ตอนที่ 316 โยนความผิด
เฉินเฉินเตรียมประชันฝีมือกับอันหลิงเกอเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นความสามารถของตน แต่อันหลิงเกอกลับถ่อมตนพร้อมกล่าวยกย่องนางเช่นนี้ เฉินเฉินจึงรู้สึกดีขึ้นมาและมิอยากกลั่นแกล้งอีกต่อไป
ความรังเกียจที่ฉายอยู่ในแววตาพลันมลายหายไปทันที ริมฝีปากสีแดงอมชมพูโค้งขึ้น เผยรอยยิ้มบาง “คุณหนูใหญ่อันถ่อมตัวเกินไปแล้ว ภาพที่ยากระดับนี้เจ้าวาดออกมาได้อย่างไร้ที่ติ”
เมื่อปล่อยวางความคิดที่จักเป็นศัตรูกับอันหลิงเกอลงได้ พวกนางก็ดูเหมือนเข้ากันได้ดีทีเดียว
เดิมทีนางรู้สึกมิพอใจที่อยู่ ๆ ก็มีคนเก่งด้านภาพวาดมากกว่า แต่อันหลิงเกอถ่อมตนยอมรับว่าฝีมือสู้นางมิได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เฉินเฉินก็เหมือนได้สหายใหม่มาแทน ถึงขึ้นดึงอันหลิงเกอไปสนทนาว่าภาพของอาจารย์จางดีอย่างไร น่าเสียดายที่ตอนนี้สูญหายไปเสียแล้ว
อันหลิงอีเดิมทีต้องการที่ยุยงให้เฉินเฉินกับอันหลิงเกอเป็นศัตรูกัน แต่ผู้ใดจักนึกว่าเพียงครู่เดียวพวกนางก็พูดคุยสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานานเสียได้
นางมองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ดวงตากลมโตจึงหันไปมองเจียวซูหมิ่นที่อยู่ด้านข้าง
เจียวซูหมิ่นก็มิคาดคิดว่าเรื่องจักกลายเป็นเช่นนี้ ตามแผนที่อันผิงกงจู่วางไว้คือพวกนางต้องยุให้เฉินเฉินประชันฝีมือกับอันหลิงเกอ จากนั้นก็อาศัยโอกาสนี้ลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง
ทว่าตอนนี้เฉินเฉินกับอันหลิงเกอพูดคุยกันอย่างสนิทสนมทำให้พวกนางมิสามารถลงมือตามแผนที่วางเอาไว้
เมื่อเห็นดังนั้น อันผิงกงจู่ที่ยืนอยู่มิไกลนักจึงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน
นางส่งสายตาให้เจียวซูหมิ่นทำตามแผนเดิม แล้วให้เจียวซูหมิ่นส่งต่อข้อความนี้แก่อันหลิงอีด้วย มินานนักจึงเห็นอันหลิงอีค่อย ๆ เดินไปทางด้านหลังของเฉินเฉิน จากนั้นจึงผลักนางไปข้างหน้าเต็มแรง !
ทางด้านเจียวซูหมิ่นที่กำลังลงมือผลักอันหลิงเกอตกน้ำไปด้วยอีกคนก็คาดมิถึงว่าขณะยื่นมือออกไปผลักมิเป็นตามที่คิดเพราะนางเหลือบตามองอันหลิงอีผลักเฉินเฉินอยู่จึงทำให้อันหลิงเกอสามารถขยับไปข้างหน้าอีกสองก้าว ส่งผลให้หลบการจู่โจมของนางได้อย่างหวุดหวิด
“เหตุใดเจ้าต้องผลักคุณหนูเฉิน ! ”
อันหลิงเกอหันไปมองเจียวซูหมิ่น ใบหน้าฉายแววตกใจเป็นอย่างมาก
เสียงตูมที่ดังขึ้นตอนเฉินเฉินตกน้ำสามารถดึงความสนใจของทุกคนทันที ยิ่งได้ยินน้ำเสียงตกอกตกใจของอันหลิงเกอก็ทำให้ทุกคนหันมามองเจียวซูหมิ่นโดยพร้อมเพรียง
เพราะอยู่ ๆ อันหลิงเกอก็หลบทัน ทำให้เจียวซูหมิ่นถึงกับนิ่งอึ้ง มือที่ยื่นออกไปจึงมิทันได้ชักกลับมาและค้างอยู่เช่นนั้น ทุกคนจึงเห็นเข้าพอดี
จากนั้นอันหลิงเกอก็รีบไปเรียกคนมาช่วยทันที
มาเยือนจวนติ้งกั๋วกงครั้งนี้ นางพาหมิงซินมาด้วย เพียงแต่ตอนอยู่ในศาลานั้น หมิงซินมิได้เข้าไปและรออยู่ด้านนอกศาลาแทน
เมื่อได้ยินอันหลิงเกอตะโกนว่าคุณหนูเฉินตกน้ำ หมิงซินก็พุ่งตัวไปทันที หลังจากเห็นว่าอันหลิงเกอปลอดภัยดี นางจึงรีบกระโดดลงน้ำและว่ายไปทางที่เฉินเฉินตกไปอย่างคล่องแคล่ว
นางว่ายน้ำเก่งมาก มินานก็ว่ายไปถึงตัวของเฉินเฉิน
เฉินเฉินก็นึกมิถึงว่าตนจักโดนผลักตกน้ำจึงสำลักน้ำออกมาอย่างหนัก เจ้าของใบหน้าซีดขาวยื่นมือคว้าสะเปะสะปะไปมาในน้ำ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นางมีสุขภาพมิค่อยแข็งแรง ปกติหากต้องเดินทางไกลต้องหยุดพักเป็นระยะ หากอยู่ในน้ำนาน ๆ มิแน่อาจถึงแก่ชีวิตได้ !
ความกลัวนี้ทำให้ริมฝีปากของเฉินเฉินสั่นอย่างห้ามมิอยู่ ภาพตรงหน้าค่อย ๆ พร่ามัวราวกับน้ำโดยรอบกำลังดูดกลืนนางให้จมลงไป
นางยื่นมือที่ไร้เรี่ยวแรงออกไปเพื่อไขว่คว้าบางสิ่งบางอย่างในอากาศ ในที่สุดนางก็คว้าบางสิ่งไว้ได้
มือข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งของสตรี
หมิงซินดึงมือของเฉินเฉินเอาไว้ เฉินเฉินที่กำลังจมน้ำค่อย ๆ ลอยขึ้นและภาพตรงหน้าก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
นางกำลังถูกสตรีคนหนึ่งดึงมือเอาไว้และพานางว่ายน้ำไปยังศาลา
สตรีคนนี้ว่ายน้ำค่อนข้างเก่ง ต่อให้กำลังลากคนที่ว่ายน้ำมิเป็นก็ไร้ปัญหาแม้แต่น้อย
เฉินเฉินจึงวางใจและพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด
เพียงมินานหมิงซินก็พาเฉินเฉินว่ายมาจนถึงศาลา
ซุนเมิ้งอวิ๋นได้ยินเสียงร้องของอันหลิงเกอก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นและพอเห็นว่าเฉินเฉินตกน้ำจึงรีบให้พวกสาวใช้ลงไปช่วยทันที
เพียงแต่พวกนางมิได้เคลื่อนไหวเร็วเท่าหมิงซิน พวกนางยังมิทันถึงตัวของเฉินเฉิน หมิงซินก็พากลับมาแล้ว
“เร็ว รีบเอาเสื้อมาคลุมให้คุณหนูเฉินเร็วเข้า”
ซุนเมิ้งอวิ๋นเป็นคนละเอียดรอบคอบ เมื่อเห็นเฉินเฉินเปียกทั้งกายก็รีบสั่งสาวใช้ไปหยิบเสื้อของตนมาทันที
แม้ตอนนี้เป็นฤดูร้อน แต่น้ำในทะเลสาบยังเย็นอยู่มาก เฉินเฉินร่างกายอ่อนแอและการที่นางทำเช่นนี้ก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพของอีกฝ่าย
สาวใช้ทำงานกันอย่างรวดเร็ว มิเพียงหยิบเสื้อมาให้แต่ยังหยิบเตาผิงไฟขนาดเล็กที่ใช้ในฤดูหนาวมาด้วย
แต่เฉินเฉินที่เพิ่งได้สติและหายตกใจแล้วเลือกสวมแค่เสื้อคลุมเท่านั้นมิได้รับเตาผิงไฟขนาดเล็กมาแต่อย่างใด
เพราะตกน้ำจึงทำให้ใบหน้าของนางที่เดิมก็อ่อนแอเหมือนคนป่วยอยู่แล้วยิ่งขาวซีดไปอีก คล้ายกับว่าหากมีลมพัดผ่านมาอาจทำให้นางล้มลงได้เลย
เฉินเฉินที่ร่างกายอ่อนแอ บัดนี้ถูกสาวใช้ของตนประคองขึ้นมา ดวงตาสุกสกาวเต็มไปด้วยโทสะ
นางมองไปยังเจียวซูหมิ่น น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเยือกเย็นราวหิมะ “เจ้าผลักข้าอย่างนั้นหรือ ? ”
เจียวซูหมิ่นกับเฉินเฉินรู้จักกัน แต่ทั้งสองมิได้สนิทกันมากนัก
เมื่อได้ยินคำถามของเฉินเฉิน อีกฝ่ายจึงรีบเบนสายตาหนีอย่างร้อนรน
“มิใช่ ข้ามิได้ผลักเจ้าตกน้ำ”
“เมื่อครู่ข้าได้ยินหมดแล้ว”
เมื่อครู่ตอนที่อันหลิงเกอตะโกนออกมา คุณหนูมากมายก็เห็นมือของเจียวซูหมิ่นยื่นค้างอยู่ในอากาศ ตอนที่เฉินเฉินถูกช่วยขึ้นมายังได้ยินคนกระซิบกระซาบกันว่า “คาดมิถึงว่าคุณหนูเจียวที่ปกติดูอ่อนโยนจักกล้าผลักคุณหนูเฉินตกน้ำ คนเรารู้หน้ามิรู้ใจจริง ๆ ”
ตอนที่นางตกน้ำก็รู้สึกเหมือนมีคนผลักจากด้านหลัง เมื่อรวมกับคำที่ได้ยินเมื่อครู่ย่อมคิดได้ว่าเจียวซูหมิ่นเป็นคนผลักอย่างแน่นอน
ทว่าเจียวซูหมิ่นถูกใส่ร้ายจริง ๆ เพราะคนที่ผลักเฉินเฉินตกน้ำในครั้งนี้คืออันหลิงอี แต่คนที่นางจักผลักเป็นอันหลิงเกอต่างหาก
นางมิสามารถผลักอันหลิงเกอให้ตกน้ำได้ มิหนำซ้ำยังถูกเฉินเฉินพุ่งเป้ามาที่ตนอีกต่างหาก !
อันหลิงเกอจึงกล่าวบ้างว่า “คุณหนูเจียว เจ้ายื่นมืออยู่ข้างหลังคุณหนูเฉิน จากนั้นคุณหนูเฉินก็ตกน้ำ หากเรื่องนี้เจ้ามิได้ทำแล้วผู้ใดทำ ? ”
ก็อันหลิงอีอย่างไรเล่า !
เจียวซูหมิ่นเหลือบมองอันหลิงอีที่ยืนก้มหน้าทำราวกับไร้ตัวตนอยู่ด้านข้าง นางจึงรู้สึกโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา
นางวางแผนผลักคนตกน้ำแต่แผนการมิสำเร็จ ตอนนี้ยังถูกโยนความผิดให้อีก !
เจียวซูหมิ่นรู้สึกอัดอั้นตันใจมาก มิอยากรับสารภาพจึงยื่นมือไปชี้อันหลิงอีด้วยท่าทางโมโห “นางก็ยืนอยู่ข้างคุณหนูเฉินเช่นกัน เหตุใดคุณหนูใหญ่อันจึงบอกว่าข้าน่าสงสัยแต่มิพูดถึงนางบ้าง ? คงมิใช่เพราะนางเป็นน้องสาวก็เลยปกป้องหรอกนะ”
อย่างไรเฉินเฉินก็โดนอันหลิงอีผลักตกน้ำจริง เจียวซูหมิ่นก็มิได้สนิทกับนางจึงพุ่งเป้าไปที่อันหลิงอีโดยมิรู้สึกผิดอันใด
นางพูดความจริงแต่ทุกคนมิเชื่อ เพราะเมื่อครู่ต่างก็เห็นกับตาว่าตอนเฉินเฉินตกน้ำมือของเจียวซูหมิ่นยังยื่นค้างอยู่เลย