บทที่ 344 คำขอ
บทที่ 344 คำขอ
ม…มันเป็นไปได้ยังไงกัน!?
เมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานจับมีดด้วยมือเปล่า ชายชราจึงรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกไปทั้งร่าง!
ความกลัวกัดกินหัวใจเขาอย่างรุนแรง เขาต้องการหันหลังหนีจากคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวชายชราก็พุ่งเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเกินไปแล้วในเวลานี้!
ฉึก!
วินาทีถัดมา อวี้ฮ่าวหรานแทงมีดที่เขาเพิ่งจับได้เข้าไปที่อกของชายชราอย่างไม่แยแส
“แก…!”
ชายชรารู้สึกสิ้นหวังเมื่อเห็นมีดปักเข้ามาในอกของตัวเอง และก่อนที่จะทันได้พูดจบ ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็วและสิ้นลมหายใจไปอย่างน่าอนาถ!
เส้นเลือดและเส้นลมปราณทั้งหมดในร่างเต็มไปด้วยพิษสีเทาดำ
“พิษชนิดนี้รุนแรงมากทีเดียว”
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเห็นสิ่งนี้ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย อีกฝ่ายหนึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเคียงได้กับผู้ที่เข้าสู่ขั้นเริ่มต้นของขอบเขตก่อรากฐานแล้ว แต่พิษนี้กลับสังหารอีกฝ่ายได้ภายในไม่ถึงสองวินาที
สามารถบอกได้ว่าองค์กรอสรพิษนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างยาพิษจริง ๆ
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายตายเร็วไปหน่อย เขาเลยไม่มีโอกาสสอบถามเกี่ยวกับที่ตั้งสาขาใหญ่ขององค์กรอสรพิษ
การจัดการองค์กรนักฆ่านี้คงต้องรอหาโอกาสต่อไปในอนาคตเท่านั้น
จากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็กวาดสายตามองไปที่โบราณวัตถุหลายชิ้นที่อยู่ในตู้กระจกนิรภัยรอบห้อง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของตัวเองเล็กน้อย
วัตถุโบราณเหล่านี้เป็นของที่พลังวิญญาณแฝงทั้งหมด ยกเว้นอันที่ถูกดูดซับไปแล้ว ยังมีอีกสามชิ้นที่หลงเหลือพลังวิญญาณอยู่หนาแน่น
แม้จะไม่ได้ดีเท่าพระพุทธรูปหยกอันล่าสุดที่เขาได้มา แต่มันก็ถือว่าเป็นกำไรงามอย่างแน่นอน…
หลังจากนำของเก่าทั้งหมดมา อวี้ฮ่าวหรานก็รีบกลับไปที่รถ
จุดประสงค์การมาครั้งนี้สำเร็จอย่างสวยงาม
ตำหนักคุมกฎองค์กรอสรพิษถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เจ้าตำหนัก รองเจ้าตำหนัก และนักฆ่าทั้งหมดถูกชายหนุ่มฆ่าเรียบไม่มีเหลือ!
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปถึงคอนโดราวหกโมงเย็น
“พี่เขย! เร็วเข้า! มากินข้าว วันนี้ฉันนึ่งปูขน มันเป็นปูราคาแพงที่อร่อยสุด ๆ ไปเลย”
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง หลี่หรงก็ทักทายเขาทันที
“พ่อจ๋า! ปูตัวใหญ่อร่อย! ถวนถวนอยากกินทุกวันเลย!”
เด็กน้อยตะโกนด้วยความตื่นเต้นพร้อมจับขาปูขึ้นชู
ฉากนี้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานผู้เพิ่งสังหารโหดคนมาเป็นร้อยแสดงรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมาได้ในทันที
“เหรอ? พ่อชักอยากกินบ้างแล้วสิ พ่อขอกินอันที่อยู่ในมือลูกได้ไหม?”
ขณะพูด เขาก็เดินไปหาลูกสาวและโน้มไปทำท่าจะงับขาปูที่อยู่ในมือเด็กน้อย
“เอ๊ะ? ไม่เอา! พ่อจ๋าแกะเองสิ อันนี้ของถวนถวน แม่หรงแกะให้หนูกิน!”
เด็กน้อยรีบยัดขาปูใส่ปากทันทีจนแก้มป่องซึ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก ส่วนแขนอีกข้างก็พยายามผลักหน้าพ่อของตัวเองออกไป
“พี่เขยเลิกเล่นได้แล้ว รีบ ๆ ไปล้างมือแล้วมากินข้าวด้วยกันเร็วเข้า!”
หลี่หรงยิ้มอย่างอบอุ่นเมื่อเห็นฉากนี้
…
เช้าตรู่ของวันถัดมา ยังไม่ทันที่อวี้ฮ่าวหรานจะไปถึงบริษัท เฉิงกัวอันก็โทรมา
“ฮ่าวหราน เรื่องเมื่อวานหลังจากที่นายไป…นาย…ปลอดภัยดีไหม?”
จังหวะพูดของเขามีความลังเล เขาไม่คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะแข็งแกร่งถึงขนาดสังหารหมู่ตำหนักคุมกฎได้ทั้งตำหนัก
ไม่ว่ายังไง องค์กรอสรพิษนั้นก็ไม่ใช่องค์กรนักฆ่าธรรมดา เพราะมีตัวตนที่ลึกลับและแข็งแกร่งมากมายแฝงตัวอยู่ในองค์กร แถมสถานที่ตั้งของแต่ละตำหนักก็เป็นความลับ มันจึงเป็นไปได้มากว่า อวี้ฮ่าวหรานไม่น่าจะหาที่ตั้งที่ถูกต้องเจอด้วยซ้ำ…
“ตอนนี้องค์กรอสรพิษไม่มีตำหนักคุมกฎอีกแล้ว”
เมื่อเผชิญกับข้อสงสัยของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็ตอบกลับอย่างใจเย็น
“หา?”
เฉิงกัวอันอ้าปากหวอ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาถามกลับอีกรอบด้วยความไม่แน่ใจ
“นาย…นายหมายถึง นายทำลายตำหนักคุมกฎไปหมดแล้วงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง ผมจะบอกรายละเอียดให้คุณทราบภายหลังเมื่อมีโอกาส”
น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหรานนั้นสงบมาก เพราะสำหรับเขาแล้วการทำลายตำหนักคุมกฎไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
“ดี ๆ! ฮ่าวหราน นายนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ…”
เฉิงกัวอันรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำยืนยันนี้
หลังจากทั้งสองคุยกันต่ออีกไม่กี่คำ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายไป
ราวสิบนาทีถัดมาเขาก็ขับรถถึงเครือฮ่าวหราน
หลี่อิงไห่กำลังนั่งตัวลีบรอเขาอยู่ในออฟฟิศ
“มีอะไร?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หลี่อิงไห่ที่พยายามทำตัวนอบน้อม แต่ถึงอีกฝ่ายจะพยายามทำตัวเปลี่ยนไป อวี้ฮ่าวหรานก็ยังรู้สึกไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายอยู่ดี เพราะชายชราคนนี้สร้างปัญหาให้เขาหลายครั้งแล้ว
“ฮ…ฮ่าวหราน”
หลี่อิงไห่ลังเลแต่ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าและเอ่ยขึ้นเสียงอ่อน
“เรียกฉันว่าประธานอวี้ คราวนี้นายมีอะไรถึงมาที่นี่?”
อวี้ฮ่าวหรานถามกลับอย่างไร้อารมณ์ ชายหนุ่มไม่อยากพูดไร้สาระกับอีกฝ่ายให้เสียเวลา
ชายแก่คนนี้สร้างความรำคาญให้ชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีมนุษยธรรมอยู่ในใจในเรื่องการดูแลเลขาสาวน้อยนั่นเป็นอย่างดี ป่านนี้ก็คงไล่อีกฝ่ายออกไปจากบริษัทอิงเหมาไปตั้งแต่แรกแล้ว
“ป…ประธานอวี้ คือที่ผมมาที่นี่ครั้งนี้เป็นเพราะผมอยากจะคุยเรื่องการปรับกลยุทธ์การผลิต บริษัทอิงเหมาจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิต แต่คุณภาพของสินค้ายังต้องคงเดิม”
สีหน้าของหลี่อิงไห่เปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะยังคงเคืองเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อเข้าเรื่องงานทันที
“คือนายเจอปัญหาหรือว่าอะไร?”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า เขาปล่อยให้ผู้จัดการหวังจัดการเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้รายละเอียดปัญหาเชิงลึกมากนัก
“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรครับท่านประธาน แต่ถ้าเราต้องการเพิ่มกำลังการผลิต ผมขอแนะนำให้เปลี่ยนเครื่องจักรเก่าบางรุ่น เพราะคุณภาพของสินค้าที่ผลิตโดยเครื่องจักรเก่าเหล่านี้มันไม่เสถียรและมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหา”
“ทำไมนายไม่จัดการกับปัญหานี้ก่อนหน้านี้?”
“เมื่อก่อน บริษัทอิงเหมาทำการค้าแต่กับลูกค้ารายเล็กซึ่งได้ส่วนต่างกำไรเพียงเล็กน้อยแต่หมุนเวียนได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หลังจากเข้าร่วมเข้ากับเครือฮ่าวหรานเราจึงมีลูกค้ารายใหญ่จำนวนมากเข้ามาส่งคำสั่งซื้อกับเรา”
หลังจากพูดถึงจุดนี้ หลี่อิงไห่ก็เหลือบมองชายหนุ่มตรงหน้าเขาก่อน จากนั้นเขาก็พูดต่อไปหลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการฮึดฮัดใด ๆ
“บริษัทใหญ่ ๆ ที่ส่งคำสั่งซื้อเข้ามาไม่มีข้อกำหนดใด ๆ สำหรับระดับคุณภาพที่ต้องสูงขึ้น แต่คุณภาพของสินค้าโดยรวมต้องได้มาตรฐานอยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด ซึ่งถ้าหากเราใช้เครื่องจักรเก่าเหล่านั้นผลิตสินค้าออกมา ผมเกรงว่าสินค้าที่เราผลิตมันจะไม่ตรงตามข้อกำหนดของพวกบริษัทใหญ่”
“ตกลง คำขอของนายมีเหตุผลดี เดี๋ยวฉันจะให้ผู้จัดการหวังตรวจสอบเรื่องนี้อีกทีและร่างแผนการจัดซื้อเครื่องจักรใหม่ส่งมาที่ฉัน”