ไม่เร็วไปหน่อยหรือ? เราแค่เพิ่งคิด… ไคลน์เหม่อมองผิวทะเลที่เป็นคลื่นน้ำ มิอาจทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้สักพัก
ท่ามกลางกระแสความคิด ชายหนุ่มคาดเดาอย่างเลื่อนลอย
‘จอมเชือด’ จิลเซียสที่เป็นผู้ช่วยกัปตันของราชาอมตะ อาการิธ ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้วิเศษบนเส้นทางปีศาจ อาจมีลำดับสูงถึง ‘ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’ แล้วด้วยซ้ำ… มีโอกาสที่มันจะหยั่งถึงอันตรายล่วงหน้า ย่อมต้องตระหนักถึงแหล่งอันตรายได้อย่างแม่นยำ… และไม่แน่ว่า ตัวราชาอมตะเองก็อาจเป็นลำดับ 4 ของเส้นทางปีศาจ!
เมื่อสัมผัสว่าคนบนอนาคตกาลสามารถทำอันตรายกับตัวเองได้และเตรียมลงมือ มันพบความจริงที่ว่าสถานการณ์ฝั่งตัวเองตกเป็นรอง และอาจพบไปถึงตัวจริงของราชินีเงื่อนงำ จึงเผ่นหนีทันทีโดยปราศจากความลังเล?
หืม… บางที ราชินีเงื่อนงำอาจกำลังคิดแบบเดียวกับเรา เตรียมลงมือจัดการ… ไม่อย่างนั้น ลำพังความคิดของเราคงไม่มากพอจะทำให้ราชาอมตะหวาดกลัว ตรงกันข้าม มันคงพ่นลมหายใจเหยียดหยันสองสามหนและตอบโต้อย่างบ้าบิ่น…
เฮ่อ… พลังพิเศษของเส้นทางปีศาจช่างสะดวกสบาย ดูเหมือนว่าการลงมือกับรองกัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน และผู้ช่วยรองกัปตันจะไม่มีโอกาสสำเร็จ… ไคลน์ที่ถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน ชำเลืองไปทางแอนเดอร์สัน·ฮู้ดด้านข้าง
สีหน้าของนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดยังคงเจืออาการหวาดผวา คล้ายกับกำลังสิ้นหวังในความดวงซวยของตนที่มิได้ลดลงแม้แต่น้อย แต่เพียงไม่นานก็แทนที่ด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่า ‘แจ้งมรณะ’ แล่นหนีหางจุกก้นอย่างเหนือความคาดหมาย
ดวงตาของแอนเดอร์สันเบิกโพลงเล็กน้อย เหลียวซ้ายแลขวาด้วยความสงสัย คล้ายกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง
น่าเสียดายที่ความดวงซวยของแอนเดอร์สันยังไม่รุนแรงมากพอ ไม่อย่างนั้น พวกเราอาจจับตัวราชาอมตะได้โดยการสังเวยนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด… หึหึ นี่คือลักษณะเด่นของ ‘นักยั่วยุ’ อยู่แล้วนี่… ไคลน์หมุนตัวเดินเข้าไปยังทางเดินห้องโดยสาร ตรงกับห้องพัก
เพียงเปิดประตูไม้เข้าไป ชายหนุ่มมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยยืนอยู่ริมหน้าต่าง เป็นร่างกายที่มีสัดส่วนสมบูรณ์แบบ แต่งตัวค่อนข้างประหลาด ไม่ใช่ใครนอกจากราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดต
มาดาม… พ่อไม่ได้สอนเลยหรือ ว่าอย่าเข้าห้องคนอื่นซี้ซั้ว? โดยเฉพาะห้องของบุรุษแปลกหน้า… ในฐานะสุภาพสตรีมารยาทงามจากตระกูลใหญ่และได้รับการศึกษาสูง คุณควรยืนรออยู่ที่หน้าประตูและถามอย่างจริงใจว่า ดิฉันขอเข้าไปในห้องได้ไหม… จักรพรรดิ ผมจำได้ว่าคุณเขียนหนังสือสอนเกี่ยวกับมารยาทไม่ใช่หรือ… ไคลน์พึมพำในใจเล็กน้อย ตามด้วยการปิดประตู
โดยไม่รอให้ชายหนุ่มเอ่ยปาก ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดต กล่าวขณะหันหลังให้
“จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉันสามารถยืนยันทฤษฎีหนึ่งได้”
“ทฤษฎี?” ไคลน์ไม่เผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น เพียงซักถามเสียงเรียบ
แบร์นาแดตยังคงไม่หันหน้ากลับ ดวงตาจ้องลงไปยังคลื่นทะเลนอกหน้าต่าง
“ตำนานน้ำพุไม่แก่เฒ่าของอาการิธเป็นเพียงเรื่องลวงโลก… หากจะน้ำพุไม่แก่เฒ่ามีอยู่จริง มันจะต้องเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของ ‘แม่มดยุพนิรันดร์’ หรือเป็นสิ่งที่เกิดจากศพหลังจากเสียชีวิต สิ่งนี้สามารถสรุปได้ว่า หาก ‘ผู้ชาย’ คนใดอ้างว่าดื่มน้ำพุไม่แก่เฒ่าเข้าไป คนคนนั้นกำลังโกหก”
เธอมิได้อธิบายว่าแม่มดยุพนิรันดร์คืออะไร คล้ายกับมั่นใจว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ทราบดีอยู่แล้ว หรือต่อให้ไม่ทราบ ก็คงมีวิธีค้นคว้าข้อมูลด้วยตัวเองในภายหลัง…
น้ำพุไม่แก่เฒ่า… แม่มดยุพนิรันดร์… ค่อนข้างสอดคล้อง… ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า อักษรเลือดในห้องกัปตันก็มีเพื่อบอกให้ทุกคนทราบว่า น้ำพุไม่แก่เฒ่าเป็นเพียงตำนานลวง? ราชาอมตะ อาการิธพยายามปล่อยข่าวเกี่ยวกับน้ำพุไม่แก่เฒ่าหนแล้วหนเปล่า เพื่อล่อลวงให้นักล่าสมบัติเข้าสู่น้ำน่านอันตรายและขุดหลุมฝังศพตัวเอง หรือไม่ก็ฉวยโอกาสเข่นฆ่า? นิสัยสมกับเป็นพวกปีศาจ… เข้าใจแล้วว่าทำไม ‘จอมเชือด’ จิลเซียสถึงเตือนให้เราไม่เข้าไปยุ่ง… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะกล่าวหลังจากไตร่ตรอง
“เรื่องโกหกสินะ…”
ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตพยักหน้ารับ กล่าวเสียงแผ่ว
“นี่อาจเป็นเงื่อนไขในพิธีกรรมเลื่อนลำดับ 4 ของอาการิธ ขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่ช่วยเร่งความเร็วในการย่อยโอสถลำดับ 4”
หญิงสาวเว้นวรรคเล็กน้อย กล่าวหลังจากถอนหายใจกับตัวเอง
“ลำดับ 4 ของเส้นทางพวกมันมีชื่อว่า… ซาตาน”
ซาตาน? ฟังดูเจ้าเล่ห์ไม่เบา… สร้างตำนานสมบัติปลอมเพื่อล่อลวงให้มนุษย์ไปฆ่าตามแบบฉบับของซาตาน… ไคลน์ผงะเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ราชินีเงื่อนงำหันหลังกลับ ดวงตาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตาข่ายสีดำกำลังจดจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์อย่างไม่กะพริบ
ถึงตาเราให้ข้อมูลบ้าง? ไคลน์ใคร่ครวญสักพัก
“จากการวิเคราะห์เนื้อหาในไดอารีที่มีอยู่อย่างจำกัด จักรพรรดิโรซายล์ได้เผชิญวิกฤติร้ายแรงในช่วงบั้นปลายชีวิต สิ่งนี้ได้บีบบังคับให้เขาตัดสินใจทดลองทำเรื่องที่บ้าบิ่น”
ประโยคเมื่อครู่ ไคลน์มิได้โกหกหรือบิดเบือนแม้แต่คำเดียว เพราะไดอารีเท่าที่ตนครอบครอง มิได้เปิดเผยว่าจักรพรรดิโรซายล์ต้องการทำอะไรในช่วงบั้นปลายชีวิต เผชิญวิกฤติแบบใด และคิดจะทดลองเรื่องบ้าบิ่นแบบใด
และการทำเช่นนี้จะส่งผลให้แบร์นาแดตต้องการค้นหาความจริง จากนั้นก็จะมอบไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ในช่วงเวลาดังกล่าวให้ตน ผ่านพลเรือเอกดวงดาวแคทลียา
ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตเงียบงันสักพัก ไม่กล่าวสิ่งใด
เมฆสูงเริ่มเคลื่อนคล้อย ส่งผลให้แสงแดดจากด้านนอกเริ่มส่องเข้ามา ร่างของราชินีแห่งห้าห้วงสมุทรเริ่มแยกออกจากกันในลักษณะคล้ายฟองสบู่ ก่อนจะอันตรายหายไป
แสงสะท้อนจากฟองสบู่มีหลากหลายสี ช่วยเติมเต็มห้องพักด้วยฉากที่ดูราวกับอยู่ในเทพนิยาย
หากไม่มีปราชญ์เร้นลับ เส้นทางผู้ส่องความลับนับว่าน่าสนใจมาก… ไคลน์ถอนหายใจพลางใช้หัวแม่โป้งซ้าย บีบลงบนข้อนิ้วชี้แรกสุด
ชายหนุ่มเปิดเนตรด้ายวิญญาณ แต่ไม่พบด้ายสีดำของใครภายในห้อง
นั่นหมายความว่า ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดต ได้ออกจากห้องไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!
ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจแผ่ว รีบปิดเนตรด้ายวิญญาณ
ขณะเตรียมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน มันได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้
ก็อก ก็อก ก็อก ใครบางคนเคาะประตูห้อง
“ใคร?” ไคลน์ลุกนั่ง
“ฉันเอง” เป็นเสียงของพลเรือเอกดวงดาว แคทลียา
ไคลน์เดินเข้าไปใกล้ด้วยความฉงน เปิดประตูต้อนรับ
มันมิได้ถามว่าเธอมาเพื่อสิ่งใด เพียงจ้องหญิงสาวด้วยสายตาเย็นชาที่คล้ายกับกำลังถามแทน
แคทลียาดันแว่นบนดั้งจมูก
“เมื่อออกจากน่านน้ำพิเศษ พวกเรามิได้โผล่ในจุดที่เข้าไป แต่อยู่ห่างจากเกาะทอสคาร์เตอร์ราวหนึ่งร้อยไมล์ทะเล ใช้เวลาสามวันในการแล่นเรือไปเมืองนาส คุณอยากให้ไปส่งที่ไหน?”
ทางเข้ากับทางออกเป็นคนละจุด? ไคลน์ประหลาดใจเล็กน้อย ซักถามเพื่อให้แน่ใจ
“แล้วจากตรงนี้ กลับเข้าไปในน่านน้ำพิเศษได้ไหม?”
“ไม่ได้ พวกเราจะตกลงไปในเหวที่มองไม่เห็นก้น จากผลการทำนาย คนที่เคยทำแบบนั้นล้วนตายไปหมดแล้ว เป็นความตายโดยแท้จริง” แคทลียาอธิบายกระชับ
งั้นหรอกหรือ… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก
“ส่งที่เกาะทอสคาร์เตอร์”
เหตุผลที่ไม่เลือกนาส เป็นเพราะเวลาของชุมนุมทาโรต์กระชั้นเข้ามาทุกที จึงไม่ต้องการเสียเวลาบนอนาคตกาลมากนัก
นอกจากนั้น เกาะทอสคาร์เตอร์ยังเป็นสุดเขตอาณานิคมฝั่งตะวันออกของอาณาจักรโลเอ็น ใช้เงินสกุลเพนนี ซูล และทองปอนด์ ทำให้ไคลน์ไม่ต้องกังวลเรื่องการแลกเงิน
“ตกลง” แคทลียาไม่แสดงท่าทีคัดค้าน
ขณะเฝ้ามองหญิงสาวหันหลังเดินกลับไปยังห้องกัปตัน ไคลน์ส่ายหน้าพลางรำพัน
ถ้าเธอมาเร็วกว่านี้… คงได้พบราชินีเงื่อนงำไปแล้ว…
…
ในช่วงเย็น อนาคตกาลแล่นมาถึงท่าเรือทอสคาร์เตอร์ แต่ฝืนจอดด้วยการทอดสมอ
ไคลน์แต่งกายในชุดสุภาพบุรุษโลเอ็น หิ้วกระเป๋าเดินทางหนัง เดินมาบนดาดฟ้าและล้วงหยิบจ้างส่วนสุดท้ายที่พกมาในกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้าง ยื่นให้พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา
หักจากตะกอนพลังของ ‘กลาดิเอเตอร์’ ที่มีราคาเจ็ดร้อยปอนด์ จะเหลือค่าจ้างติดค้างทั้งสิ้นหนึ่งพันสามร้อยปอนด์
และนั่นทำให้ไคลน์เหลือเงินสดในมือ 8,436 ปอนด์ กับอีกห้าเหรียญทอง
แคทลียารับไว้อย่างเงียบงัน ขยับปากคล้ายกับอยากพูดบางสิ่ง แต่สุดท้ายก็มิได้เอ่ยออกมา
“นายจะลงที่นี่ หรือให้ไปส่งที่อื่น?” หญิงสาวหันไปทางแอนเดอร์สัน·ฮู้ด
เมื่อพิจารณาว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังจะลงจากเรือ และเมื่อพิจารณาว่าอนาคตกาลเต็มไปด้วยโจรสลัด แอนเดอร์สันยิ้มแห้ง
“ลงที่นี่”
“จ่ายค่าโดยสารด้วย” แคทลียาไม่ปล่อยแอนเดอร์สันไปโดยง่าย เพราะอีกฝ่ายถึงขั้นยืมเสื้อผ้าของโจรสลัดใส่
“เข้าใจแล้ว” แอนเดอร์สันไม่ปิดบังสีหน้าเจ็บปวด มือข้างหนึ่งเลื่อนลงไปกระชากกระดุมเสื้อแสนธรรมดาที่อยู่กึ่งกลางหน้าอก
ชายหนุ่มยื่นให้อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ พลางกล่าว
“นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันได้มาจากทะเลแห่งนั้น เอามาจากศพของทหารกองทัพโลเอ็น… ไม่ทราบชื่อที่แท้จริงของมัน ฉันเรียกมันตามพลังพิเศษของโอสถลำดับ 6 ที่เกี่ยวข้อง… ผู้พิพากษา… ผลข้างเคียงมิได้ร้ายแรงเป็นพิเศษ แค่ทำให้ผู้สวมใส่ถูกเกลียดขี้หน้าโดยมนุษย์หรือสัตว์ประหลาดได้ง่าย ในบางครั้งก็ตกเป็นเป้าของครึ่งเทพโดยบังเอิญ”
นั่นเรียกว่าไม่ได้ร้ายแรงเป็นพิเศษ? ถ้าเราเป็นพลเรือเอกดวงดาว คงเลือกเอากริชของหมอนั่นเป็นค่าตอบแทน… ไคลน์รำพันในใจ พลางยืนมองแคทลียารับค่าโดยสารจากแอนเดอร์สัน·ฮู้ด
ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจเรื่องของคนอื่นมากนัก รีบหิ้วกระเป๋าเดินทาง ลงจากอนาคตกาลไปยังท่าเรือทอสคาร์เตอร์
กึก!
แอนเดอร์สัน·ฮู้ดกระโดดจากดาดฟ้า ตกลงข้างชายหนุ่ม
“ดื่มอะไรกันก่อนไหม? ฉลองที่พวกเรารอดมาจากทะเลบัดซบนั่นได้อย่างปลอดภัย!” นักล่าเผยสีหน้าตื่นเต้นพลางเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง
ไคลน์ชำเลืองมองพลางปฏิเสธอีกฝ่ายด้วยสายตา แสดงออกชัดเจนว่าต้องการอยู่ให้ห่างชายอับโชคเจ้าของออร่ายั่วยุบาทา
“ก็ได้” แอนเดอร์สันกวาดตามองรอบตัว กระแอมล้างคอ “ขอยืมเงินก่อนได้ไหม? ก็อย่างที่นายทราบ ทรัพย์สินของฉันจมลงไปในทะเลนั่นแล้ว”
กล่าวจบ มันหัวเราะ
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะรีบคืนให้พรุ่งนี้เช้า ภายในผับและซ่องของทอสคาร์เตอร์เต็มไปด้วยโจรสลัด ฉันจะแวะไปขอเงินสนับสนุนจากพวกมันสักหน่อย”
ไถเงินจากเหยื่อที่ไม่มีค่าหัว ส่วนใครที่มีก็จับไปขึ้นค่าหัวกับทางการ? ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ส่งธนบัตรห้าซูลให้แอนเดอร์สัน
“น้อยจัง?” แอนเดอร์สันอ้าปากค้าง
“เพียงพอสำหรับกินดื่มและพักค้างคืนในโรงแรม” ไคลน์ตอบเสียงขรึม “นอกจากนี้ ธนบัตรใบนี้ยังมีมูลค่าเท่ากับหนึ่งปอนด์”
“หนึ่งปอนด์?” แอนเดอร์สันขยี้ตาตามสัญชาตญาณ ก่อนจะยิ้มแห้ง “เข้าใจแล้ว หนึ่งปอนด์ก็ได้… ฉันจะคืนหนึ่งปอนด์ให้นายพรุ่งนี้เช้า”
…………………………………………..