Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 642 : ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว

ราชันเร้นลับ 642 : ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว

ไม่เพียงจะรู้ภาษามังกร แต่งใช้เขียนบันทึกในช่วงความเป็นความตายของชีวิต… ไม่แปลกใจว่าทำไมสมาคมแปรจิตถึงต้องการสมุดบันทึกของอัศวินคนดังกล่าว…

ออเดรย์รีบดึงสติกลับ หันไปสนทนากับมิตเชล·ดิตเตอร์อย่างตื่นเต้นและเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับความผิดปรกติในด้านลีลาการเขียน

จากนั้นไม่นาน การพูดคุยเกี่ยวกับสมุดบันทึกปกดำก็จบลง มิตเชลเริ่มแนะนำของสะสมชิ้นอื่น

จากวินาทีเป็นนาที การเดินเที่ยวชมห้องสะสมได้จบลงอย่างเป็นทางการ เดิมที ออเดรย์มีแผนจะขอซื้อสมุดบันทึกในการพบกันครั้งหน้า อีกฝ่ายจะได้ไม่เกิดความระแวงหรือสงสัย แต่บรรยากาศอันชื่นมื่นและเป็นมิตรได้ส่งสัญญาณกับเธอว่า นี่คือโอกาสอันเหมาะสมที่จะบรรลุเป้าหมายหลัก หญิงสาวถ่ายพลังเข้าไปใน ‘คำลวง’ เพื่อฉาบแก้มของตนให้แดงระเรื่อและมีเลือดฝาด

“มิสเตอร์ดิตเตอร์ ดิฉันสนใจหมวกเหล็กของตระกูลเซารอนจากสงครามกุหลาบขาวใบนี้มาก เพราะเป็นวัตถุที่ช่วยให้ระลึกถึงวีรกรรมอันห้าวหาญของบรรพบุรุษตระกูล ต้องขอเรียนถามตามตรงว่า ดิฉันสามารถซื้อต่อจากคุณได้ไหม? อีกทั้งยังสนใจสมุดบันทึกจากสงครามสองทศวรรษด้วย เพราะดิฉันนับถือความกล้าหาญของอัศวินผู้ยืนหยัดปกป้องเกาะโซเนียจนวินาทีสุดท้าย จึงต้องการเก็บสะสมไว้ ดิฉันทราบดี มันเป็นคำขอร้องที่เสียมารยาทและเห็นแก่ตัว แต่ได้โปรดเข้าใจความรู้สึกของทางนี้ด้วย แน่นอน คุณมีสิทธิ์ตอบปฏิเสธค่ะ”

ดวงตาของเธอกลอกกลับไปกลับมา บ้างพยายามหลบหน้า บ้างจ้องตา เป็นอากัปกิริยาของคนที่รู้สึกผิด กระอักกระอ่วน และเสียใจ

มิตเชล·ดิตเตอร์รีบเบือนสายตาหนีจากการเพ่งมองของหญิงสาว มอบคำตอบอ่อนโยน

“ผมเป็นนักสะสม… จะไม่ขายของสะสม”

น้ำเสียงและการใช้คำยังขาดความหนักแน่น… จากข้อมูลที่เราได้รับ เขาคือสุภาพบุรุษผู้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียง การขอซื้อของสะสมด้วยเงินโดยตรงคงเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ…

เหตุผลที่สมาคมแปรจิตไม่ส่งคนมาติดต่อขอซื้อโดยตรง หนึ่งคงเพราะต้องการมอบหมายภารกิจให้เราสะสมคะแนนผลงาน แต่อีกหนึ่งเหตุผลก็คือ มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ต้องเจรจาอย่างระมัดระวัง และไม่ทำให้รองศาสตราจารย์ขุ่นเคือง… เราต้องเปลี่ยนวิธีเข้าหา…

ก่อนออเดรย์จะมาเยือน เธอเตรียมแผนสำรองไว้มากมายในกรณีแผนหลักล้มเหลว เป็นแผนที่ถูกคิดคำนวณจากข้อมูลในมือ หญิงสาวตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

“มิสเตอร์ดิตเตอร์ ดิฉันได้ยินมาว่า คุณอยากก่อตั้งสถาบันวิจัยและเก็บรักษาโบราณวัตถุภายในมหาวิทยาลัยสโตนใช่ไหมคะ”

“ครับ สิ่งนี้เป็นเป้าหมายของผมในช่วงหลายปีหลัง” มิตเชลกลับมาจ้องออเดรย์ มอบคำตอบเถรตรง

หญิงสาวยกมุมปากอย่างสง่างาม

“ดิฉันสนใจงานวิจัยประเภทนี้มาก และมีความชื่นชมในตัวคุณมากเช่นกัน จึงต้องการช่วยให้คุณสมหวัง เอาอย่างนี้เป็นไงคะ ดิฉันจะเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยสโตนและบริจาคเงินสดหนึ่งพันปอนด์ รวมถึงที่ดินอีก 1.3 ตารางกิโลเมตรพร้อมอาคารที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานสำหรับวิจัยและเก็บรักษาโบราณวัตถุ ดิฉันทราบดีว่า เท่านี้คงยังไม่เพียงพอ จึงเตรียมชักชวนให้บรรดาชนชั้นสูงทั้งหลายช่วยกันทำแบบเดียวกัน มิสเตอร์ดิตเตอร์ คุณคือนักสะสมวัตถุโบราณที่มีความเป็นมืออาชีพอย่างมาก มากที่สุดเท่าที่ดิฉันรู้จัก ถ้าอย่างไรช่วยเป็นผู้ดูแลสถาบันวิจัยแห่งนี้ได้หรือไม่คะ?”

ที่ดิน 1.3 ตารางกิโลเมตรใกล้กับเขตมหาวิทยาลัยจะมีมูลค่าเทียบเท่าหกพันปอนด์ เมื่อนับรวมอาคาร อุปกรณ์ และเงินสดเข้าไป มิสออเดรย์จะบริจาคมากถึงเกือบหนึ่งหมื่นปอนด์ในคราวเดียว… หากมีสถาบันวิจัยและเงินทุนมากขนาดนี้คอยสนับสนุน ปัญหาในงานวิจัยของเราก็จะลดลงอย่างมาก…

มิตเชลเงียบงันนานหลายวินาที ก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจ โค้งคำนับและกล่าว

“คุณหนูผู้สูงศักดิ์ ผมรู้สึกทึ่งในความกระตือรือร้นที่จะใฝ่หาความรู้ของคุณ ถือเป็นความสง่างามทางปัญญาที่ไม่ด้อยไปกว่าความเลอโฉมที่โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักร ผมไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธคำขอร้องอันแสนประเสริฐ สำหรับสมุดบันทึกเล่มนั้น ผมได้คัดลอกข้อความเอาไว้หมดแล้ว จะส่งไปยังคฤหาสน์ของคุณหนูในคืนนี้พร้อมกับหมวกเหล็ก ถือเป็นของขวัญจากมิตรสหายที่จริงใจ”

สำเร็จ!

ออเดรย์พลันโล่งอก ในใจนึกอยากกล่าวชมเชยตัวเอง แต่ภายนอกต้องคอยสงวนกิริยาให้สง่างามไว้ตลอดเวลา

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ” หญิงสาวพูดจากใจ

แม้วัตถุโบราณทั้งสองชิ้นจะมีมูลค่าไม่ถึงหนึ่งหมื่นปอนด์ แต่สำหรับออเดรย์ เธอมิได้ใช้เงินไปอย่างสูญเปล่า

จากแผนการของเธอ ข้อเสนอในคราวนี้แฝงไว้ด้วยจุดประสงค์สามเรื่อง นับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้ถึงนกสามตัว!

ข้อแรกเป็นการทำภารกิจให้สำเร็จ ได้รับคะแนนผลงานเพียงพอสำหรับแลกเปลี่ยนสูตรโอสถนักสะกดจิตจากสมาคมแปรจิต

ข้อที่สองคือ การบริจาคเงินสร้างสถาบันวิจัยและเก็บรักษาโบราณวัตถุ จะช่วยให้ชื่อเสียง สถานะทางสังคม และภาพลักษณ์ของเธอเป็นปึกแผ่นมากขึ้น การบริจาคเงินคือสิ่งที่ชนชั้นสูงและพ่อค้ามั่งคั่งพึงกระทำทุกปี ถึงวันนี้จะไม่ต้องบริจาค แต่ออเดรย์ก็ถูกบิดากำหนดให้ต้องบริจาคเงินราวสามพันปอนด์หรือมากกว่า ให้กับองค์กรการกุศลอยู่ดี

ดังนั้น หญิงสาวเชื่อว่าเอิร์ลฮอลล์จะไม่ขัดข้องกับเงินบริจาคที่เป็นประโยชน์การด้านศึกษาภายใต้ชื่อของตัวเธอเอง

จุดประสงค์ที่สาม สถาบันวิจัยและเก็บรักษาวัตถุโบราณมักมีโอกาสเข้าถึงสมบัติวิเศษหรือวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ได้ง่าย ออเดรย์ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาด้วยตัวเอง เพียงนั่งอยู่ที่บ้านและรอให้คนอื่นรวบรวมวัตถุโบราณแทนตน ถือเป็นการใช้เงินหนึ่งหมื่นปอนด์สร้าง ‘อิทธิพล’ ของตัวเองขึ้นมา

แน่นอน หากมิตเชลยังไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ หญิงสาวยังมีแผนอื่นในการเข้าหา : ตระกูลฮอลล์มีบุคลากรระดับสูงทำงานในกระทรวงศึกษาธิการ เป็นคนที่เธอค่อนข้างสนิทสนม หากรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยสโตนกำลังปรารถนาในสิ่งใด เธอสามารถหาทางทำให้เป็นจริงได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ตาม ออเดรย์ไม่ชื่นชอบวิธีการข้างต้นสักเท่าไร มันไม่สง่างาม และยังอาจทำลายภาพลักษณ์ทางสังคมของเธอ

หลังจากครุ่นคิดหลายสิ่ง ออเดรย์ตัดสินใจผลาญเวลาภายในบ้านมิตเชล·ดิตเตอร์อีกราวสิบห้านาที ไม่รีบร้อนเดินทางกลับให้ผิดสังเกต

เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เธอเดินทางออกจากบ้านของมิตเชล มุ่งหน้ากลับสู่คฤหาสน์ตระกูลฮอลล์ในเมืองสโตนทันที

สองทุ่มตรง ตามที่นัดหมายกันไว้ หญิงสาวได้รับหมวกเหล็กของตระกูลเซารอนและสมุดบันทึกปกดำเกี่ยวกับสงครามสองทศวรรษ

ออเดรย์สวมถุงมือขาว นั่งลงหน้าโต๊ะอ่านหนังสือและเริ่มศึกษาค้นคว้า หมวกเหล็กถูกวางไว้ด้านข้าง สายตากำลังเพ่งอ่านเนื้อความในสมุดบันทึกของอัศวินอย่างตั้งใจ

หญิงสาวพบว่าเนื้อหาเป็นไปอย่างไม่ปะติดปะต่อ ในช่วงต้นแรกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอัศวินหนุ่มที่ถูกส่งไปประจำการบนเกาะเอลฟ์โบราณ กล่าวถึงการเรียนสูตรบ่มไวน์เลือดโซเนีย กล่าวถึงการไล่จีบสาวพื้นเมือง กล่าวถึงการฆ่าเวลาอันแสนน่าเบื่อ จนกระทั่งช่วงกลางและท้ายของสมุดบันทึก สงครามสองทศวรรษเริ่มถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้ง อัศวินหนุ่มสบถใส่ชาวฟุซัค ตำหนิเพื่อนร่วมรบอย่างหัวเสีย เล่าถึงความตั้งใจที่จะปักหลักบนเกาะจนวินาทีสุดท้าย รวมไปถึงผลลัพธ์ความพ่ายแพ้ครั้งแรกบนเกาะโซเนีย

“นอกจากลีลาการเขียนที่คล้ายภาษามังกร บันทึกเล่มนี้ก็ไม่เหลือประเด็นอื่นที่น่าสนใจแล้ว ไม่มีเค้าลางของเบาะแสใดเลย…”

ออเดรย์ขมวดคิ้ว ปิดหนังสือ

จากนั้น เธอลองใช้เทคนิคทางศาสตร์เร้นลับเพื่อตรวจหาความผิดปรกติ แต่ก็ไม่พบร่องรอย

หญิงสาวเริ่มไม่ต้องการเสียเวลากับสิ่งนี้อย่างเปล่าประโยชน์ และเตรียมส่งมอบให้กับสมาคมแปรจิตเพื่อบรรลุภารกิจ

ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน ออเดรย์พลันฉุกคิดถึงบางสิ่ง

มิสเตอร์ฟูลกับมิสเตอร์แฮงแมนมักมองเรื่องราวในหลากหลายแง่มุมและมอบคำแนะนำอย่างหลักแหลมเสมอ เราก็ควรลองพยายามดูบ้าง…

“ดีล่ะ… ถ้ามองในมุมกลับ สมมติให้สมาคมแปรจิตไม่สนใจเนื้อหาของบันทึกเลย แล้วพวกเขาต้องการสิ่งใดจากหนังสือเล่มนี้? มีสิ่งใดพิเศษอีกหรือ? เรานึกไม่ออกแล้ว… หืม… ถ้าพิจารณาว่าอัศวินคนดังกล่าวแตกฉานภาษามังกร บางที ทางสมาคมอาจสนใจเกี่ยวกับตัวอัศวินมากกว่าหนังสือ… ใช่แล้ว การทำนาย! หากมีสมุดเล่มนี้เป็นสื่อกลาง ก็มีสิทธิ์ทำนายระบุถึงตำแหน่งสุดท้ายของอัศวินคนดังกล่าว หรือไม่ก็เบาะแสด้านอื่น! โดยข้อมูลเหล่านั้นอาจเกี่ยวข้องกับมังกร! ในเมื่อเป็นมังกร ก็มีโอกาสมากที่จะเป็นมังกรจิตจากเส้นทางผู้ชม เบาะแสเกี่ยวกับอัศวินจึงมีค่าพอจะให้สมาคมแปรจิตหันมาสนใจ ออเดรย์ เธอวิเคราะห์ได้เฉียบขาดมาก!”

ดวงตาหญิงสาวพลันเปล่งปลั่ง ประหนึ่งว่าสามารถส่องแสงออกมาได้จริง

เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองด้านข้าง จ้องสุนัขขนทองตัวใหญ่คู่ใจ

ซูซี่เงยหน้ามองเจ้านายตอบ อ้าปากสั่นสะเทือนอากาศจนเกิดเสียง

“ออเดรย์ เธอต้องการให้ฉันชมเชยใช่ไหม”

“ม…ไม่เป็นไร ไม่จำเป็น” ออเดรย์เบือนหน้ากลับด้วยความเขินอาย

แต่ว่า เธอพบอุปสรรคสำคัญหนึ่งเรื่อง นั่นคือการที่ตัวเธอไม่เชี่ยวชาญด้านพลังทำนายสักเท่าไร หรือต้องให้ทำนายสำเร็จ แต่ก็มีแนวโน้มที่ผลลัพธ์จะออกมาไม่ตรงตามความจริง

ต้องยอมถอดใจหรือ…

ไม่สิ… เรายังขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูลได้! แต่จะใช้พิธีกรรมไหนดี… พันธสัญญาลับ? ไม่น่าจะสำเร็จ พิธีกรรมดังกล่าวใช้กับตัวเอง มิใช่วัตถุภายนอก… ละเมอเทียม? นั่นก็เหมือนกับพันธสัญญาลับ ไม่เกิดประโยชน์… สังเวยสมุดบันทึกเพื่อให้มิสเตอร์ฟูลนำไปทำนาย จากนั้นก็รอฟังผลลัพธ์? คงไม่ดีกระมัง ทำแบบนี้รบกวนท่านเกินไป นับเป็นการขาดมารยาทอย่างมาก ท่านไม่ใช่บิดาหรืออาจารย์สักหน่อย แต่เป็นเทพแท้จริง! การขาดความเคารพจะเท่ากับลบหลู่!

ออเดรย์เริ่มคิดต่อยอด หาวิธียืมใช้พลังทำนายของมิสเตอร์ฟูล

เธออาจไม่เชี่ยวชาญพลังทำนายโดยตรง แต่ก็มีข้อมูลในด้านนี้พอสมควร เนื่องจากขยันหมั่นเพียรศึกษาศาสตร์เร้นลับโดยไม่ขาดตกบกพร่อง

เพียงไม่นาน หญิงสาวฉุกคิดถึงวิธีหนึ่ง

มันคือพิธีกรรมสำหรับหยิบยืมพลังจากภายนอก ส่วนมากมักใช้เพื่อขอความช่วยเหลือจากตัวตนลึกลับ เป็นพิธีกรรมที่ประกอบได้ง่าย แต่มาพร้อมอันตรายอย่างยิ่งยวด

‘ทำนายด้วยกระจกวิเศษ!’

จริงอยู่ สิ่งนี้อาจฟังดูอันตราย แต่นั่นคือในกรณีที่ไม่ทราบเป้าหมายการอัญเชิญ ส่วนเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้น เพราะอีกฝ่ายคือเดอะฟูล!

ออเดรย์กะพริบตาถี่ ฝืนเก็บซ่อนความตื่นเต้น หันไปมองโกลเดนรีทรีเวอร์ด้านข้าง

“ซูซี่ ช่วยออกไปเฝ้าด้านนอกประตูให้หน่อย ฉันจะตรวจสอบสมุดบันทึกนี้ด้วยเทคนิคของศาสตร์เร้นลับ”

“เธอทำไปแล้วไม่ใช่หรือ” ซูซี่ถามอย่างฉงน

ชักโกหกได้ยากขึ้นทุกวัน…

แววตาออเดรย์แปรเปลี่ยนเล็กน้อย ตอบกลับไปตามความจริง

“ฉันจะใช้การทำนายกระจกวิเศษ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เป้าหมายการอัญเชิญเป็นตัวตนที่ปลอดภัย”

“ตกลง” ซูซี่ยืนยันได้ว่าออเดรย์พูดความจริง

หลังจากเดินไปสองสามก้าว สุนัขขนทองหันกลับมามองและกล่าวเน้นย้ำ

“ออเดรย์ เธอต้องคอยระวังไม่ให้ถูกตัวตนลึกลับสิงสู่ร่างกาย”

“ฉันรู้” หญิงสาวขานรับด้วยสีหน้าร่าเริง

จากมุมมองของเธอ หากมิสเตอร์ฟูลคิดกับตนในแง่ร้ายจริง ในอดีตย่อมมีโอกาสมากมายให้ลงมือ ไม่จำเป็นต้องรอนานถึงวันนี้

จนกระทั่งซูซี่เปิดประตูร้อง หญิงสาวนั่งลงหน้าโต๊ะอ่านหนังสือและเริ่มสวดวิงวอนด้วยนามเต็มอันสูงส่งของเดอะฟูล จากนั้นก็ร้องขอการทำนายกระจกวิเศษ

ผ่านไปสักพัก ไคลน์บนอนาคตกาลเดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่งตัวเองขึ้นมิติหมอก รับฟังคำสวดวิงวอนจากมิสจัสติส

ทำแบบนี้ก็ได้หรือ…

แต่ก็ฟังดูสมเหตุสมผล เพราะในฐานะ ‘ตัวตนลึกลับ’ เราสามารถปรากฏกายในกระจกวิเศษเพื่อมอบคำทำนายได้…

ไคลน์ให้สัญญาณ ‘อนุญาต’ กับอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ขบขัน

ออเดรย์รีบหยิบสมุดบันทึก เดินย้ายไปนั่งหน้ากระจกเต็มบานบนโต๊ะเครื่องแป้ง เริ่มจุดเทียนไขสำหรับพิธีกรรม

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset