสมุทรเข้าไปในจุดแสง
บราญ่า ผู้กำลังแจกจ่ายงานให้ลูกน้องที่สถานีตำรวจ พลันเหงื่อแตกกะทันหัน รีบขอตัวเข้าห้องน้ำ สวดวิงวอนเสียงต่ำ
“ข้ารับใช้แห่งท้องทะเลและโลกวิญญาณ ท่านมหาคาเวทูว่า สาวกของท่านขอรายงาน… บุคคลสำคัญที่กำลังตามหาในคืนนี้เป็นชายชรารูปร่างผอมบาง ผมสีขาวโพลนและรุงรัง แต่ยังดกหนา ชายคนนั้นไม่ชอบอากาศหนาว มักสวมโค้ทตัวหนาแม้จะอยู่ในบายัม เขาชื่นชอบของหวาน ราวกับเป็นเครื่องยนต์ไอน้ำที่ขับเคลื่อนด้วยลูกอม… เบื้องบนสั่งมาว่า จงหาตัวให้พบ แต่ห้ามทำร้ายโดยเด็ดขาด”
ไคลน์ตัดขาดจากบราญ่า กลับมาใช้ความคิด เคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวด้วยปลายนิ้ว
เทียบกับรูปถ่าย รายละเอียดเชิงข้อมูลมอบความรู้สึกคุ้นเคยให้เราได้มากกว่า… คล้ายกับว่าเราเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน…
สำหรับนักทำนาย ความคุ้นเคยหมายถึงเบาะแส ไคลน์จึงเริ่มเขียนประโยคทำนาย
ชายหนุ่มอ่านประโยคทำนายเงียบเชียบ เอนหลังพิงพนักสูงของเก้าอี้ อาศัยการเข้าฌานช่วยให้หลับลึก
ท่ามกลางโลกความฝันสีเทา ไคลน์พบว่าตัวเองย้อนกลับมายังกรุงเบ็คลันด์ บ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์ที่เคยเช่าอยู่
ตรงหน้าคือเอียน เจ้าของดวงตาสีแดงสดใส เด็กหนุ่มแก่แดดกำลังเงยหน้าพูด
“ทูรานี่·ฟอน·ฮัลโมซีน สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ถัดจากจักรพรรดิโรซายล์ เขาเป็นนักคณิตศาสตร์ ผู้ชำนาญกลไก และบิดาแห่งเครื่องหาผลต่างรุ่นที่สอง”
ทันใดนั้น ไคลน์ทราบทันทีว่า MI9 กำลังตามหาใคร!
พวกมันเคยไล่ล่าพิมพ์เขียวของเครื่องหาผลต่างรุ่นที่สามอย่างเอาเป็นเอาตาย และต้นเหตุของการปะทะอย่างรุนแรงระหว่างกองทัพโลเอ็นและหน่วยสายลับจากอินทิสก็คือ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ที่ทำให้ผู้คนมากมายต้องรับเคราะห์!
MI9 กำลังตามล่าตัวนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่หายตัวไปอย่างลึกลับตลอดหลายปี!
เข้าใจแล้วว่าทำไมสายข่าวของพลเรือเอกโลหิตอย่างเฒ่าควินน์ ถึงมีสถานีวิทยุที่ก้าวหน้ากว่ากรุงเบ็คลันด์! เมื่อจับต้นชนปลายสำเร็จ ไคลน์เผยสีหน้าตกตะลึง