หลงเหยียนจิ่งที่รู้สึกว่าตนจัดลำดับความสำคัญมากน้อยผิดมาตลอดหลังจากสอนหลิวหลีปรุงยาก็ค้นพบว่านังหนูคนนี้จะเป็นแค่เทพระดับล่างจริงหรือ เกรงว่าประสาทเซียนของนางจะกว้างขวางกว่าเขาเสียอีก อีกอย่างท่าทางก็คล่องแคล่ว ถ้าไม่เข้าใจวิธีการการปรุงยาของโลกเทพคงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“นังหนู เจ้าเป็นแค่ศิษย์ระดับล่างจริงหรือ?” หลงเหยียนจิ้งอดถามไม่ได้ ศิษย์ระดับล่างนั้นขนาดหญ้าเทพศักดิ์สิทธิ์ยังแยกไม่ออก ความคล่องแคล่วในการปรุงยายิ่งไม่ต้องพูดถึง อีกอย่างพลังควบคุมเพลิงเทพของนังหนูก็สุดยอดมาก กระทั่งเขายังใช้เพลิงเทพไม่ชำนาญเท่านาง
“ท่านอาวุโส ท่านก็เห็นแล้วมิใช่หรือ” ผมสีดำดวงตาสีตรงตามมาตรฐานของเทพระดับล่าง ตรงไหนที่ทำให้ดูออกกันนะ
“คิดว่าไม่น่าใช่ ความสามารถในการควบคุมอัคคีของเจ้าแข็งแกร่งนักราวกับเพลิงเทพนี้ฟังคำสั่งของเจ้า” หลงเหยียนจิ่งพูดความคิดของตนเองออกมา นี่ไม่ใช่ความสามารถที่เทพระดับล่างจะทำได้
หลิวหลีทำตัวไร้เดียงสา นางเองก็ทำอะไรไม่ได้ เฮ้อ ทำไมแค่อยากถ่อมตัวถึงได้ยากนัก ไม่รู้ว่าผมและดวงตาของนางจะเปลี่ยนเป็นแค่สีแดงได้ไหม ถ่อมตัวเกินไปก็ไม่ไหวจริง ๆ ในเมื่อพลังที่แท้จริงทำไม่ได้ พอเจอการปรุงยาที่ตนคุ้นเคยก็เผลอเรอเปิดเผยความจริงที่ตนเองเก่งออกมาอย่างไม่รู้ตัว หรือว่าเก็บงำฝีมือเอาไว้สักหน่อย นางกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้
“ผู้อาวุโส ท่านคิดมากไปแล้ว” หลิวหลีตัดสินใจว่าต่อให้ตีให้ตายก็จะไม่ยอมรับ ยื้อไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“นังหนู จะโกหกข้าเจ้ายังอ่อนหัดนัก ว่ามาสิว่าเจ้าปกปิดเช่นไร ข้ามองไม่ออกเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหลุดความจริงออกมาก็คงทำเอาข้าโง่เขลาเช่นนี้ต่อไป” หลงเหยียนจิ่งไม่ยอมหรอก คิดว่าเขาเป็นคนโง่หรือ
“เอาล่ะ ข้ายอมรับ ข้าปกปิดบางอย่างไว้ ข้ารังเกียจที่สีผมและดวงตาของข้าประหลาดเกินไปเลยอาศัยตอนที่ไม่มีใครเห็นเปลี่ยนมัน” หลิวหลีถอนหายใจ เฮ้อ การถ่อมตัวไม่เหมาะกับนางเลยจริง ๆ นางว่าจะเปลี่ยนสีผมและดวงตาเป็นสีแดงเลิกตบตาคนอื่นสักที
“ผู้สืบทอดตำแหน่งเทพอัคคี” หลงเหยียนจิ่งตกใจอ้าปากค้าง ปิดบังได้แนบเนียนเหลือเกิน
“หากตามที่พวกท่านว่าก็น่าจะใช่” หลิวหลีเอ่ยด้วยท่าทีที่ไม่แน่ใจนัก
“ไป ไปหาท่านเจ้าสำนักกับข้า เจ้าควรได้รับสิทธิประโยชน์ของศิษย์ระดับพิเศษ แบบนี้ก็จะอยู่กับสามีของเจ้าได้แล้ว” หลงเหยียนจิ่งเอ่ย
“พูดได้มีเหตุผลนัก แต่ผู้อาวุโส ข้าขอฝึกปรุงยาก่อนได้หรือไม่ ไม่นานหรอกเจ้าค่ะ” หลิวหลีเห็นว่าใกล้หลอมเป็นเม็ดยาแล้ว พูดไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ตนได้ปรุงยาบนโลกเทพ นางจึงตื่นเต้นอยู่บ้าง
“ก็ใช่” หลงเหยียนจิ่งเห็นว่านางสามารถแยกจิตใจทำหลายอย่าง ทั้งปรุงยาไปด้วยทั้งคุยเจื้อยแจ้วไปด้วยก็ทำออกมาได้ไม่มีผิดพลาด พรสวรรค์นี้สุดยอดไปเลย
หลิวหลีเก็บดวงจิตที่ใช้คุยกับหลงเหยียนจิ่งกลับมา ควบคุมเพลิงเทพคล่องแคล่วราวกับเพลิงเทพเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนาง หากกล่าวว่านางเป็นผู้สืบทอดเทพอัคคีก็ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงเลยสักนิด เจ้าพวกเด็กอ่อนหัดพวกนั้นยังชำนาญได้ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของนังหนูนี่เลย
มองนังหนูที่แบ่งประสาทเซียนออกเป็นหลายร้อย แยกจิตออกมาควบคุม ช่างเป็นยอดฝีมือผู้เล่นกับไฟจริง ๆ
หลิวหลีสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของยาในหม้อปรุงยาที่กลายเป็นเพลิงไฟลุกโชน เหมือนว่าขอแค่หลิวหลีเรียกหา เพลิงเทพก็เชื่อฟังอย่างว่าง่าย
“เรียบร้อย” ในฐานะที่ได้ปรุงยาบนโลกเทพเป็นครั้งแรก หลิวหลีค่อนข้างพอใจเลยทีเดียว อืม ยังมีจุดบกพร่องอยู่หน่อย
“ไปกันเถอะ”
หลงเหยียนจิ่งพาตัวหลิวหลีที่เรือนผมและดวงตาสีแดงปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าของหมิงเยี่ย หมิงเยี่ยรู้สึกเหมือนตนเองตาลาย ถึงวงหน้าจะยังเป็นดวงหน้าเดิม แต่เส้นผมกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงและดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน นี่ไม่ใช่สัญลักษณ์ของผู้สืบทอดตำแหน่งเทพอัคคีหรอกหรือ
“เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์ผู้นี้หรือ ทำไมถึงผมและดวงตาถึงได้กลายเป็นสีแดงไปได้” หมิงเยี่ยไม่เข้าใจ
“เพราะข้อผิดพลาดของผู้รับช่วงต่อ นังหนูของข้านึกว่าตนเองแตกต่างจากคนอื่นเกินไปเลยปกปิดเรื่องสีผมและสีดวงตา” หลงเหยียนจิ่งอธิบาย
“เป็นไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเหตุใดข้าถึงไม่สังเกตเห็น” เป็นแค่เทพตัวเล็ก ๆจะสามารถปกปิดราชาเทพอย่างเขาได้อย่างไร
“เรื่องนี้ข้าอธิบายได้ ข้าเคยดูดซับอัคคีชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติอำพรางตัว” พอพูดจบ มือข้างขวาของหลิวหลีก็ปรากฏเพลิงอัคคีสีทองลูกหนึ่งขึ้นมา
“แบบนี้เจ้าสามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบเลยหรือ?” เพลิงเทพนี้ช่างประหลาดนัก ราวกับมีชีวิตทีเดียว
“เจ้าค่ะ พลังบำเพ็ญเพียรก็เปลี่ยนได้เช่นกัน” หลิวหลีพยักหน้า
“เช่นนั้นเหตุใดตอนรายงานตัวเจ้าถึงไม่บอก” ก็ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดเป็นศิษย์ระดับล่าง ทำเอาเขาเสียดายหนานกงเวิ่นเทียนที่เป็นศิษย์ระดับพิเศษไปด้วย
“ก็ข้าไม่เคยเป็นศิษย์ที่แย่ที่สุดมาก่อน ข้าเลยอยากลองสักหน่อย” คำพูดของหลิวหลีทำเอาคนฟังแทบกระอักเลือด เหตุใดถึงเป็นเหตุผลนี้ไปได้นะ
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงถูกจับได้ล่ะ?” ทักษะนี้แม้แต่ราชาเทพอย่างเขายังจับไม่ได้เลย แล้วเหตุใดถึงถูกหลงเหยียนจิ่งที่เป็นเทพธรรมดาจับได้ล่ะ
“ข้าทำในสิ่งที่ตนเองชอบเลยเผลอกระตือรือร้นไปหน่อยเจ้าค่ะ” จากนั้นความลับก็แตก คำพูดที่เหลือนางไม่ต้องพูดอะไรต่อ หมิงเยี่ยก็เข้าใจที่มาที่ไป
“เช่นนั้นข้าก็จะเปลี่ยนระดับขั้นศิษย์ของเจ้า ในเมื่อเจ้าเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพอัคคี ตามหลักแล้วก็ควรได้รับสิทธิประโยชน์ของศิษย์ระดับพิเศษ นอกจากนี้พวกเจ้าสามารถย้ายที่พักได้ เพราะศิษย์ระดับพิเศษก็มีที่พักสำหรับคู่สามีภรรยาเหมือนกัน” หมิงเยี่ยกล่าว เพียงแต่น้อยนักที่จะมีคู่สามีภรรยาที่เก่งกาจเพียงนี้ คนหนึ่งก็เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเหมันต์ ส่วนอีกคนเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพอัคคี พวกเขาคบหากันอย่างราบรื่นได้อย่างไร หมิงเยี่ยคิดแล้วก็แปลกใจแต่ก็เป็นแค่ความสงสัยเท่านั้น เทพธรรมดาคนใหม่ที่เพิ่งบรรลุเป็นเทพผู้นี้เหตุใดถึงมีความสามารถถึงเพียงนี้ หมิงเยี่ยยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด เขารู้สึกว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่
“เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านเจ้าสำนักด้วย” หลงเหยียนจิ่งกล่าว
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนักเจ้าค่ะ” หลิวหลีโอดครวญในใจ ครู่เดียวทุกอย่างก็จบเห่ลง ตนเองคงหลุดพ้นจากการจับตาของท่านเจ้าสำนักไม่ได้แล้ว สุดท้ายความชำนาญก็เป็นผลเสียไปแล้ว
เมื่อหลิวหลีและหลงเหยียนจิ่งจากไป เงามืดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหมิงเยี่ย
“ข้าอยากให้เจ้าจับตามองหลงหลิวหลี บนตัวนังหนูคนนี้ต้องมีความลับแน่ ไม่เช่นนั้นเทพที่เพิ่งเลื่อนขั้นตัวเล็กๆคงปกปิดสีผมและพลังบำเพ็ญเพียรไม่ได้หรอก ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยหน้าตา ถ้านังหนูคนนี้มีสิ่งใดผิดปกติรีบรายงานข้าทันที” หมิวเยี่ยเอ่ยขึ้น เขามักรู้สึกว่าหลงหลิวหลีไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น
“ขอรับ” แล้วเงามืดก็จากไป
หลิวหลีแสร้งทำเป็นเดินต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่ในใจกลับก่นด่าตนเอง ความลับที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้แตกเสียแล้ว คราวนี้กลายเป็นว่าถูกจับตามองของจริง ที่เห็นว่าด้านหลังฝั่งขวาของนางว่างเปล่าแต่ที่จริงมีเงาคนอยู่ เฮ้อ ทำตัวเองแท้ ๆเลย
“นังหนู ป้ายชื่อประจำตัวของเจ้าเปลี่ยนสถานะแล้วนะ เจ้าไปสถานที่ที่ศิษย์ระดับพิเศษอยู่เองแล้วกัน” ถ้าเป็นเช่นนี้เรื่องคำทำนายของราชาเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เป็นเรื่องจริงสินะ
“ขอบคุณผู้อาวุโสมากเจ้าค่ะ” หลิวหลีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีจริง ๆ สีหน้าคาดหวังเหมือนพ่อแม่รอคอบให้ลูกไปร่ำเรียนและคาดหวังให้มีงานที่ดี
หลิวหลีถอนหายใจ ต้องแวะไปเจอคนที่อาจจะกลายเป็นเทพในอนาคตกลุ่มนี้สักหน่อย
“หนานกงเวิ่นเทียน อยู่กับข้า เทียบกันแล้วข้าแข็งแกร่งกว่าฮูหยินชั้นต่ำของเจ้านัก ข้าจะสัมผัสขอบเขตมหาเทพให้ได้
“เซวียนหลิง ปล่อยมือ อย่าบีบบังบังคับให้ข้าต้องลงมือเลย เจ้าเทียบกับน้องหญิงของข้าได้เสียที่ไหน อายุก็ปาไปมากขนาดนี้แต่มีพลังบำเพ็ญเพียรแค่เท่านี้ อารมณ์หงุดหงิดง่าย หน้าตาก็สะสวยสู้น้องหญิงของข้าไม่ได้ เจ้ามีอะไรเทียบกับฮูหยินของข้าได้บ้าง” หนานกงเวิ่นเทียนวิจารณ์เซวียนหลิงที่อยู่ตรงหน้าว่าไม่มีอะไรดีเลย
“เจ้า หนานกงเวิ่นเทียน ข้าให้โอกาสเจ้าแต่เจ้ากลับไม่เอา ข้าจะบอกเจ้าให้ ที่ข้าเลือกเจ้าเพราะให้เกียรติเจ้าหรอก” เซวียนหลิงพูดอย่างเหี้ยมโหด ก็แค่ผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเหมันต์ที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาใหม่ จะต่อต้านเทพสวรรค์ที่เป็นคนเก่าคนแก่อย่างพวกเขาได้อย่างไร
“ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาให้เกียรติข้าหรอก” หนานกงเวิ่นเทียนทำสีหน้าเย็นชาหาเรื่อง