Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 692 : ข้อสันนิษฐาน

ราชันเร้นลับ 692 : ข้อสันนิษฐาน

เมื่อเห็นลูกเรือฝันทองคำกำลังพุ่งเป้ามาทางแอนเดอร์สัน ไคลน์เดินหน้าพลางกล่าวกับเดนิสในสภาพหันข้าง

“พาฉันไปที่ห้องกัปตัน”

“ต…ตกลง” เดนิสหันไปจ้องแอนเดอร์สัน

สำหรับตอนนี้ การช่วยกัปตันคือความสำคัญอันดับหนึ่ง… เดนิสพยายามเตือนสติตัวเอง

อันดับแรก ฝันทองคำปล่อยเรือลำเล็กลงมารับ ต่อด้วยการหย่อนบันไดสำหรับเดินขึ้น ฝ่าเท้าไคลน์จึงสัมผัสกับดาดฟ้าเรือโดยไม่ต้องใช้ยันต์ช่วย

แอนเดอร์สันซึ่งตามหลังมาไม่ห่าง เดินยิ้มมุมปากพลางเมินเฉยสายตาอาฆาตจากลูกเรือฝันทองคำ นักล่าอันดับหนึ่งกวาดตาไปรอบตัวราวกับได้กลับมายังบ้านเกิดที่ห่างหายไปนาน

จิตใจเข้มแข็งมาก… นั่นสินะ หลังจากทำให้ครึ่งเทพขุ่นเคืองใจ หมอนี่ถูกบังคับให้ขอโทษต่อหน้าทุกคนและต้องรับทำงานให้อีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นกลับทำเป็นเพียงเรื่องตลก กินข้าวได้ตามปรกติ… ไคลน์ถอนหายใจยาว เดินไปทางผู้ช่วยรองกัปตัน ‘โจเดอร์สัน’ และคนที่เหลือ

“สวัสดี มิสเตอร์สแปร์โรว์ ฉันคือบลู·โวลส์ รองกัปตันของเรือลำนี้” ชายสวมแว่นตาขาเดียว สูงราว 1.8 เมตร ทักทายไคลน์อย่างสุภาพ

‘นักชิม’ ค่าหัวหกพันสองร้อยปอนด์… ค่าหัวของกลุ่มโจรสลัดพลเรือโทธารน้ำแข็ง เฉลี่ยแล้วต่ำกว่าค่าหัวของกลุ่มโจรสลัดพลเรือเอกดวงดาวอย่างมีนัยสำคัญ… คงเป็นเพราะพวกเขาล่าสมบัติเป็นงานอดิเรก… ไคลน์สวมมาดสุภาพของเกอร์มัน·สแปร์โรว์

“สวัสดีเช่นกัน ฉันเคยได้ยินเรื่องของนายมาบ้าง”

“ฮะฮะ! นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง… ฉันแค่อยากเป็นช่างฝีมือและนักล่าสมบัติที่เก่งกาจ แต่สุดท้ายกลับต้องเดินบนเส้นทางนักชิม” บลู·โวลส์จิกกัดตัวเองพลางชี้นิ้วไปทางบุรุษด้านข้าง “ผู้ช่วยกัปตันเรือ ‘นักร้อง’ ออร์ฟิอุส”

ค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์… ฉายาของลูกเรือฝันทองคำแต่ละคนประหลาดฉิบ… หากไม่รู้มาก่อนว่าเป็นกลุ่มโจรสลัดระดับพลเรือโท คงคิดว่าเป็นกรุปทัวร์ทางทะเลที่ชอบกินดื่มรอบกองไฟพลางตามหาขุมทรัพย์ในตำนานปรัมปรา… เป็นวิถีชีวิตที่ไม่เลว… ไคลน์ชำเลืองไปทางออร์ฟิอุส พยักหน้ารับเล็กน้อย

‘นักร้อง’ ออร์ฟิอุสผู้มีโครงหน้าชัดลึกคล้ายรูปปั้นแกะสลัก ผมสีทองส่องประกาย กล่าวด้วยรอยยิ้มเจือความโศก

“แต่ไหนแต่ไร ฉันสรรเสริญเพียงดวงอาทิตย์ แต่ในตอนนี้ ดวงอาทิตย์ของฉันได้หายตัวไป”

“…” เส้นขนทั่วร่างไคลน์เกือบลุกเต้น

“สมกับเป็นชาวอินทิส สามารถพูดประโยคธรรมดาให้ดูเหมือนกับการร้องเพลงได้… ทำไมตัวฉันที่เติบโตในเซกัลและลุนเบิร์ก ถึงไม่มีความสามารถแบบนี้ติดมาบ้างนะ” แอนเดอร์สันหัวเราะในลำคอ มิได้พยายามข่มเหงอีกฝ่ายหรือโอ้อวดตัวเอง เหนือสิ่งอื่นใด มันมีเลือดอินทิสอยู่ครึ่งหนึ่ง

เกิดที่เซกัล พอโตมาก็ไปเรียนที่ลุนเบิร์ก… เข้าใจแล้ว คงเป็นโรงเรียนของโบสถ์ปัญญาความรู้ ถึงได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของพลเรือโทธารน้ำแข็ง… สำหรับมิสเตอร์ออร์ฟิอุส เขาน่าจะครอบครองเส้นทางสุริยัน แต่มีความเป็นไปได้มากว่าจะไม่ใช่คนของโบสถ์สุริยันเจิดจรัส… พิจารณาจากค่าหัว คงอยู่ในลำดับ 6 ‘ผู้รับรอง’ … เกือบลืมไปว่า เราต้องแจ้งให้เดอะซันน้อยทราบเรื่องที่เรามีสูตรโอสถผู้รับรองในมือ อยากรู้เหมือนกันว่าคราวนี้จะนำสิ่งใดมาแลกเปลี่ยน… โดยไม่รอให้บลู·โวลส์แนะนำใครต่อ ไคลน์หันไปทาง ‘หูกระต่ายบุปผา’ โจเดอร์สัน ‘ถังไม้’ แดเนี่ยล และคนอื่น ๆ พร้อมกับกล่าว

“ฉันรู้จักพวกเขาแล้ว อย่ามัวเสียเวลาเลย”

“ตกลง” บลู·โวลส์ถอนหายใจผ่อนคลาย ลูบเคราสั้นเล็กน้อยก่อนจะเดินนำเข้าไปในเขตห้องโดยสาร

หากไม่ใช่เพราะเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นคนดังบนเรือลำนี้ บลู·โวลส์เองก็ไม่อยากทำตัวสุภาพด้วยสักเท่าไร

ขณะเดียวกัน แอนเดอร์สันจงใจลดความเร็วเพื่อเดินเคียงข้างเดนิส ออร์ฟิอุส และคนที่เหลือ

นักล่าอันดับหนึ่งมองสลับซ้ายขวา เผชิญหน้ากับสายตาอาฆาตของโจรสลัดรอบตัวพลางส่ายหัวยิ้ม

“คนที่พวกนายควรกังวล… ไม่ใช่ฉันหรอกนะ”

“ผิดแล้ว พวกเราไม่ได้กังวลอะไรนาย เพียงแค่อยากจะจับยัดลงไปในนั้น! ในปากกระบอกปืนใหญ่นั่น!” เดนิสไม่เผยความกลัวต่อนักล่าอันดับหนึ่ง เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ที่นี่คือฝันทองคำซึ่งเต็มไปด้วยโจรสลัดลำดับ 7 และ 6

แอนเดอร์สันยกมุมปาก

“ฉันไม่ใช่คนที่พวกนายต้องระวัง ลองคิดดูให้ดี กัปตันของพวกนายเกลียดขี้หน้าฉันมาก ไม่เคยพูดด้วยสักคำ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกนายต้องการอยู่แล้วหรือ?”

“…” เดนิสขยับปาก แต่มิได้กล่าวคำใด เนื่องจากมองว่าถ้อยคำเหลวไหลของอีกฝ่ายค่อนข้างสมเหตุสมผล

ออร์ฟิอุส โจเดอร์สัน และคนที่เหลือเริ่มมองแอนเดอร์สันด้วยสายตาเป็นมิตรมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

แอนเดอร์สันหัวเราในลำคอ มองตรงไปข้างหน้าพลางกล่าวเสียงแผ่ว

“คนที่พวกนายควรระวังคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์”

“ทำไม?” เดนิสโพล่งถาม

แม้อีกฝ่ายจะเป็นชายเสียสติที่ควรเฝ้าจับตามองเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้เขาคือพวกเดียวกัน… เดนิสพึมพำเงียบ

แอนเดอร์สันยกมุมปากพูด

“นึกภาพตามให้ดี สมมตินะ หากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ตามหาตัวกัปตันของพวกนายจนพบและช่วยชีวิตเธอสำเร็จ คิดว่ากัปตันของพวกนายจะไม่ประทับใจในตัวเขาหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น หมอนั่นเองก็ดูดี มีความสง่างามของสุภาพบุรุษเยือกเย็น แข็งแกร่งระดับนายพลโจรสลัด มีเบื้องหลังลึกลับและยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะมองมุมใดก็เหมาะสมกันมาก…”

จะเป็น… แบบนั้น… ไปได้ยังไง… จิตใต้สำนึกของเดนิสต้องการปฏิเสธ แต่มิอาจหาเหตุผลไปหักล้าง ยิ่งคิดก็ยิ่งสอดคล้องกับคำพูดแอนเดอร์สัน

สีหน้าของออร์ฟิอุสและคนที่เหลือเริ่มมืดมน ดวงตาจ้องเขม็งไปทางแผ่นหลังเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยท่าทีหวาดระแวง

สำเร็จ! เบี่ยงเบนความสนใจได้แล้ว… แอนเดอร์สันอมยิ้ม เดินตามเข้าไปในเขตห้องโดยสาร

หลังจากเข้าไปในห้องกัปตัน ภาพแรกในการมองเห็นของไคลน์คือชั้นหนังสือซึ่งเรียงรายจนเกือบเป็นวงกลม บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือ

ตามปรกติแล้ว ห้องกัปตันมักมีแต่ตู้เก็บเหล้า… ชายหนุ่มพึมพำพลางเดินไปทางโต๊ะอ่านหนังสือริมหน้าต่าง

จากคำบอกเล่าของเดนิส พลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า หายตัวไประหว่างการค้นคว้าวิจัยบางสิ่ง เป้าหมายของไคลน์คือการค้นหาเบาะแสของงานวิจัยนั้น รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด การทำนายบนมิติหมอกเทาจะได้ประสบความสำเร็จ

ณ ปัจจุบัน บนโต๊ะอ่านหนังสือเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง มีทั้งแผ่นกระดาษสีขาว ปากกาหมึกซึมทรงป้อม ขวดหมึกก้นใหญ่ กริชทองแดง และหนังสือสองสามเล่มวางซ้อนระเกะระกะ

กึ่งกลางโต๊ะมีหนังสือเล่มหนึ่งถูกหุ้มด้วยกระดาษหนัง บนผิวสีน้ำตาลอ่อนเขียนเอาไว้ว่า ‘การเดินทางของกรอซาย’ เป็นภาษาฟุซัคโบราณ

นี่มัน… หนึ่งในของสะสมของพลเรือโทธารน้ำแข็ง… ยังไม่ทราบที่มาแน่ชัด สงสัยว่าจะเกี่ยวพันกับตระกูลมังกรและ ‘เลฟซิด’ เมืองแห่งปาฏิหาริย์… เอ็ดวิน่าศึกษาเรื่องนี้ก่อนหายตัวไป? ไคลน์จ้องหนังสือพลางคาดเดาตามสัญชาตญาณ

เห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์จ้องหนังสือโบราณ เดนิสฝืนยิ้ม

“หนังสือเล่มนี้ไม่มีความผิดปรกติ พวกเราตรวจสอบแล้ว”

จะใช่แน่หรือ… ฉันไม่ไว้ใจความรอบคอบของพวกนายสักเท่าไร… เมื่อทราบว่ามีหลายคนตรวจสอบและไม่พบความผิดปรกติที่เด่นชัด ไคลน์ลองใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบจนพบว่าเดนิสมิได้โกหก จึงเหยียดแขนออกไปสัมผัสพลางซักถาม

“พวกนายเคยอ่าน ‘การเดินทางของกรอซาย’ กันไหม?”

เดนิสส่ายหน้า บลู·โวลส์ ออร์ฟิอุส โจเดอร์สัน และที่เหลือต่างก็ส่ายหน้า

สีหน้าทุกคนคล้ายกับกำลังพูดว่า : พวกฉันเรียนหนักกันทุกว่า ใครจะไปอยากอ่านหนังสือในเวลาว่าง!

เลื่อนปลายนิ้วลงไปสัมผัสบนปกกระดาษหนังสีน้ำตาลอ่อน ไคลน์พลิกเปิดทีละหน้าอย่างตั้งใจ

เพียงไม่นาน ชายหนุ่มเปิดไปถึงหน้าที่แผ่นกระดาษเกาะติดกัน จึงลดสายตาเพื่ออ่านเนื้อหา

หือ… บ้าน่า! ดวงตาไคลน์พลันหรี่ลง รีบพลิกย้อนกลับมาสองหน้า

มันยังจำได้ชัดเจน คราวก่อนที่เคยอ่าน เนื้อหาสิ้นสุดถึงเพียงว่า คนยักษ์กรอซายและพรรคพวกวางแผนล่ามังกรน้ำแข็ง ‘ราชาแห่งแดนเหนือ’ แต่ปัจจุบันกลับมีข้อความเพิ่มจากเดิมอีกสองหน้า!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง จำนวนหน้ากระดาษที่ติดกันลดลง เปลี่ยนไปเป็นหน้ากระดาษปรกติสองหน้า!

บันทึกการเดินทางซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงนานนับพันปี กลับมีความคืบหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน… นี่คือผลการค้นคว้าวิจัยของพลเรือโทธารน้ำแข็ง? เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอหายตัวไป? ไคลน์ใคร่ครวญพลางขมวดคิ้ว ตั้งใจอ่านเนื้อหาส่วนใหม่

ทั้งสองหน้าเล่าถึงโจรสลัดหญิงหลงทางคนหนึ่ง ท่ามกลางพายุหิมะหนาแน่น เธอบังเอิญพบกับราชาแห่งแดนเหนือจนเกือบถูกฆ่า แต่หลบหนีได้อย่างหวุดหวิดจนไปพบกับคณะเดินทางของตัวเอกในเรื่องซึ่งกำลังเตรียมตัวล่ามังกรน้ำแข็ง

มีโจรสลัดหญิงเพิ่มเข้ามา… โจรสลัดหญิง… ไคลน์เคี้ยวคำเดิมซ้ำไปมา สมมติฐานหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในใจ

หรือนั่นจะเป็นพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า?

เธอหลงเข้าไปในหนังสือและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว?

อาศัยข้อสันนิษฐานดังกล่าว ไคลน์ขบคิดจนพบปัญหา

กระจกวิเศษอาโรเดสเคยเล่าว่า เจ้าของคนก่อน ๆ ของหนังสือ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ล้วนหายสาบสูญ… แถมยังเกิดขึ้นหลายครั้ง…

เนื้อหาใน ‘การเดินทางของกรอซาย’ กล่าวถึงคนยักษ์จากยุคมืด เอลฟ์จากยุคสมัยที่สอง นักบวชจากยุคสมัยสี่สาม ขุนนางจากจักรวรรดิโซโลมอน และทหารของอาณาจักรโลเอ็นจากยุคสมัยที่ห้า เป็นความหลากหลายในเชิงยุคสมัยที่ไม่สอดคล้องกันอย่างมาก!

แต่ถ้าทุกคนคืออดีตเจ้าของหนังสือผู้หายสาบสูญ… ความผิดปรกติทั้งหมดก็จะลงล็อก… แม้จะมาจากต่างยุคสมัย แต่ทั้งหมดล้วนถูกดูดเข้าไปในหนังสือเล่มเดียวกันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว! ยิ่งครุ่นคิด ไคลน์ยิ่งยากจะทำใจเชื่อลง แต่ก็ไม่มีทฤษฎีใดสมเหตุสมผลกว่านี้แล้ว

ในโลกของศาสตร์เร้นลับ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!

ต้องพิสูจน์… นอกจากนั้น เอ็ดวิน่าและเจ้าของคนก่อน ๆ ทำอย่างไรถึงถูกหนังสือ ‘กลืน’ เข้าไป… และต้องทำอย่างไรจึงจะปลดปล่อยพวกเขาออกมาได้… ไคลน์เบือนหน้ากลับ เงียบงันหลายวินาที

ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มเงยหน้า จ้องเดนิสและคนที่เหลือ

“เตรียมเทียนไขและสิ่งของจำเป็นให้พร้อม ฉันต้องถามท่านผู้นั้น”

และท่านผู้นั้นคือตัวเราเอง… ไคลน์หัวเราะในใจ

เป็นชายเสียสติที่มืออาชีพมาก… ‘นักชิม’ บลู·โวลส์และคนที่เหลือไม่ซักถามให้มากความ รีบจัดแจงสิ่งของจำเป็นและเดินออกจากห้องกัปตัน

ไม่มีใครกล้าเป็นประจักษ์พยานในพิธีกรรมแสนอันตราย เว้นเสียแต่เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะสั่ง

ภายในห้องกัปตัน ไคลน์ลงกลอนประตูมิดชิด ปิดหน้าต่าง รีบประกอบพิธีกรรมอย่างเร่งด่วน ส่ง ‘การเดินทางของกรอซาย’ เข้าไปในมิติเหนือหมอกเทา

วางหนังสือโบราณไว้บนโต๊ะทองแดงยาว ชายหนุ่มนั่งลง เสกปากกาและกระดาษ ขีดเขียนประโยคทำนาย :

“เอ็ดวิน่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้”

…………………………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset