Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 687 : ผู้ละเมอ

ราชันเร้นลับ 687 : ผู้ละเมอ

หลังจากหยิบผลึกโลหิตเรียวบางและสูดดมกลิ่นกำมะถันเจือจางเข้าไป ไคลน์มิอาจสัมผัสถึงพลังการกัดกร่อนที่ซ่อนอยู่ภายใน

“กล่าวกันว่า นรกคือสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังกัดกร่อน แม้แต่เทวทูตก็ยังมีสิทธิ์คลุ้มคลั่ง ผู้เฝ้านรกมีชะตากรรมต้องถูกนรกกลืนกิน… ลักษณะพิเศษของ ‘แจ้งมรณะ’ นับว่าสอดคล้องกับประเด็นนี้… เป็นพลังของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายในขั้นที่ลึกกว่า? ไคลน์ปล่อยความคิดล่องลอย

เพียงไม่นาน ชายหนุ่มพบรายละเอียดสำคัญ นั่นคือเรื่องที่จิลเซียสกล่าวคำสวามิภักดิ์กับ ‘แจ้งมรณะ’ มิใช่ ‘ราชาอมตะ’ อาการิธ!

กำลังจะบอกว่า ราชาอมตะตัวจริงคือแจ้งมรณะ? อาการิธเป็นเพียงกระบอกเสียงหรือไม่ก็ผู้ควบคุมเหยื่อที่ถูกกัดกร่อน? อา… ดูเหมือนข่าวลือที่ว่าอาการิธไม่ใช่ครึ่งเทพ แต่สามารถขึ้นมาเป็นราชาโจรสลัดได้เพราะแจ้งมรณะ จะเป็นความจริง… ถ้าอย่างนั้น สถานการณ์ของมันอาจเลวร้ายกว่าที่เราคิด ไม่มีอิสระใดๆ แม้แต่น้อย…

แน่นอน อย่าเพิ่งตัดความเป็นไปได้ที่มันจะอยู่ในลำดับ 4 ส่วนแจ้งมรณะเป็นหนึ่งในผู้ช่วย… พวกปีศาจมักมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ชอบทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่เสมอ…

ไคลน์ครุ่นคิดเล็กน้อย พยายามทำนายเพิ่มเติม เผื่อจะทราบถึงประโยชน์การใช้งานของผลึกโลหิต

มันไม่กังวลว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ ไม่สิ กล่าวให้ชัดคือชายหนุ่มเตรียมพร้อมรับแรงกระแทก ต่อให้การทำนายเชื่อมต่อไปถึงราชาปีศาจแห่งนรก อย่างมากก็มีผลข้างเคียงระดับเดียวกับพระผู้สร้างแท้จริงหรือสุริยันเจิดจรัส ไคลน์เชื่อว่าหมอกสีเทาสามารถกีดขวางและสยบอิทธิพลเหล่านั้นได้

นี่เป็นครั้งแรก… เรายังไม่ถูกระบุตำแหน่งแน่… คงไม่เกิดปัญหา… นอกจากนั้นเรายังทำนายถึงต้นกำเนิดไปแล้วสองหนโดยไม่เกิดอันตราย และแจ้งมรณะไม่มีทางเป็นปีศาจลำดับ 0 แน่นอน… ไม่มีทาง เพราะถ้ามันคือปีศาจลำดับ 0 หรือสมบัติวิเศษระดับเดียวกับ ‘ราชาเทวทูต’ อามุนด์ แจ้งมรณะไม่จำเป็นต้องเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มศัตรูที่ประกอบด้วยเรา ราชินีเงื่อนงำ พลเรือเอกดวงดาว และแอนเดอร์สัน… ไคลน์ตระหนักว่าตัวเองเริ่มสร้างความกังวลโดยไม่จำเป็น สมาธิกลับมาจดจ่ออยู่กับการทำนายอีกครั้ง

ท่ามกลางโลกสีเทา ชายหนุ่มมองเห็นเพียงหมอกสีดำเหนียวข้น

สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่ก่อตัวจากก้อนเนื้อสีเข้ม กำลังคืบคลานเข้าใกล้ทุกขณะ เสียงคำรามอย่างเดือดดาลดังเล็ดลอดจากโพรงช่องว่าง

“ผู้ละเมอ!”

ฉากตรงหน้าพลันแปรเปลี่ยน กลายเป็นแท่นบูชาโบราณที่เต็มไปด้วยเลือด สลักถ้อยคำและสัญลักษณ์กัดกร่อน ราวกับกำลังตะโกนบางสิ่ง

โลกมายาสีเทาแตกละเอียด ไคลน์บรรจงลืมตา ลุกยืนตัวตรง

ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงบนขอบโต๊ะทองแดงยาว พึมพำกับตัวเอง

ยังไม่เข้าใจ… ก่อนที่จะกลายเป็นสมบัติปิดผนึก ‘แจ้งมรณะ’ เคยเป็นผู้ละเมอแห่งเส้นทางนรกมาก่อน? หรือเป็นสัตว์ประหลาดก้อนเนื้อสีดำขนาดยักษ์ที่ถูกผู้ละเมอฆ่าและเปลี่ยนให้กลายเป็นสมบัติปิดผนึก?

