Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 644 : เสียงหัวเราะ

ราชันเร้นลับ 644 : เสียงหัวเราะ

ด้วยมาดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไคลน์มิอาจปลอบใจแฟรงค์·ลีออกไปตามตรง ขณะเดียวกันก็พูดไม่ได้ว่านั่นคือสิ่งที่ดีแล้ว ทำได้เพียงมองเป็นปัญหาเล็กน้อย ไม่ตอบสนองมากกว่านั้น

มันเดินเฉียงสองสามก้าว ตรงไปทางกราบเรือพลางเพ่งมองคลื่นทะเลขรุขระ

ในตอนนี้ เมฆสูงบนท้องฟ้าเริ่มบางเบาลง เผยให้เห็นพระจันทร์สีแดงอย่างแจ่มชัด

ท่ามกลางบรรยากาศสลัว ไคลน์มองไปยังจุดหนึ่งซึ่งห่างออกไปไม่ไกล พบเมฆดำลอยตัวต่ำและทอดยาวเป็นทิวแถว ก่อตัวเป็นพายุขนาดมหึมาปกคลุมผืนทะเลอันกว้างใหญ่

แสงสีเงินของสายฟ้ากำลังสว่างวิบวับอย่างต่อเนื่อง พายุฝนฟ้าคะนองกำลังเต้นรำท่ามกลางสายลมโหมกระหน่ำ เปรียบประหนึ่งฉากวันสิ้นโลกก็มิปาน

แม้ภัยพิบัติเช่นนี้จะอยู่ห่างจากอนาคตกาลเพียงไม่กี่ไมล์ทะเล แต่กลับแทบไม่ส่งผลกระทบใดมาถึง อย่างมากก็แค่มีลมแรงพัดผ่าน

นี่คือความสำคัญของ ‘เส้นเดินเรือปลอดภัย’ ถูกพิสูจน์แล้วว่าปลอดจากภัยธรรมชาติ… หากไม่ใช่นักเดินเรือฝีมือฉกาจ การแล่นเรือพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เผชิญหายนะทันที…

ไคลน์มองไปยังทิศทางของหัวเรือ พบว่าแสงด้านหน้าค่อนข้างสลัวและมีหมอกหนา ทัศนวิสัยน่าเป็นห่วง เป็นการยากที่จะให้ระบุว่าเขตใดคือเส้นทางเดินเรือปลอดภัยด้วยตาเปล่า

สำหรับเส้นแบ่งเขตร่องน้ำเดินเรือที่ปลอดภัยกับไม่ปลอดภัย ไคลน์ไม่เคยเห็นอย่างใกล้ชิดและชัดเจนเท่านี้มาก่อน แม้กระทั่งในย่านทิศตะวันตกของเกาะโอลาวี

ขณะชายหนุ่มเตรียมเบือนหน้าหนี มันบังเอิญเห็นวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหวในจุดใกล้กับขอบพายุ!

สัตว์ทะเล?

ไคลน์หวนนึกถึงตำนานและข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์ทะเลที่เคยได้ยินในผับ

หากออกจากเส้นทางเดินเรือปลอดภัยแม้เพียงเล็กน้อย โอกาสพบสัตว์ทะเลดุร้ายจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า บางตัวมีขนาดมหึมาและนิสัยก้าวร้าว ถ้าได้โผล่ขึ้นผิวน้ำเมื่อใด พวกมันจะกัดเรือจนสะบั้นหักกลางลำ

อนาคตกาลมิได้หยุดแล่นไปข้างหน้า ไม่นานก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กับวัตถุสีดำขนาดมโหฬาร

ไคลน์เริ่มเห็นอย่างชัดเจน และพบว่านั่นไม่ใช่สัตว์ทะเล แต่เป็นเรือใบลำใหญ่กว่าอนาคตกาล!

