เดนิสโยนผ้าพันแผลและเฝือกทิ้งถังขยะ ก่อนจะเลื่อนมือลงไปจัดระเบียบท่อนแขนซ้าย
“โดยทั่วไปแล้ว ถ้อยคำยั่วยุของโจรสลัดมักเป็นการด่าทอเป้าหมาย แต่ของฉันแตกต่างออกไป จะเป็นการพูดเพื่อให้ตัวเองถูกด่าเสียมากกว่า สิ่งนี้ถือเป็นศาสตร์ชั้นสูง ต้องพึ่งพาสติปัญญาและข้อมูลในมือจำนวนมาก ต้องรู้จุดอ่อนของเป้าหมายเป็นอย่างดี หากบรรลุถึงขั้นสูงสุด เพียงหนึ่งคำพูดและหนึ่งภาษากาย ก็มากพอจะทำให้อีกฝ่ายสิ้นสติ พร้อมกับเดือดดาลไปด้วยโทสะ”
มันเว้นวรรค
“ตัวอย่างเช่น ‘เหล็กกล้า’ ถึงนายจะเรียกหมอนั่นว่าไอ้แม่เย็*! หรือด่าทอบุพการี แม็ควิตี้ก็จะไม่แยแส แต่ว่า แค่นายทำแบบนี้พร้อมกับกล่าวหนึ่งคำ เจ้านั่นจะเปลี่ยนเป็นกระทิงคลั่ง ตาแดงก่ำ วิ่งไล่ขวิดอย่างโง่เขลาทันที”
เมื่อพูดจบ เดนิสเลื่อนมือลง ทำท่าเต้น ‘ลูบเป้า’ พลางกระตุกสะโพก และกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเสียเต็มประดา :
“ไอ้ตูดบาน!”
แม้แต่เราก็ยังอยากซัดหน้าสักหมัด…สมแล้วที่เป็นนักยั่วยุ…อา…นับว่าสมเหตุสมผล เพราะดูเหมือนเหล็กกล้า·แม็ควิตี้จะมีงานอดิเรกและรสนิยมทำนองนั้น…
ไคลน์คลายหมัดที่กำแน่น
“นี่คือนักยั่วยุมืออาชีพ” เดนิสเสริม “หากฉันพบสัตว์ป่า มอนสเตอร์ หรือพวกเสียสติที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ก็ยังทำให้อีกฝ่ายเกลียดชังได้ด้วยภาษากาย นี่คือผลของพลังพิเศษ”
ใครก็ตามที่มีพลังแบบนี้ หากไม่ถูกกระทืบจนตาย ก็ต้องมีวิธีพิเศษในการเอาตัวรอดจากทุกสถานการณ์ และหมอนี่คืออย่างหลัง…
ไคลน์วิเคราะห์
เดนิสเลิกเป็นกังวลกับแขนซ้าย หันมาพูดกับไคลน์อย่างอารมณ์ดี
“ด้วยความสัตย์จริง ฉันวางกับดักเก่งมาก! แต่น่าเสียดายที่นายไม่เห็นด้วยกับแผนการล่าเหล็กกล้าของฉัน”
ไคลน์พยายามระงับมุมปาก พลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ก็ยังมีโอกาสนี่”
“โอกาสอะไร…?” เดนิสเริ่มขมวดคิ้ว
“โอกาสหลอกล่อผู้วิเศษเส้นทางเดียวกับเหล็กกล้าให้กับมาติดกับดักของนาย จากนั้น ก็ดวลกันตัวต่อตัวให้สมใจอยาก… ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยหาเหยื่อให้อีกแรง”
ไคลน์ยิ้ม
เดนิสพลันชะงักไปชั่วขณะ
มันเพิ่งฉุกคิดได้ว่า สำหรับเส้นทางที่ไม่เกรงกลัวกระสุนปืน ไม่กลัวการโจมตีระยะไกล ไม่กลัวการถูกเผา และไม่กลัวการจมน้ำ กับดักทุกชนิดแทบจะไม่เกิดประโยชน์
เดนิสหัวเราะแห้งสองหน พลางหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง
“วันนี้อากาศดีจังแฮะ… หรืองูทะเลคาเวทูว่าจะว่าตายไปแล้ว?”
ไคลน์ส่งเสียง ‘อือ’ โดยไม่ปิดบังความจริง
เดนิสเริ่มหายใจทั่วท้อง ลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ
“อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะลงเอยด้วยแบบใด แต่หลังจากเหตุการณ์กวาดต้อนแบบปูพรมในเมืองบายัมเมื่อวันก่อน คงไม่มีโจรสลัดหน้าไหนกล้ามาเหยียบเมืองนี้ไปนาน ไม่เว้นแม้กระทั่งพลเรือเอกโลหิต แผนของนายที่จะล่ามันร่วมกับกัปตันคงต้องเลื่อนออกไปก่อน ทะเลโซเนียนั้นกว้างใหญ่มาก เกินกว่าจะค้นหาเรือที่พยายามซ่อนตัวพบโดยง่าย! ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีทะเลหมอก ทะเลคลั่ง ทะเลเหนือ และทะเลขั้วโลก! ถ้าหาตัวกันได้ง่าย… ถ้าพลเรือเอกโจรสลัดถูกตัวพบเพียงเพราะใครสักคนอยากล่า บรรดาเจ็ดโบสถ์หลักคงไม่มีทางปล่อยให้พวกมันลอยนวลมาถึงตอนนี้แน่ ฉะนั้น รีบปล่อยฉันกลับฝันทองคำสักที!”
เดนิสกล่าวความในใจ
ไม่ต้องห่วง สหาย ฉันมีทางออก และคงต้องรบกวนนายอีกสักหน่อย…
ไคลน์หันไปถาม
“ฉันอยากถามความเห็นกัปตันนาย”
ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มจ่ายเงินสิบสองปอนด์ไปกับเครื่องรับส่งโทรเลข แต่เป็นเพราะกำลังพัวพันกับเทพสมุทร จึงไม่มีโอกาสใช้งานเลยสักครั้ง และยังปะปนอยู่กับ ‘กองขยะ’ บนห้วงมิติเหนือสายหมอก
ขณะเดียวกัน เงินจากมิสเตอร์แฮงแมนและมิสจัสติสถูกส่งมาถึงแล้ว เงินสดไคลน์จึงเพิ่มเป็น 7,085 ปอนด์กับอีกห้าเหรียญทองปอนด์
เป็นความมั่งคั่งชนิดที่สามารถซื้อที่ดินพร้อมบ้านหลังใหญ่ได้สบายในทุกเมืองทั่วโลก
หากไม่เพราะเราต้องแก้แค้น รวมถึงต้องหาทางกลับโลกเดิม ป่านนี้คงเลิกดิ้นรนและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย…
ไคลน์ครุ่นคิดอย่างพึงพอใจ
ความเห็นของกัปตัน…
เดนิสพูดพลางฝืนยิ้ม
“แม้ว่าในทางทฤษฎี กัปตันและคนที่เหลือควรเดินทางเข้ามาในระยะห้าร้อยไมล์ทะเลเรียบร้อยแล้ว พร้อมสำหรับการประกอบพิธีกรรมวิญญาณสถิต แต่นายก็คงทราบดี เส้นทางเดินเรือปรกติย่อมไม่ปลอดภัย โจรสลัดยิ่งต้องระวังตัวเป็นทวีคูณ และคอยหลบเลี่ยงเรือลาดตระเวนของกองทัพกับโบสถ์วายุสลาตัน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอ้อมไกล ฉันจึงอยากแนะนำว่า รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ จากนั้นค่อยทดสอบใช้พิธีกรรมวิญญาณสถิติหากัปตัน พวกเราจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงกายและค่าวัสดุฟรี…แบบนี้ดีกว่าไหม”
“อือ” ไคลน์เพียงขานรับไร้อารมณ์ มิได้ตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่’ เพียงหันหลังกลับและเดินไปเข้าห้องน้ำ
สำหรับวันนี้ ชายหนุ่มมีแผนจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง มองหาเป้าหมายของการใช้เทคนิคสวมบทบาทและย่อยโอสถ
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ลับสายตา เดนิสเริ่มหายใจทั่วท้อง
เราต้องแอบติดต่อกัปตันก่อน… โน้มน้าวให้เธอเรียกตัวเรากลับฝันทองคำ จากนั้นค่อยประกอบพิธีกรรมวิญญาณสถิตต่อหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์! หมอนี่ชอบออกไปข้างนอก เรามีโอกาสมากมายให้จัดการตามแผน…
หึหึ! ชอบชอปปิ้งนัก!
เดนิสครุ่นคิด มุมปากยกโค้ง
…
หลังออกจากวิหารคลื่นสมุทร อัลเจอร์ตรงไปยังบริษัทการค้าราล์ฟ พลางครุ่นคิดมาตลอดทาง จนกระทั่งได้พบเจ้าของร้านกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์
มันทราบเป็นอย่างดีว่า ชายวัยกลางคนมาดภูมิฐาน สวมสูท ผูกโบหูกระต่าย และแว่นตากรอบทองผู้นี้ สมัยก่อนเคยเป็นโจรสลัดมากฝีมือ ขณะเดียวกันก็ยังแอบสนับสนุนกลุ่มต่อต้าน และศรัทธาเทพสมุทร·คาเวทูว่า
“วันนี้มาด้วยธุระอันใด คุณกัปตันเรือผีสิงของพวกเรา” ราล์ฟวางหนังสือพิมพ์ลงบนกึ่งกลางตัก เผยรอยยิ้มผ่อนคลาย
ชายคนนี้คือบุตรนอกสมรสของนักผจญภัยลูกครึ่งโลเอ็นเฟเนพ็อต มารดาเป็นชนพื้นเมือง ราล์ฟเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นโจรสลัด ในช่วงกำลังสร้างอนาคต มันพลิกผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าสองหน้า มีเส้นสายกว้างขวางในศาลากลางเมือง สภาเมือง และสถานีตำรวจ เรียกว่าอิทธิพลเบื้องหลังค่อนข้างใหญ่โต
เมื่อได้ยินคำทักทาย อัลเจอร์เกือบเผลอขมวดคิ้ว เพราะน้ำเสียงและท่าทีของอีกฝ่ายค่อนข้างไม่ปรกติ
ไม่ปรกติสำหรับอัลเจอร์หมายถึง เหนือความคาดหมายของตนไปพอสมควร
ตามความเห็นของมัน หลังจากความตายของเทพสมุทร เหล่าสาวกรอบหมู่เกาะรอสต์ควรตระหนักถึงสัญญาณบางอย่าง โดยเฉพาะกับสาวกหัวรุนแรง สีหน้าพวกมันจึงควรกังวล หรือไม่ก็โศกเศร้า มิใช่ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติเช่นนี้
อัลเจอร์ไม่ถามถึงคาเวทูว่าทันที เพียงเกริ่นด้วยรอยยิ้ม
“มีเบาะแสของโควาโร่บ้างไหม”
โควาโร่คือกัปตันเรือผู้เสนอขายมรดกของบารอนผีดูดเลือด กล่าวกันว่า ชายคนนี้เคยเป็นลูกเรือจักรพรรดิมืด เรือประจำกายของราชาแห่งห้าห้วงสมุทร นาสต์ มาก่อน และปัจจุบันก็ยังเป็นสายข่าวให้อย่างลับๆ
“ใครจะไปทราบ…แต่ที่แน่ชัดก็คือ เจ้านั่นไม่ได้อยู่ในบายัมอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นคงถูกเก็บกวาดไปตั้งแต่สองวันก่อน” ราล์ฟยักไหล่เล็กน้อย “ได้ยินว่าแล่นเรือลงไปทางใต้”
ในความเป็นจริง อัลเจอร์ได้ตกลงและนัดหมายกับโควาโร่เรียบร้อย บทสนทนาเมื่อครู่เป็นเพียงการเปิดประเด็นชวนพูดคุย
แน่นอน มันย่อมทราบว่า เพื่อจะหลบให้พ้นเขตสึนามิรอบหมู่เกาะรอสต์ โควาโร่จำเป็นต้องออกเรือไปไกลพอสมควร กว่าจะอ้อมกลับมาถึงบายัมก็คงอีกสักพัก
แต่อัลเจอร์ไม่เร่งรีบ เพราะมันทราบว่า มิสเตอร์มูนได้รับเช็คเงินสดประเภทระบุวันรับ หากถอนออกมาก่อนกำหนด จะต้องเสียค่าธรรมเนียมบางส่วน และสูญเสียดอกเบี้ยอันพึงจะได้รับไป
มันพยักหน้าหนักแน่น
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูล”
ถัดมา อัลเจอร์ถามโดยแสร้งทำเป็นไม่ทราบสถานการณ์
“ฉันได้ยินมาว่า เทวรูปของเทพสมุทรหลายแห่งเริ่มแตกหักด้วยตัวเอง…”
อันที่จริง อัลเจอร์มิได้เห็นกับตา ไม่ได้ยินมากับหู แต่สามารถคาดเดาได้จากการอ่านเอกสารลับของโบสถ์เป็นจำนวนมาก
จากบรรดาเกาะอาณานิคมทั้งหมด รวมถึงดินแดนทวีปใต้ มีเทพพื้นเมืองจำนวนไม่น้อยต้องตายไปด้วยฝีมือของพระคาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุสลาตัน ชะตากรรมล้วนไม่ต่างจากคาเวทูว่า และเหตุการณ์หลังจากเทพเหล่านั้นร่วงหล่นก็ถูกบันทึกไว้ในเอกสารลับของโบสถ์อย่างละเอียด
ราล์ฟพยักหน้าเยือกเย็น
“อา…มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ข่าวร้ายเลยสักนิด”
สีหน้าราล์ฟเริ่มอิ่มเอม
“เพราะพระองค์ท่านเสด็จกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ใหม่!”
กลับมายังโลกมนุษย์ด้วยรูปลักษณ์ใหม่…?
ดวงตาอัลเจอร์แฝงความครุ่นคิดสักพัก แต่เมื่อฉุกคิดบางสิ่ง มันเริ่มเผยความตะลึง
จากสถานการณ์ฝั่งโบสถ์วายุสลาตัน ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า คาเวทูว่าไม่น่าจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ถ้าอย่างนั้น ใครกำลังตอบสนองต่อคำวิงวอนของเหล่าสาวกเทพสมุทร…?
สมมติฐานอันบ้าบิ่นพลันผุดขึ้นในความคิด
…หรือว่านี่จะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการคืนชีพของมิสเตอร์ฟูล?
ฉวยโอกาสหลังจาก ท่านสวมรอยเป็นเทพสมุทรองค์ใหม่แทน? ท่านกำลังพยายามสร้างอิทธิพลบนโลกจริง เพื่อให้ผนึกคลายตัวได้เร็วขึ้น!
ไม่ผิดแน่ นี่คือเหตุผลในการมาเยือนบายัมของเดอะเวิร์ล…
ซี๊ด…
ท่านคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้เชียว!
อัลเจอร์กลืนน้ำลายเงียบงัน พยายามยับยั้งความตื่นเต้นไว้ในใจ
…
ณ โรมแรมวายุคราม ไคลน์ ผู้ยังไม่ออกจากห้องไปไหน กำลังนั่งคุยกับไอร์แลนด์ กัปตันเรือโมราขาว ที่แวะมาจ่ายค่าตอบแทนภารกิจเมื่อวันก่อน
“นี่คือรางวัลของพวกคุณ ทั้งหมดหนึ่งร้อยปอนด์ถ้วน”
มันมิได้ระบุว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้เท่าไร เดนิส·เพลิงพิโรธได้เท่าไร เพียงยื่นเงินเต็มจำนวน จากนั้นก็ให้แบ่งกันเอาเอง
กองทัพใจกว้างไม่เลว…
ไคลน์รำพัน พลางรับปึกธนบัตรจากอีกฝ่ายมาถือ ตามด้วยการก็หยิบธนบัตรห้าปอนด์ออกมาสองใบ โยนให้เดนิส
ถัดมา ชายหนุ่มตวัดข้อมือ ดึงธนบัตรสิบปอนด์จากข้างล่างออกมาอีกสองใบ และโยนไปหาเดนิสด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เกอร์มัน·สแปร์โรว์ช่างใจกว้าง… เที่ยงธรรมยิ่งกว่าไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรมเสียอีก!