หึหึ… แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน ปลายทางคือเรือลำนั้นเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่กลายมาเป็นสมบัติปิดผนึกดังเช่นทุกวันนี้…

อา… พิจารณาจากเสียงหัวเราะที่สามารถทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่ง ดูเหมือน ‘แจ้งมรณะ’ น่าจะเกี่ยวข้องกับ ‘ผู้ละเมอ’ มากกว่า… หนึ่งสิ่งที่แน่ชัดก็คือ แจ้งมรณะไม่ใช่สมบัติปิดผนึกลำดับ 0 ไม่อย่างนั้นราชาอมตะควรแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งจากบรรดาสี่ราชา… ราวลำดับ 3 กระมัง? และเมื่อผนวกเข้ากับอาการิธที่ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมกันเท่าไร พลังโดยรวมน่าจะอยู่ราวลำดับ 4 ไม่มากไปกว่านั้น…

ในส่วนของแทนบูชาชั่วร้ายที่คล้ายกับกำลังตะโกนภาษากัดกร่อนตลอดเวลา สิ่งนี้กำลังบอกเป็นนัยว่า สามารถใช้ ‘ผลึกเลือด’ อัญเชิญปีศาจลำดับสูงออกมาได้? ตัวอย่างเช่น… ผู้ละเมอ?

เนื่องจากไม่มีความรู้ด้านการอัญเชิญปีศาจระดับสูง และไม่คิดจะทำเรื่องดังกล่าว ไคลน์โยนผลึกเลือดเรียวยาวและหินวิบวับซึ่งเกิดจาก ‘นักบวชแสง’ ไปยังกองขยะส่วนตัว ภายในใจตั้งชื่อให้วัตถุชนิดแรกเสร็จสรรพ :

ออร่าของผู้ละเมอ!

จัดการเสร็จ ไคลน์ทำนายประเด็นอื่นเพิ่มเติมอย่างผ่อนคลาย เป็นการตรวจสอบอันตรายเกี่ยวกับค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง ชายหนุ่มอยากทราบว่า ราชาอมตะ อาการิธ จะลงมือกับตนหรือไม่

ภายในใจมีคำตอบอยู่แล้ว นั่นก็คือ ‘ราชาอมตะ’ อาการิธคงไม่ยกพลขึ้นบกบนเกาะทอสคาร์เตอร์!

ประการแรก เกาะนี้มีครึ่งเทพซ่อนตัวอยู่ ผู้วิเศษทั่วไปอาจไม่ทราบ แต่เหล่าสี่ราชาย่อมต้องมีข้อมูลในมือ และจากประวัติ อาการิธแทบไม่เคยเผชิญหน้ากับครึ่งเทพตนอื่น การบุกเข้าถิ่นของศัตรูไม่ใช่วิสัยของมัน

ประการที่สอง จากข้อสันนิษฐานก่อนหน้า ไคลน์สามารถสรุปได้หนึ่งประเด็น : อาการิธไม่กล้าออกจากแจ้งมรณะ และแจ้งมรณะไม่สามารถแล่นบนบกได้!

อย่างที่คิด… ไคลน์ได้รับผลการทำนายยืนยันความปลอดภัย

หรือก็คือ ตนไม่ต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์และย้ายโรงแรมพัก

เก้าโมงเช้าวันถัดมา ไคลน์เดินลงมายังร้านอาหารบนชั้นหนึ่งของโรงแรม หลังจากมองหาโต๊ะนั่ง ชายหนุ่มเห็นแอนเดอร์สัน·ฮู้ดโผล่จากที่ไหนไม่มีใครทราบ นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดใช้นิ้วสางเส้นผมสีทอง จัดแจงให้เป็นอัตราส่วนสามต่อเจ็ด จ้องหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์พลางยิ้ม

“น่าประทับใจมาก… แม้จะถูกรุมสามต่อหนึ่ง แต่นายก็สามารถเชือดเจ้าจิลเซียสนั่นสำเร็จ… ฉากการลากศพลงมาตามบันได กำลังถูกพูดถึงอย่างมากบนเกาะทอสคาร์เตอร์… ฮะฮะ… กล่าวกันว่า โจรสลัดทุกคนที่มีค่าหัวติดตัวล้วนพยายามหลบหน้านาย ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ในรัศมีห้ากิโลเมตร!”

ไคลน์ ผู้เลิกดื่มนมตลอดชีวิตเพราะแฟรงค์·ลี ยกมือขึ้นและสั่งกาแฟหนึ่งถ้วย ขนมปังขาวหนึ่งแถว ขนมปังปิ้งสองแผ่น ไส้กรอกหมูย่างและเนยหนึ่งจานเล็ก จากนั้นก็หันไปตอบสนองเสียงเรียบ

“ข่าวไวดีนี่”

แอนเดอร์สันยิ้ม

“เป็นธรรมดาของยอดนักล่า หึหึ… ตอนนี้บรรดานักผจญภัยในทอสคาร์เตอร์ต่างกำลังถกเถียงกันว่า ใครคือนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดกันแน่”

เมื่อเห็นสายตาเย็นชาและไม่ทราบความนัยจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แอนเดอร์สันยิ้มและเล่าต่อ

“ทุกคนเลือกนาย… ฮะฮะ… คงเพราะที่นี่คือทะเลโซเนียล่ะนะ… ไม่ใช่ทะเลหมอก”

ประโยคหลังสุดจำเป็นต้องพูดด้วยหรือ? ชอบถูกชกปากนักรึไง? ไคลน์ถามเสียงเรียบจนดูเหมือนไม่แยแส

“มีข่าวเดียวหรือ”

“หือ?” แอนเดอร์สันเริ่มตามสถานการณ์ไม่ทัน

“ยังมีข่าวอื่นอีกไหม” ไคลน์ถามซ้ำ

“เรื่องนั้น…” แอนเดอร์สันส่งสายตาเล็กน้อย “โมโซน่าแห่งพรรคโลเอ็นใหม่หายตัวไปอย่างเป็นปริศนาเมื่อคืน ทั้งที่มีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันเป็นจำนวนมาก มันกลับหายตัวไปจากห้องพักอย่างไร้ร่องรอย! ทางการเขียนสำนวนว่าตายไปแล้ว สาเหตุอาจเกิดจากการบูชาเทพมารหรือไม่ก็พยายามอัญเชิญปีศาจ แน่นอน ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้ เพราะทางโบสถ์วายุสลาตันได้รับจดหมายจากบุคคลนิรนาม เนื้อความเขียนเกี่ยวกับอาชญากรรมของโมโซน่าและหลักฐานอย่างละเอียด”

แอนเดอร์สันจ้องเกอร์มัน รอให้นักผจญภัยเสียสติเล่าเสริม

มันยังจำได้แม่น เมื่อวานเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถามตนว่า ใครสมควรตายมากที่สุดบนเกาะทอสคาร์เตอร์ และตนบอกชื่อของโมโซน่าแห่งพรรคโลเอ็นใหม่กลับไป

ไคลน์ ‘อืม’ ในลำคอ ไม่กล่าวคำใดเพิ่ม

ขณะเดียวกัน บุคคลหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาในโรงแรม มองไปรอบตัวก่อนจะเดินมาหาไคลน์ด้วยสีหน้ายินดี

ไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าของผับ

“มิสเตอร์สแปร์โรว์” เจ้าของผับถอดหมวกนุ่มที่กึ่งกลางยุบลง โค้งคำนับอย่างสุภาพ “ทางการยืนยันแล้ว แต่ต้องใช้เวลาดำเนินการราวสองวันเพราะเป็นเงินก้อนใหญ่ ฮะฮะ… ผมทราบว่าคุณจะออกจากเกาะวันนี้ เพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลา ผมตัดสินใจจ่ายค่าหัวให้คุณล่วงหน้า ส่วนหนึ่งมาจากเงินหมุนเวียนของผับ อีกส่วนหนึ่งกู้มาจากเพื่อนสนิทสองสามคน… เชิญนับ”

มันจงใจลงลึกรายละเอียด นอกจากธุรกิจคราวนี้จะทำกำไรหลายร้อยปอนด์ เจ้าของผับยังหวังผูกมิตรกับนักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์

ส่วนเรื่องที่ราชาอมตะจะตามมาล้างแค้นตน เจ้าของผับมิได้กังวลนัก จิลเซียสเองก็เคยมาขึ้นค่าหัวและปล่อยของที่ผับของตนบ่อยครั้ง ได้เงินไปมากมาย ทุกฝ่ายต่างได้ประโยชน์ นี่คือกฎแห่งท้องทะเล

หลังจากนับธนบัตรปึกหนามูลค่ารวมหกพันปอนด์ ไคลน์แบ่งออกเป็นหลายปึก สอดไว้ในกระเป๋าเสื้อหลายช่อง ปิดท้ายด้วยพยักหน้า

“ทำได้ไม่เลว”

เจ้าของผับโล่งใจ มองไปรอบตัวอย่างระมัดระวังและกล่าวเสียงแผ่ว

“หลังจากนี้ก็ระวังตัวด้วย ราชาอมตะเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เรือโดยสารของคุณอาจถูกจู่โจมกลางทะเล”

มันไม่กล้าเล่าว่า ตนสามารถหาคนช่วยพาขึ้นเรือโดยสารอย่างเป็นความลับได้ เพราะเกรงว่าถ้าราชาอมตะรู้เข้า ฝ่ายที่โดนแก้แค้นอาจเป็นตัวเอง

“ฉันรู้” ไคลน์ตอบเสียงเรียบ

เจ้าของผับไม่กล่าวต่อ โค้งศีรษะอีกครั้ง เดินออกไปจากโรงแรม

“นายมีวิธีออกจากเกาะหรือยัง?” แอนเดอร์สันจ้องเกอร์มันด้วยความสงสัย

“ลองเดาดูสิ” ไคลน์ยิ้มอ่อน

มุมปากแอนเดอร์สันพลันกระตุก

“เห็นนายมั่นใจ ฉันก็สบายใจ… ขอยืนยันเวลาอีกครั้ง จากที่เขียนไว้บนหน้าตั๋ว เรือโดยสารจะออกเดินทางตอนบ่ายโมงครึ่ง… เฮ่อ ฉันเคยคิดว่าการทำเงินหนึ่งพันหกร้อยปอนด์ในคืนเดียวเป็นเรื่องที่สุดยอดมากแล้ว… ใครจะไปคิด…”

ไคลน์ไม่ตอบ เริ่มจัดการอาหารเช้าของตัวเอง

จากนั้นก็ออกไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ตัดปัญหาที่เสื้อผ้าอาจไม่เพียงพอสำหรับการหมุนเวียน

จากวินาทีเป็นนาที จนกระทั่งถึงเวลาต้องขึ้นเรือ แอนเดอร์สันถือกระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่เพิ่งซื้อ ชำเลืองไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้านข้าง ซักถามด้วยสีหน้าเจือความกังวล

“จะขึ้นไปทั้งแบบนี้เลยหรือ… แจ้งมรณะน่าจะรออยู่ด้านนอก ส่วนอนาคตกาลออกไปตั้งแต่เมื่อวานหลังจากเติมเสบียงเสร็จ”

มันรู้สึกว่า การเดินทางด้วยเรือขณะที่โทสะของราชาอมตะกำลังคุกรุ่น ไม่ใช่เรื่องฉลาดสักเท่าไร

แต่คนอย่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่น่าจะเสียสติถึงขั้นเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับความตาย… นอกเสียจาก… เขาวางกับดักไว้แล้ว… แอนเดอร์สันครุ่นคิดพลางผุดข้อสันนิษฐานใหม่

ไคลน์ไม่หันไปมอง ถือกระเป๋าเดินทางเดินขึ้นเรือทั้งอย่างนั้น

ความคิดชายหนุ่มไม่ซับซ้อน มันเชื่อว่าแจ้งมรณะคงสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติของ ‘ออร่า’ ด้วยอุปนิสัยของราชาอมตะ โอกาสเปิดฉากโจมตีซึ่งหน้าจึงต่ำมาก แต่ถ้าสมมติฐานของตนผิด ในวินาทีที่เห็นแจ้งมรณะแล่นผ่านเส้นขอบฟ้าเข้ามา ไคลน์จะรีบกลับเข้าห้อง สวดวิงวอนถึงตัวเอง เข้าสู้มิติหมอกและตอบสนองด้วยคทาเทพสมุทร แล้วมาดูกันว่าในสมรภูมิกลางทะเล ‘เทพสมุทร’ หรือ ‘ผู้ละเมอ’ จะแข็งแกร่งกว่ากัน!

แผนในตอนแรกของไคลน์ไม่ใช่แบบนี้ ชายหนุ่มคิดจะใช้คทาเทพสมุทรออกคำสั่งกับสัตว์ทะเลแถบชายฝั่ง ให้พวกมันช่วย ‘ลำเลียง’ ตนและแอนเดอร์สันผ่านพิสัยทำการของแจ้งมรณะ จากนั้นค่อยแอบขึ้นเรือโดยสารที่ตนมีตั๋วในเมืองท่าแห่งอื่น

ทว่าเมื่อลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน การหายตัวไปอย่างกะทันหันของตนอาจทำให้ราชาอมตะนำความโกรธไปลงกับผู้บริสุทธิ์ ฆ่าคนไม่เลือกหน้า เพราะโจรสลัดไม่จำเป็นต้องทำตามกฎหมายหรือศีลธรรมอยู่แล้ว หลังจากทำนายตรวจสอบบนมิติเหนือสายหมอก ไคลน์เลือกที่จะขึ้นเรืออย่างเปิดเผยแทน

……………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset