พลังมายาในร่างของฟู่ไห่ถูกใช้ออกไปอย่างรวดเร็วและภายในเวลาเพียงไม่นาน พลังมายาของเขาก็หายไปถึงครึ่งหนึ่ง
พลังประหลาดกัดกร่อนทำลายม่านป้องกันของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน สถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าหากพวกเขายังหาทางหนีเอาตัวรอดไม่ได้ พวกเขาก็คงต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
เมื่อใดที่พลังมายาในร่างหมดไป พวกเขาจะกลายเป็นเพียงปลาบนเขียงเท่านั้น
ในเวลานี้ทุกคนก็พร้อมใจที่จะแสดงกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของตนเองออกมา
“ลุยเลย !”
พวกเขาไม่รอช้าและปลดปล่อยพลังหลากหลายรูปแบบตรงไปยังพลังงานชั่วร้ายรอบตัวทันที
ตูมมม !
แม้เกิดเสียงปะทะดังสนั่น ทว่าพลังของทุกคนกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่สามารถส่งผลกระทบใดต่อพลังประหลาดรอบตัวได้เลย ในทางตรงกันข้าม ราวกับพลังงานชั่วร้ายดังกล่าวดูดกลืนพลังของทุกคนและเสริมให้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
“แย่แล้ว ไพ่ตายทั้งหมดของเราไม่มีผลกระทบต่อพลังนั้นแม้แต่น้อย จอมยุทธ์ปีศาจคงจะจัดเตรียมแผนการนี้มานานและครานี้เราเอาตัวรอดไม่ง่ายแน่ !”
ฟู่ไห่ขมวดคิ้วมุ่นและตระหนักดีว่าไม่สามารถต้านทานได้อีกนานนัก
“อย่าเสียเวลาเลย มนต์ป้องกันของผู้อาวุโสอ้านมิใช่สิ่งที่จะทำลายได้ง่าย ๆ ต่อให้หานโม่ฉือหรือจ้าวสำนักฟู่ชางของเจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเองก็ไม่มีทางทำลายมันได้สำเร็จ เพราะฉะนั้นจงยอมจำนนเสียโดยดีเถอะและข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า !”
น้ำเสียงในความว่างเปล่าดังขึ้นอีกครั้งและเต็มไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เหมือนว่าจะเชื่อมั่นในความทรงพลังของมนต์ป้องกันดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
“อีกประเดี๋ยวข้าจะระเบิดตัวเอง พวกเจ้าทุกคนหาที่หลบก่อนเถอะ ต่อให้พลังจากการระเบิดตัวเองของข้าไม่มากพอที่จะปัดเป่าพลังนั้น มันก็สามารถสร้างช่องว่างขึ้นมาได้ชั่วคราว เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าจงหาโอกาสหลบหนีออกไปและรายงานจ้าวสำนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่และเตือนให้เขาระวังตัว !”
ฟู่ไห่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วและกล่าวกับทุกคนด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ท่านลุงรอง…”
ฟู่อวิ๋นซิวและทุกคนมีสีหน้าเศร้าใจทันทีขณะมองฟู่ไห่และพยายามโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจ
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น เราไม่มีทางอื่นแล้ว หากสหายน้อยอวี้โม่และหานโม่ฉืออยู่ที่นี่ เราก็อาจจะพอมีโอกาสอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้เหลือเพียงแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น”
ฟู่ไห่โบกมือปัดเพื่อมิให้ทุกคนพยายามเปลี่ยนใจตนและบอกให้พวกเขาสงวนพลังที่มีเอาไว้
จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปข้างหน้าและพลังทั่วทั้งร่างเริ่มพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า ๆ ๆ มันทำลายยากมากนักรึ ?”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นในหูของทุกคนและพลังที่พุ่งพรวดในร่างของฟู่ไห่ก็หยุดลงก่อนที่เขาจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
“อวี้โม่ โม่ฉือ !”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายด้วยความหวังเมื่อตระหนักว่าเสียงดังกล่าวมาจากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที พวกเขาเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าตราบใดที่คนทั้งสองปรากฏตัว พวกตนก็ไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใดและวิกฤตทุกอย่างจะได้รับการสะสางอย่างแน่นอน
“ฮ่า ๆ ๆ มาได้จังหวะพอดี !”
สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเช่นกัน เขาหัวเราะอย่างสาแก่ใจและไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใด ๆ
ไม่ไกลจากจุดนั้น หานโม่ฉือโอบเอวบางของฉินอวี้โม่ไว้อย่างมั่นคงและกำลังตรงเข้าไปหาฟู่ไห่และทุกคนอย่างสบาย ๆ โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังประหลาดรอบตัวแม้แต่น้อย
ตูมมม !
ทว่าทันใดนั้น คลื่นพลังที่รุนแรงก็พุ่งออกมาเพื่อโจมตีตรงไปที่หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่
อย่างไรก็ตาม หานโม่ฉือเพียงโบกมือเบา ๆ และปัดเป่าคลื่นพลังดังกล่าวออกไปก่อนที่มันจะเข้าใกล้ตัวเขาด้วยซ้ำ
“เป็นไปได้อย่างไร ?!”
เจ้าของเสียงในความว่างเปล่าอุทานออกมาทันทีและไม่คาดคิดเลยว่าหานโม่ฉือจะมีพลังที่แกร่งกล้าเช่นนี้
“ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจก็ยังไม่กล้าอวดดีต่อหน้าข้าเช่นนี้ นี่ก็เป็นเพียงมนต์ป้องกันที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งสร้างขึ้นมาเท่านั้น มันจะเป็นภัยคุกคามต่อข้าได้อย่างไร ?”
หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนโบกมือไปที่จุดหนึ่งกลางอากาศ
“อ๊ากกก !”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นและจู่ ๆ ร่างหนึ่งในเสื้อคลุมสีดำก็ปรากฏตัวกลางอากาศ
บุรุษผู้นั้นจ้องตรงไปที่หานโม่ฉือด้วยแววตาหวาดหวั่นและมีอาการบาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าแม้จะซ่อนกลิ่นอายของตนเองไว้อย่างแนบเนียนแล้ว หานโม่ฉือก็ยังค้นพบได้อย่างรวดเร็วและถูกจับตัวได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของบุรุษผู้นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริงและตัวเขาไม่อาจเทียบชั้นได้แม้แต่น้อย
“มนต์ป้องกันของเจ้าทำลายได้ยากมากนักรึ ?”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และชี้นิ้วไปในทิศทางหนึ่ง
หานโม่ฉือก็เข้าใจความหมายของนางได้ทันทีและปลดปล่อยก้อนพลังตรงออกไปในทิศทางนั้น
ตูมมม !
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาราวกับบางสิ่งบางอย่างถูกทำลายไป
พลังงานชั่วร้ายที่ปกคลุมทั่วบริเวณก่อนหน้านี้ก็หายวับไปทันทีและท้องฟ้าที่มืดหม่นก็สว่างสดใสขึ้นมา
“นี่มัน…”
บุรุษผู้นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่ามนต์ป้องกันที่ผู้อาวุโสอ้านใช้เวลานานเพื่อสร้างขึ้นมาจะถูกหานโม่ฉือทำลายไปได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าหานโม่ฉือไม่ต้องใช้ความพยายามหรือพลังมากมายด้วยซ้ำ
“ฮ่า ๆ ๆ เปราะบางกว่าที่คิดไว้มาก”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเยาะขณะเดินเข้าไปหาฟู่ไห่และคนอื่น ๆ
“ทุกคนไม่เป็นไรใช่รึไม่ ?”
นางเอ่ยถามด้วยความกังวล โชคดีที่นางและหานโม่ฉือมาถึงที่นี่ได้อย่างทันท่วงที มิเช่นนั้น ฟู่ไห่คงจะระเบิดตัวเองไปแล้ว
ฟู่ไห่เป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเมฆาครามซึ่งเป็นรองจากฟู่ชางเพียงคนเดียวเท่านั้น หากเขาต้องตายอยู่ที่นี่ เกรงว่ามันจะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อฝ่ายของพวกนางอย่างแน่นอน
“พวกเราไม่เป็นไร โชคดีจริง ๆ ที่เจ้าทั้งสองมาได้ทันเวลา”
ฟู่ไห่กล่าวขอบคุณฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออย่างจริงใจ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขาและแสดงถึงความโล่งใจได้อย่างชัดเจน
ทุกคนก็กล่าวขอบคุณฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเช่นกัน แม้มีอาการบาดเจ็บกันอยู่บ้าง สถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
“ทุกคนพักฟื้นฟูพลังกันก่อนเถอะ และเราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้กับทุกคนและบอกให้พวกเขาพักฟื้นพลังก่อน นางและหานโม่ฉือเพียงสองคนก็มากพอที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่เหลือได้
ทุกคนไม่คัดค้านและนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นเพื่อปรับสภาวะพลังในร่างกาย
จากนั้นสายตาของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็เลื่อนไปหยุดลงที่บุรุษที่ถูกจับตัวก่อนหน้านี้และกล่าวอย่างเย็นชา “บอกมาเถอะว่าพวกเจ้าจอมยุทธ์ปีศาจมีแผนการอย่างไรกันแน่ !”
คนเหล่านี้เริ่มจากการส่งกำลังคนและก้อนพลังสีดำเข้ามาในสมรภูมิรบโบราณเพื่อฟื้นคืนชีพซากศพ อีกทั้งยังวางมนต์ป้องกันไว้ที่นี่โดยหมายที่จะกำจัดฟู่ไห่และคนอื่น ๆ ให้สิ้นซากภายในคราวเดียว พวกนางไม่อาจคาดเดาเลยว่าจอมยุทธ์ปีศาจจะยังมีแผนการใดเตรียมไว้อีกหรือไม่
“เหอะ อยากรู้จากปากของข้างั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”
บุรุษผู้นั้นแค่นเสียงเย็นชาและพุ่งตรงออกไปเพื่อพยายามหลบหนีเอาตัวรอด
“ข้าปล่อยให้เจ้าไปแล้วรึ ?”
หานโม่ฉือกล่าวอย่างเยือกเย็นและโบกมือเบา ๆ เพื่อคว้าตัวบุรุษผู้นั้นกลับมา
อันที่จริงบุรุษผู้นั้นก็เป็นจอมยุทธ์ที่มากฝีมือและมีพลังอยู่ในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุด ทว่าเมื่อประจันหน้ากับหานโม่ฉือ เขากลับไม่มีพลังที่จะตอบโต้แม้แต่น้อย
“พลังของเจ้าแกร่งกล้าถึงขั้นนี้ได้อย่างไรกัน ?!”
สีหน้าของเขาเหยเกอย่างที่สุดและไม่เคยคาดคิดเลยว่าหานโม่ฉือจะทรงพลังถึงเพียงนี้
จากข่าวสารที่จอมยุทธ์ปีศาจได้รับมา ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือควรจะด้อยกว่าฟู่ชางพอสมควร ทว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพลังของหานโม่ฉือไม่ด้อยไปกว่าผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจด้วยซ้ำ
“เจ้าจะอธิบายด้วยตัวเองหรือจะให้ข้าขุดคุ้ยข้อมูลออกมาจากจิตวิญญาณของเจ้า ?”
หานโม่ฉือเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา หากไม่ต้องการตอบคำถามด้วยตัวเอง เขาเพียงต้องใช้วิชาทะลวงจิตเพื่อค้นหาความจริงจากอีกฝ่าย
เขาเชื่อว่าบุรุษผู้นี้จะต้องทราบถึงแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่นอน
“ข้าจะบอกเอง…”
บุรุษผู้นั้นลังเลครู่หนึ่งทว่าเลือกที่จะตอบความจริงด้วยตัวเอง
เขาไม่ต้องการทิ้งชีวิตของตัวเองไว้ที่นี่ ในเมื่อยังไม่มั่นใจอย่างแน่ชัดว่าวิชาทะลวงจิตของหานโม่ฉือจะสร้างความเสียหายต่อรากฐานพลังของตนมากเพียงใด การเลือกที่จะซื่อสัตย์ตั้งแต่แรกจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
“บอกมา นอกเหนือจากในฝั่งของมังกรกระดูกดำที่ล่าถอยกลับไปแล้ว พวกเจ้ายังมีแผนการอะไรอีก ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามอย่างชัดเจนและไม่ต้องการฟังเรื่องไร้สาระที่อีกฝ่ายอาจจะกล่าวออกมา
เพราะถึงอย่างไรทั้งมังกรกระดูกดำและแผนการฟื้นคืนชีพซากศพก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าแล้ว อยากรู้ยิ่งนักว่าจอมยุทธ์ปีศาจจะยังมีแผนการใดเตรียมไว้อีกหรือไม่…