เดนิสรับส่วนแบ่งอย่างประหลาดใจ พลางสัมผัสได้ว่า กระเป๋าสตางค์ที่เคยถูกสูบเงินออกไปในช่วงสองสามวันหลัง เริ่มฟื้นฟูกลับมาจนบวมพองอีกครั้ง
ขณะสายตาจ้องมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์ในเสื้อผ้าเซตใหม่ ไอร์แลนด์ ในสภาพมือข้างหนึ่งถือหมวกพับทรงทหารเรือ ซักถามด้วยสีหน้าเกรงใจ
“มีข่าวมาจากโบสถ์วายุสลาตันว่า บุคคลที่นำใบประกาศเกี่ยวกับเลติเซียและคาเวทูว่าไปติดไว้หน้าโบสถ์ ถูกสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส พวกคุณคิดยังไงกันบ้าง…”
ไอร์แลนด์มองเข้าไปในดวงตาเดนิส นั่งรอคำตอบอย่างใจเย็น
“ฮะฮะ…” เดนิสหัวเราะ “ฉันไม่รู้จักเขา”
ไคลน์เงียบงันสักพัก
“เนื่องจากต้องการเติมเต็มความปรารถนาของนักผจญภัยที่เสียชีวิตตามลำพัง ผมจึงเดินทางไปยังเกาะไซมีม และได้พบเลติเซียกับคณะพักอาศัยในโรงแรมเดียวกัน ในคืนนั้น โรงแรมของพวกเราถูกงูบุกรุก แต่ปัญหาก็ถูกจัดการได้ไม่ยาก เมื่อกลับถึงบายัม ผมเดินทางเข้าไปในเขตกลุ่มต่อต้านเพื่อหาซื้อสิ่งของน่าสนใจ พวกเขาพยายามเสนอขายดาบหนึ่งเล่มให้ผมโดยอ้างว่าเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ ภายในป้อมปราการขนาดย่อมซึ่งเป็นสถานที่ซื้อขาย ห้องดังกล่าวมีผู้วิเศษลำดับกลางมากถึงสองคนคอยคุมเชิง เพียงผมสัมผัสดาบ จิตอันชั่วร้ายได้พยายามรุกรานเข้ามาในร่างกาย จนเกือบเข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่ง…ขณะเดียวกัน พวกเขาก็มอบภารกิจตามหาเลติเซียให้ด้วย”
ทั้งหมดล้วนเป็นความจริง ถึงจะไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด แต่ก็มากพอจะทำให้ไอร์แลนด์เชื่อมโยงกับบุคคลปิดป้ายประกาศหน้าวิหารคลื่นสมุทรได้
หากกองทัพและโบสถ์วายุสลาตันตัดสินใจสืบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด อย่างน้อย ข้อมูลเดียวของไคลน์ที่จะไปหลุดก็คือ เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีพลังในการแปลงโฉม
ไอร์แลนด์นั่งฟังเงียบงัน ก่อนจะยิ้ม
“ในอนาคต คุณไม่มีความจำเป็นต้องแอบปิดประกาศในยามวิกาล สามารถหาบอกกับผมได้โดยตรง วิธีนี้ยังจะช่วยให้ได้รับรางวัลตอบแทนเพิ่มเติม”
กัปตันโมราขาวยืนขึ้น สวมหมวกพับ พลางหันไปพูดกับเดนิสด้วยรอยยิ้ม
“และผมยังได้ยินมาด้วยว่า ค่าหัวของเพลิงพิโรธเพิ่มขึ้นอีกแล้ว”
……………………