ยาวเกือบสองร้อยเมตร หัวและท้ายเรือถูกยกสูงกว่าปรกติ มองผิวเผินจะคล้ายกับจันทร์เสี้ยวสีดำทะมึน

ผิวเรือเป็นสีดำล้วน กราบเรือติดปืนใหญ่สามแถวเรียงรายสูงต่ำอย่างไม่เป็นระเบียบ เสากระโดงใหญ่หนึ่งต้นยืนขึ้นมาจากดาดฟ้าเรืออย่างโดดเด่น สูงราวตึกห้าชั้นเห็นจะได้

จุดแปลกประหลาดที่สุดก็คือการที่ลำทั้งเรือมีเสากระโดงเพียงต้นเดียว จนดูคล้ายกับหลุมศพสีดำขนาดมหึมา

“แจ้งมรณะ…” เสียงอันเคร่งขรึมเจือความหมองหม่นดังแว่วข้างหูไคลน์ แฟรงค์·ลีย้ายมายืนด้านข้างโดยไม่มีใครทราบว่าอีกฝ่ายวางปลาเกล็ดเงินลงตอนไหน

รองกัปตันอนาคตกาลเจ้าของค่าหัวเจ็ดพันปอนด์กำลังมีสีหน้าแข็งทื่อ กล้ามเนื้อใบหน้าตึงแน่น ประหนึ่งพร้อมรับศึกจากเรือใบสีดำลำใหญ่ตรงหน้าทุกเมื่อ

แจ้งมรณะ…

ไคลน์ประหลาดใจในตอนต้น แต่เพียงไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่านามดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด

มันคือชื่อของหนึ่งในเรือที่โด่งดังและมีตำนานเล่าขานมากที่สุดบนห้าห้วงสมุทร!

เรือธงของราชาอมตะ อาการิธ!

ได้เจอกับหนึ่งในสี่ราชาโจรสลัดเข้าจนได้…

ไคลน์พยายามเก็บซ่อนความตกใจ ภาวะตึงเครียดฉับพลันทำให้มันเกือบหลุดมาดอันเยือกเย็นของเกอร์มัน·สแปร์โรว์

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มยังคงฉาบใบหน้าของตนด้วยความเย็นชาจนถึงที่สุด เพียงยืนจ้อง ‘แจ้งมรณะ’ อย่างไม่สั่นคลอน

ขณะเดียวกัน หลังจากตระหนักว่าตนเพิ่งได้รับคำเตือนจากจอมเชือด·จิลเซียสภายในเมืองนาสเมื่อไม่นานมานี้ ไคลน์เริ่มเบาใจ และพบเหตุผลว่าทำไม ‘แจ้งมรณะ’ ถึงแล่นอยู่ใกล้กับเกาะการ์กัส

หลังจากยกภูเขาออกจากอก ชายหนุ่มนึกทบทวนข่าวลือเกี่ยวกับราชาอมตะที่ตนเคยได้ยินจากผับ บางส่วนมีใจความตามนี้ :

โชคดีที่เรากำลังโดยสารอนาคตกาล ราชาอมตะคงเห็นแก่หน้าเฮอร์มิทบ้างไม่มากก็น้อย เธอเป็นถึงพลเรือโจรสลัด… ไม่สิ… สำหรับสี่ราชาโจรสลัดและเจ็ดนายพลโจรสลัด หากไม่ได้อยู่ในงานชุมนุมโจรสลัดที่จัดขึ้นโดยราชาแห่งห้าห้วงสมุทร พวกมันจะมีความสัมพันธ์ระหว่างกันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเสมอ ถ้าไม่ใช่มิตรก็ศัตรู แต่โดยส่วนมากจะเป็นอย่างหลัง… หากประเมินจากสันดานของราชาอมตะ ถ้าเรือแล่นสวนกัน คงไม่จบลงแค่การทักทายธรรมดาแน่!

ขณะความคิดกำลังแล่นผ่าน ไคลน์ได้ยินเสียงแตรสัญญาณดังกังวาน

หวูด!

ลูกเรือในห้องโดยสารถูกปลุกให้ตื่นอย่างพร้อมเพรียง หลายคนไม่ใส่เสื้อ บ้างรีบตรงไปประจำการยังปืนใหญ่แต่ละกระบอก บ้างรีบมารวมตัวกันบนดาดฟ้าเรือ อนาคตกาลเปลี่ยนจากภาวะสงบสุขเป็นสงครามในพริบตา

ไคลน์เงยหน้ามอง พบว่าหน้าต่างห้องกัปตันถูกเปิดอยู่ พลเรือเอกดวงดาว·แคทลียาปรากฏกายในชุดคลุมสีดำทรงโบราณเช่นทุกที สายตาเพ่งมองไปในทิศทางของ ‘แจ้งมรณะ’

หญิงสาวมิได้สวมแว่นตาเลนส์หนา เผยให้เห็นดวงตาสีม่วงเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ลึกลับและน่าค้นหา

เราไม่ได้คิดไปเอง แม้แต่เธอก็ยังกังวลว่าราชาอมตะจะเปิดฉากโจมตี…

ไคลน์เบือนหน้ากลับ หันไปจ้องส่วนหัวและท้ายเรือของ ‘แจ้งมรณะ’ ที่ถูกยกสูง

ทันใดนั้น เรือสองลำเริ่มแล่นสวนกัน สองกลุ่มโจรสลัดต่างฝ่ายต่างมองเห็นกันและกันอย่างเลือนรางจากระยะไกล

โจรสลัดฝั่งตรงข้ามมองกลับมาด้วยท่าทีตอบสนองหลากหลาย บางส่วนยืนนิ่งประหนึ่งรูปปั้นไร้อารมณ์ แต่บางส่วนชักดาบออกมาควง ชักปืนออกมาเล็งขู่หรือเป่าปากกระบอก เผยท่าทียั่วยุเสียเต็มประดา

ในวินาทีนี้ แค่ไม้ขีดก้านเดียวก็มากพอจะปะทุความตึงเครียด จุดชนวนเกิดเป็นสงคราม

แต่จนแล้วจนรอด แจ้งมรณะก็มีได้ลงมือกระทำล้ำเส้น เพียงแล่นผ่านไปอย่างเงียบงัน ส่งตัวเองให้ห่างจากอนาคตกาลทีละนิด

“ราชาอมตะ·อาการิธคือชายวัยกลางคนผู้มีผิวพรรณซีดเผือด ประหนึ่งศพซึ่งพร้อมเน่าเปื่อยตลอดเวลา ในบางอาณาจักร ค่าหัวของมันจะสูงถึงหนึ่งแสนปอนด์ เหล่าผู้ที่เคยเป็นศัตรูกับมัน ไม่ว่าจะโจรสลัด นักผจญภัย หรือนายพลจากกองทัพเรือ เกือบทั้งหมดเสียชีวิตไปแล้ว เหลือเพียงราชาโจรสลัดอีกสามคนเท่านั้นที่ยังโลดแล่นจนถึงทุกวันนี้ มันไม่เคยเผชิญหน้ากับครึ่งเทพอย่างจริงจังเลยสักครั้งเดียว ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้อย่างเข้มงวดมาก แทบไม่มีใครล่วงรู้ลำดับและเส้นทางของมัน ไม่มีใครยืนยันพลังพิเศษของมันได้ สันดานป่าเถื่อน ต่ำช้า ชื่นชอบการเข่นฆ่า ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนหรือเรือลำใด มันพร้อมทำลายทิ้งอย่างไร้เหตุผล มักมีข้ออ้างในการผิดสัญญาอยู่เสมอ นอกจากฉายา ‘ราชาอมตะ’ แล้ว อาการิธยังมีอีกหนึ่งสมญานามคือ ‘ผู้กลับกลอก’ ฟู่ว…” แฟรงค์·ลีข้างไคลน์ส่งเสียงแผ่ว

มันยิ้มอีกครั้ง หันมาพูดกับชายหนุ่ม

“ฮะฮะ! มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของราชาอมตะ บ้างบอกว่าเขาเป็นครึ่งเทพ บ้างก็บอกว่าเขาอยู่แค่ลำดับ 5 แต่เป็นเพราะ ‘แจ้งมรณะ’ พลังโดยรวมจึงเทียบเท่าลำดับ 4 อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าอายุขัยของชายคนนั้นยาวมาก… จริงสิ… จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาผสมพันธุ์กับปลาของผม? อายุขัยของปลาจะเพิ่มขึ้นจากเดิมรึเปล่า?”

แฟรงค์เริ่มมีความหวัง

ก่อนอื่น นายต้องจับตัวราชาอมตะให้ได้ หรือไม่ก็ทำให้หมอนั่นอยากอึ๊บปลาของนาย…

ไคลน์รำพัน หันไปกล่าวอย่างเยือกเย็น

“เรื่องนี้ต้องไปปรึกษากับเจ้าตัว”

แฟรงค์·ลีผงะเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ

“เขาคงไม่เห็นด้วยแน่ และจับผมฝังดินทันที”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง แจ้งมรณะที่แล่นห่างออกไปจากอนาคตกาล เกิดหันหัวเรือกลับกะทันหัน

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะอันแหลมลึกและแฝงความชั่วร้ายอย่างเต็มเปี่ยม พลันแผ่ปกคลุมน่านน้ำรอบอนาคตกาลทุกซอกมุม

“ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เสียงหัวเราะอันน่าขนลุก ดังกึกก้องไปรอบผืนทะเลอย่างต่อเนื่อง บ้างแหบพร่า บ้างยุ่งเหยิง บ้างคล้ายเสียงกระซิบ บ้างเหมือนเสียงร้องเพลง ลูกเรืออนาคตกาลล้มลงไปกองกับพื้นทีละคนสองคน สองมือเลื่อนปิดใบหู นอนดีดดิ้นด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน

บางคนเริ่มมีเกล็ดปลาผุดขึ้นบนผิวหนัง

แม้แต่ไคลน์ก็มิอาจรอดพ้น สมองของมันเต็มไปด้วยห้วงความคิดอันหลากหลาย ทั้งเรื่องดี เรื่องแย่ เบิกบาน หดหู่ และหม่นหมอง

ทั้งหมดซ้อนทับกับอย่างยุ่งเหยิง ผนวกกับเสียงหัวเราะที่ดังสอดแทรก สมองจึงถูกบีบรัดราวกับพร้อมระเบิดออกมาทุกเมื่อ

ใบหน้าของไคลน์เริ่มบิดเบี้ยว ตุ่มเนื้อขนาดเล็กที่ยากมองเห็นเริ่มเคลื่อนไหวใต้ชั้นผิวหนัง

หากไม่มีภูมิคุ้มกันจากเสียงกระซิบของพระผู้สร้างแท้จริง เสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู และเสียงโหยหวนขณะส่งตัวเองเข้าสู่มิติหมอก ไคลน์คงได้รับผลกระทบแบบเดียวกับผู้เชี่ยวชาญพิษที่กำลังทุรนทุรายด้านข้างตนในสภาพก้มหมอบต่ำ สองมือประคองศีรษะด้วยร่างกายสั่นเทา

ไคลน์พบว่า บนใบหน้าของแฟรงค์เริ่มมีเส้นขนสีน้ำตาลงอกยาว คล้ายกับมนุษย์คนหนึ่งกำลังจะกลายร่างเป็นหมียักษ์

ทันใดนั้น อักขระเวทมนตร์และลวดลายซับซ้อนตามผนังและต้นเสาของอนาคตกาลพลันส่องแสงพราวพราย ดุจดังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแต่ปราศจากดวงจันทร์

เสียงหัวเราะอันแหลกลึก สยองขวัญ และแหบพร่ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ คล้ายกับมันถูกขับไล่ให้ห่างออกไปจากอนาคตกาลมากขึ้นทีละนิด เริ่มเจือจางลงจนดูเหมือนเป็นเพียงเสียงมายา

อาการวิงเวียนของไคลน์บรรเทาลงรวดเร็ว ชายหนุ่มเริ่มมีสติพอจะเงยหน้าสำรวจ

ภายในห้องกัปตันที่หน้าต่างกำลังเปิดกว้าง ใบหน้าอันงดงามของพลเรือเอกดวงดาวกำลังปรากฏความหมองคล้ำ กล้ามเนื้อแน่นตึงประหนึ่งพร้อมระเบิดปะทุได้ทุกเมื่อ

พร้อมกันนั้น แคทลียาใช้ฝ่ามือวางลงบนกรอบหน้าต่าง ร่างกายของเธอเริ่มมีมวลหมู่ดวงดาวรายล้อม ส่องแสงระยิบระยับสะท้อนกับผิวของน้ำทะเลเบื้องล่าง สอดประสานกับความงดงามของอักขระเวทมนตร์บนอนาคตกาล

ฟ้าว!

สายลมเริ่มก่อตัวจากความว่างเปล่า ใบเรือหมุนปรับทิศทางด้วยตัวเอง ช่วยให้อนาคตกาลซึ่งปราศจากลูกเรือคอยควบคุม แล่นไปบนผิวน้ำด้วยความเร็วที่สูงกว่าในยามปรกติหลายเท่า

ไคลน์มองเข้าไปในห้องพักซึ่งเคยมีภาพดวงตาปรากฏในตอนกลางวัน แต่ก็พบเพียงฉากผ้าม่านกระพือเพราะถูกสายลมแรงพัดผ่าน ไม่มีความผิดปรกติใดนอกจากนั้น

ฟ้าว!

เมื่อสายลมแรงผนวกเข้ากับ ‘สะพานดาว’ ซึ่งเกิดจากมวลหมู่ดวงดาวเรียงตัวเป็นทางยาว อนาคตกาลเริ่ม ‘พุ่ง’ ไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่งประหนึ่งกำลัง ‘โบยบิน’ ไปบนท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดาราพราวพราย

จนกระทั่ง แจ้งมรณะหายไปจากการมองเห็นโดยสมบูรณ์ เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกที่มีพลังทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่ง เริ่มจางลงจนกลายเป็นเพียงเสียงมายา และห่างไกลออกไปจนแทบไม่ได้ยิน

แฟรงค์ลดสองมือลง อ้าปากค้างพลางหายใจเข้าออกอย่างเชื่องช้า ลูกเรือคนอื่นบนดาดฟ้ายังคงนอนกองกับพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด แต่อย่างน้อยอาการก็ไม่แย่ลงจากเดิม

ราชาอมตะแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ เป็นพลังที่หมดสิทธิ์ป้องกันโดยสิ้นเชิง… สมแล้วที่เป็นหนึ่งในสี่ราชาโจรสลัด…

ไคลน์ขมวดคิ้ว ถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย

แม้จะเคยผ่านประสบการณ์ทางอ้อมหลายหน แต่นี่คือครั้งแรกอย่างแท้จริง ที่มันถูกโจมตีจากตัวตนระดับครึ่งเทพโดยตรง พร้อมกับได้ตระหนักว่า แม้อาการิธจะเป็นราชาโจรสลัดอันดับท้ายสุด แต่ก็แข็งแกร่งพอจะทำให้ตนกลายเป็นเพียงทารกแรกเกิด หมดโอกาสขัดขืนโดยสิ้นเชิง

จากสันดานของอาการิธ มันอาจสั่งให้แจ้งมรณะไล่ตามอนาคตกาล… ถึงจุดประสงค์หลักคือการจอดรอจอมเชือด·จิลเซียส แต่ก็ยังตัดประเด็นดังกล่าวออกไปไม่ได้… ถ้าไล่ตามมาจริง เราจะสวดวิงวอนถึงเทพสมุทร อาศัยพลังของคทาสร้างลมพายุและวังวนคลื่นสมุทร จากนั้นก็กระหน่ำสายฟ้าเข้าใส่…

หลังจากวางแผนเสร็จ ไคลน์แหงนหน้าขึ้นไปมองแคทลียา

ใบหน้าของพลเรือเอกดวงดาวกำลังขาวซีด แต่ปราศจากร่องรอยความหมองคล้ำในตอนแรก ประกายดวงดาวเริ่มสลายไปทีละนิด

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset