ไม่เพียงจะรู้ภาษามังกร แต่งใช้เขียนบันทึกในช่วงความเป็นความตายของชีวิต… ไม่แปลกใจว่าทำไมสมาคมแปรจิตถึงต้องการสมุดบันทึกของอัศวินคนดังกล่าว…
ออเดรย์รีบดึงสติกลับ หันไปสนทนากับมิตเชล·ดิตเตอร์อย่างตื่นเต้นและเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับความผิดปรกติในด้านลีลาการเขียน
จากนั้นไม่นาน การพูดคุยเกี่ยวกับสมุดบันทึกปกดำก็จบลง มิตเชลเริ่มแนะนำของสะสมชิ้นอื่น
จากวินาทีเป็นนาที การเดินเที่ยวชมห้องสะสมได้จบลงอย่างเป็นทางการ เดิมที ออเดรย์มีแผนจะขอซื้อสมุดบันทึกในการพบกันครั้งหน้า อีกฝ่ายจะได้ไม่เกิดความระแวงหรือสงสัย แต่บรรยากาศอันชื่นมื่นและเป็นมิตรได้ส่งสัญญาณกับเธอว่า นี่คือโอกาสอันเหมาะสมที่จะบรรลุเป้าหมายหลัก หญิงสาวถ่ายพลังเข้าไปใน ‘คำลวง’ เพื่อฉาบแก้มของตนให้แดงระเรื่อและมีเลือดฝาด
“มิสเตอร์ดิตเตอร์ ดิฉันสนใจหมวกเหล็กของตระกูลเซารอนจากสงครามกุหลาบขาวใบนี้มาก เพราะเป็นวัตถุที่ช่วยให้ระลึกถึงวีรกรรมอันห้าวหาญของบรรพบุรุษตระกูล ต้องขอเรียนถามตามตรงว่า ดิฉันสามารถซื้อต่อจากคุณได้ไหม? อีกทั้งยังสนใจสมุดบันทึกจากสงครามสองทศวรรษด้วย เพราะดิฉันนับถือความกล้าหาญของอัศวินผู้ยืนหยัดปกป้องเกาะโซเนียจนวินาทีสุดท้าย จึงต้องการเก็บสะสมไว้ ดิฉันทราบดี มันเป็นคำขอร้องที่เสียมารยาทและเห็นแก่ตัว แต่ได้โปรดเข้าใจความรู้สึกของทางนี้ด้วย แน่นอน คุณมีสิทธิ์ตอบปฏิเสธค่ะ”
ดวงตาของเธอกลอกกลับไปกลับมา บ้างพยายามหลบหน้า บ้างจ้องตา เป็นอากัปกิริยาของคนที่รู้สึกผิด กระอักกระอ่วน และเสียใจ
มิตเชล·ดิตเตอร์รีบเบือนสายตาหนีจากการเพ่งมองของหญิงสาว มอบคำตอบอ่อนโยน
“ผมเป็นนักสะสม… จะไม่ขายของสะสม”
น้ำเสียงและการใช้คำยังขาดความหนักแน่น… จากข้อมูลที่เราได้รับ เขาคือสุภาพบุรุษผู้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียง การขอซื้อของสะสมด้วยเงินโดยตรงคงเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ…
เหตุผลที่สมาคมแปรจิตไม่ส่งคนมาติดต่อขอซื้อโดยตรง หนึ่งคงเพราะต้องการมอบหมายภารกิจให้เราสะสมคะแนนผลงาน แต่อีกหนึ่งเหตุผลก็คือ มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ต้องเจรจาอย่างระมัดระวัง และไม่ทำให้รองศาสตราจารย์ขุ่นเคือง… เราต้องเปลี่ยนวิธีเข้าหา…
ก่อนออเดรย์จะมาเยือน เธอเตรียมแผนสำรองไว้มากมายในกรณีแผนหลักล้มเหลว เป็นแผนที่ถูกคิดคำนวณจากข้อมูลในมือ หญิงสาวตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“มิสเตอร์ดิตเตอร์ ดิฉันได้ยินมาว่า คุณอยากก่อตั้งสถาบันวิจัยและเก็บรักษาโบราณวัตถุภายในมหาวิทยาลัยสโตนใช่ไหมคะ”
“ครับ สิ่งนี้เป็นเป้าหมายของผมในช่วงหลายปีหลัง” มิตเชลกลับมาจ้องออเดรย์ มอบคำตอบเถรตรง
หญิงสาวยกมุมปากอย่างสง่างาม
“ดิฉันสนใจงานวิจัยประเภทนี้มาก และมีความชื่นชมในตัวคุณมากเช่นกัน จึงต้องการช่วยให้คุณสมหวัง เอาอย่างนี้เป็นไงคะ ดิฉันจะเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยสโตนและบริจาคเงินสดหนึ่งพันปอนด์ รวมถึงที่ดินอีก 1.3 ตารางกิโลเมตรพร้อมอาคารที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานสำหรับวิจัยและเก็บรักษาโบราณวัตถุ ดิฉันทราบดีว่า เท่านี้คงยังไม่เพียงพอ จึงเตรียมชักชวนให้บรรดาชนชั้นสูงทั้งหลายช่วยกันทำแบบเดียวกัน มิสเตอร์ดิตเตอร์ คุณคือนักสะสมวัตถุโบราณที่มีความเป็นมืออาชีพอย่างมาก มากที่สุดเท่าที่ดิฉันรู้จัก ถ้าอย่างไรช่วยเป็นผู้ดูแลสถาบันวิจัยแห่งนี้ได้หรือไม่คะ?”
ที่ดิน 1.3 ตารางกิโลเมตรใกล้กับเขตมหาวิทยาลัยจะมีมูลค่าเทียบเท่าหกพันปอนด์ เมื่อนับรวมอาคาร อุปกรณ์ และเงินสดเข้าไป มิสออเดรย์จะบริจาคมากถึงเกือบหนึ่งหมื่นปอนด์ในคราวเดียว… หากมีสถาบันวิจัยและเงินทุนมากขนาดนี้คอยสนับสนุน ปัญหาในงานวิจัยของเราก็จะลดลงอย่างมาก…
มิตเชลเงียบงันนานหลายวินาที ก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจ โค้งคำนับและกล่าว
“คุณหนูผู้สูงศักดิ์ ผมรู้สึกทึ่งในความกระตือรือร้นที่จะใฝ่หาความรู้ของคุณ ถือเป็นความสง่างามทางปัญญาที่ไม่ด้อยไปกว่าความเลอโฉมที่โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักร ผมไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธคำขอร้องอันแสนประเสริฐ สำหรับสมุดบันทึกเล่มนั้น ผมได้คัดลอกข้อความเอาไว้หมดแล้ว จะส่งไปยังคฤหาสน์ของคุณหนูในคืนนี้พร้อมกับหมวกเหล็ก ถือเป็นของขวัญจากมิตรสหายที่จริงใจ”
สำเร็จ!
ออเดรย์พลันโล่งอก ในใจนึกอยากกล่าวชมเชยตัวเอง แต่ภายนอกต้องคอยสงวนกิริยาให้สง่างามไว้ตลอดเวลา
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ” หญิงสาวพูดจากใจ
แม้วัตถุโบราณทั้งสองชิ้นจะมีมูลค่าไม่ถึงหนึ่งหมื่นปอนด์ แต่สำหรับออเดรย์ เธอมิได้ใช้เงินไปอย่างสูญเปล่า
จากแผนการของเธอ ข้อเสนอในคราวนี้แฝงไว้ด้วยจุดประสงค์สามเรื่อง นับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้ถึงนกสามตัว!
ข้อแรกเป็นการทำภารกิจให้สำเร็จ ได้รับคะแนนผลงานเพียงพอสำหรับแลกเปลี่ยนสูตรโอสถนักสะกดจิตจากสมาคมแปรจิต
ข้อที่สองคือ การบริจาคเงินสร้างสถาบันวิจัยและเก็บรักษาโบราณวัตถุ จะช่วยให้ชื่อเสียง สถานะทางสังคม และภาพลักษณ์ของเธอเป็นปึกแผ่นมากขึ้น การบริจาคเงินคือสิ่งที่ชนชั้นสูงและพ่อค้ามั่งคั่งพึงกระทำทุกปี ถึงวันนี้จะไม่ต้องบริจาค แต่ออเดรย์ก็ถูกบิดากำหนดให้ต้องบริจาคเงินราวสามพันปอนด์หรือมากกว่า ให้กับองค์กรการกุศลอยู่ดี
ดังนั้น หญิงสาวเชื่อว่าเอิร์ลฮอลล์จะไม่ขัดข้องกับเงินบริจาคที่เป็นประโยชน์การด้านศึกษาภายใต้ชื่อของตัวเธอเอง
จุดประสงค์ที่สาม สถาบันวิจัยและเก็บรักษาวัตถุโบราณมักมีโอกาสเข้าถึงสมบัติวิเศษหรือวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ได้ง่าย ออเดรย์ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาด้วยตัวเอง เพียงนั่งอยู่ที่บ้านและรอให้คนอื่นรวบรวมวัตถุโบราณแทนตน ถือเป็นการใช้เงินหนึ่งหมื่นปอนด์สร้าง ‘อิทธิพล’ ของตัวเองขึ้นมา
แน่นอน หากมิตเชลยังไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ หญิงสาวยังมีแผนอื่นในการเข้าหา : ตระกูลฮอลล์มีบุคลากรระดับสูงทำงานในกระทรวงศึกษาธิการ เป็นคนที่เธอค่อนข้างสนิทสนม หากรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยสโตนกำลังปรารถนาในสิ่งใด เธอสามารถหาทางทำให้เป็นจริงได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม ออเดรย์ไม่ชื่นชอบวิธีการข้างต้นสักเท่าไร มันไม่สง่างาม และยังอาจทำลายภาพลักษณ์ทางสังคมของเธอ
หลังจากครุ่นคิดหลายสิ่ง ออเดรย์ตัดสินใจผลาญเวลาภายในบ้านมิตเชล·ดิตเตอร์อีกราวสิบห้านาที ไม่รีบร้อนเดินทางกลับให้ผิดสังเกต
เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เธอเดินทางออกจากบ้านของมิตเชล มุ่งหน้ากลับสู่คฤหาสน์ตระกูลฮอลล์ในเมืองสโตนทันที
สองทุ่มตรง ตามที่นัดหมายกันไว้ หญิงสาวได้รับหมวกเหล็กของตระกูลเซารอนและสมุดบันทึกปกดำเกี่ยวกับสงครามสองทศวรรษ
ออเดรย์สวมถุงมือขาว นั่งลงหน้าโต๊ะอ่านหนังสือและเริ่มศึกษาค้นคว้า หมวกเหล็กถูกวางไว้ด้านข้าง สายตากำลังเพ่งอ่านเนื้อความในสมุดบันทึกของอัศวินอย่างตั้งใจ
หญิงสาวพบว่าเนื้อหาเป็นไปอย่างไม่ปะติดปะต่อ ในช่วงต้นแรกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอัศวินหนุ่มที่ถูกส่งไปประจำการบนเกาะเอลฟ์โบราณ กล่าวถึงการเรียนสูตรบ่มไวน์เลือดโซเนีย กล่าวถึงการไล่จีบสาวพื้นเมือง กล่าวถึงการฆ่าเวลาอันแสนน่าเบื่อ จนกระทั่งช่วงกลางและท้ายของสมุดบันทึก สงครามสองทศวรรษเริ่มถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้ง อัศวินหนุ่มสบถใส่ชาวฟุซัค ตำหนิเพื่อนร่วมรบอย่างหัวเสีย เล่าถึงความตั้งใจที่จะปักหลักบนเกาะจนวินาทีสุดท้าย รวมไปถึงผลลัพธ์ความพ่ายแพ้ครั้งแรกบนเกาะโซเนีย
“นอกจากลีลาการเขียนที่คล้ายภาษามังกร บันทึกเล่มนี้ก็ไม่เหลือประเด็นอื่นที่น่าสนใจแล้ว ไม่มีเค้าลางของเบาะแสใดเลย…”
ออเดรย์ขมวดคิ้ว ปิดหนังสือ
จากนั้น เธอลองใช้เทคนิคทางศาสตร์เร้นลับเพื่อตรวจหาความผิดปรกติ แต่ก็ไม่พบร่องรอย
หญิงสาวเริ่มไม่ต้องการเสียเวลากับสิ่งนี้อย่างเปล่าประโยชน์ และเตรียมส่งมอบให้กับสมาคมแปรจิตเพื่อบรรลุภารกิจ
ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน ออเดรย์พลันฉุกคิดถึงบางสิ่ง
มิสเตอร์ฟูลกับมิสเตอร์แฮงแมนมักมองเรื่องราวในหลากหลายแง่มุมและมอบคำแนะนำอย่างหลักแหลมเสมอ เราก็ควรลองพยายามดูบ้าง…
“ดีล่ะ… ถ้ามองในมุมกลับ สมมติให้สมาคมแปรจิตไม่สนใจเนื้อหาของบันทึกเลย แล้วพวกเขาต้องการสิ่งใดจากหนังสือเล่มนี้? มีสิ่งใดพิเศษอีกหรือ? เรานึกไม่ออกแล้ว… หืม… ถ้าพิจารณาว่าอัศวินคนดังกล่าวแตกฉานภาษามังกร บางที ทางสมาคมอาจสนใจเกี่ยวกับตัวอัศวินมากกว่าหนังสือ… ใช่แล้ว การทำนาย! หากมีสมุดเล่มนี้เป็นสื่อกลาง ก็มีสิทธิ์ทำนายระบุถึงตำแหน่งสุดท้ายของอัศวินคนดังกล่าว หรือไม่ก็เบาะแสด้านอื่น! โดยข้อมูลเหล่านั้นอาจเกี่ยวข้องกับมังกร! ในเมื่อเป็นมังกร ก็มีโอกาสมากที่จะเป็นมังกรจิตจากเส้นทางผู้ชม เบาะแสเกี่ยวกับอัศวินจึงมีค่าพอจะให้สมาคมแปรจิตหันมาสนใจ ออเดรย์ เธอวิเคราะห์ได้เฉียบขาดมาก!”
ดวงตาหญิงสาวพลันเปล่งปลั่ง ประหนึ่งว่าสามารถส่องแสงออกมาได้จริง
เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองด้านข้าง จ้องสุนัขขนทองตัวใหญ่คู่ใจ
ซูซี่เงยหน้ามองเจ้านายตอบ อ้าปากสั่นสะเทือนอากาศจนเกิดเสียง
“ออเดรย์ เธอต้องการให้ฉันชมเชยใช่ไหม”
“ม…ไม่เป็นไร ไม่จำเป็น” ออเดรย์เบือนหน้ากลับด้วยความเขินอาย
แต่ว่า เธอพบอุปสรรคสำคัญหนึ่งเรื่อง นั่นคือการที่ตัวเธอไม่เชี่ยวชาญด้านพลังทำนายสักเท่าไร หรือต้องให้ทำนายสำเร็จ แต่ก็มีแนวโน้มที่ผลลัพธ์จะออกมาไม่ตรงตามความจริง
ต้องยอมถอดใจหรือ…
ไม่สิ… เรายังขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูลได้! แต่จะใช้พิธีกรรมไหนดี… พันธสัญญาลับ? ไม่น่าจะสำเร็จ พิธีกรรมดังกล่าวใช้กับตัวเอง มิใช่วัตถุภายนอก… ละเมอเทียม? นั่นก็เหมือนกับพันธสัญญาลับ ไม่เกิดประโยชน์… สังเวยสมุดบันทึกเพื่อให้มิสเตอร์ฟูลนำไปทำนาย จากนั้นก็รอฟังผลลัพธ์? คงไม่ดีกระมัง ทำแบบนี้รบกวนท่านเกินไป นับเป็นการขาดมารยาทอย่างมาก ท่านไม่ใช่บิดาหรืออาจารย์สักหน่อย แต่เป็นเทพแท้จริง! การขาดความเคารพจะเท่ากับลบหลู่!
ออเดรย์เริ่มคิดต่อยอด หาวิธียืมใช้พลังทำนายของมิสเตอร์ฟูล
เธออาจไม่เชี่ยวชาญพลังทำนายโดยตรง แต่ก็มีข้อมูลในด้านนี้พอสมควร เนื่องจากขยันหมั่นเพียรศึกษาศาสตร์เร้นลับโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
เพียงไม่นาน หญิงสาวฉุกคิดถึงวิธีหนึ่ง
มันคือพิธีกรรมสำหรับหยิบยืมพลังจากภายนอก ส่วนมากมักใช้เพื่อขอความช่วยเหลือจากตัวตนลึกลับ เป็นพิธีกรรมที่ประกอบได้ง่าย แต่มาพร้อมอันตรายอย่างยิ่งยวด
‘ทำนายด้วยกระจกวิเศษ!’
จริงอยู่ สิ่งนี้อาจฟังดูอันตราย แต่นั่นคือในกรณีที่ไม่ทราบเป้าหมายการอัญเชิญ ส่วนเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้น เพราะอีกฝ่ายคือเดอะฟูล!
ออเดรย์กะพริบตาถี่ ฝืนเก็บซ่อนความตื่นเต้น หันไปมองโกลเดนรีทรีเวอร์ด้านข้าง
“ซูซี่ ช่วยออกไปเฝ้าด้านนอกประตูให้หน่อย ฉันจะตรวจสอบสมุดบันทึกนี้ด้วยเทคนิคของศาสตร์เร้นลับ”
“เธอทำไปแล้วไม่ใช่หรือ” ซูซี่ถามอย่างฉงน
ชักโกหกได้ยากขึ้นทุกวัน…
แววตาออเดรย์แปรเปลี่ยนเล็กน้อย ตอบกลับไปตามความจริง
“ฉันจะใช้การทำนายกระจกวิเศษ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เป้าหมายการอัญเชิญเป็นตัวตนที่ปลอดภัย”
“ตกลง” ซูซี่ยืนยันได้ว่าออเดรย์พูดความจริง
หลังจากเดินไปสองสามก้าว สุนัขขนทองหันกลับมามองและกล่าวเน้นย้ำ
“ออเดรย์ เธอต้องคอยระวังไม่ให้ถูกตัวตนลึกลับสิงสู่ร่างกาย”
“ฉันรู้” หญิงสาวขานรับด้วยสีหน้าร่าเริง
จากมุมมองของเธอ หากมิสเตอร์ฟูลคิดกับตนในแง่ร้ายจริง ในอดีตย่อมมีโอกาสมากมายให้ลงมือ ไม่จำเป็นต้องรอนานถึงวันนี้
จนกระทั่งซูซี่เปิดประตูร้อง หญิงสาวนั่งลงหน้าโต๊ะอ่านหนังสือและเริ่มสวดวิงวอนด้วยนามเต็มอันสูงส่งของเดอะฟูล จากนั้นก็ร้องขอการทำนายกระจกวิเศษ
ผ่านไปสักพัก ไคลน์บนอนาคตกาลเดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่งตัวเองขึ้นมิติหมอก รับฟังคำสวดวิงวอนจากมิสจัสติส
ทำแบบนี้ก็ได้หรือ…
แต่ก็ฟังดูสมเหตุสมผล เพราะในฐานะ ‘ตัวตนลึกลับ’ เราสามารถปรากฏกายในกระจกวิเศษเพื่อมอบคำทำนายได้…
ไคลน์ให้สัญญาณ ‘อนุญาต’ กับอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ขบขัน
ออเดรย์รีบหยิบสมุดบันทึก เดินย้ายไปนั่งหน้ากระจกเต็มบานบนโต๊ะเครื่องแป้ง เริ่มจุดเทียนไขสำหรับพิธีกรรม
……………………