ณ ดินแดนอีกแห่งหนึ่ง เสี่ยวอ้ายโม่ฉือผู้ซึ่งกำลังอ่านตำราอยู่ภายในห้องหนังสือก็รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ฉายวาบขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังทิศทางหนึ่งราวกับมองเห็นเสี่ยวอ้ายโม่ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยลำแสงเจ็ดสี
“ดูเหมือนว่านางจะได้รับโชคลาภบางอย่างมา”
เด็กน้อยที่ดูสุขุมเสมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็กถอนหายใจเบา ๆ ด้วยสีหน้าโล่งใจ
เขาและเสี่ยวอ้ายโม่เป็นทายาทที่ผสมผสานข้อดีทั้งหมดของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเข้าด้วยกันส่งผลให้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม เสี่ยวอ้ายโม่ไม่ชื่นชอบการฝึกยุทธ์เท่าใดนักและความแข็งแกร่งก็ยังตามหลังตัวเขาอยู่มาก ตอนนี้การที่นางได้พบกับโชคลาภที่พิเศษเช่นนี้ ต่อให้ในอนาคตนางจะอุดอู้และเกียจคร้านในการฝึกยุทธ์ พลังของนางก็ยังจะพัฒนาอย่างรวดเร็วและไม่ต้องกังวลสิ่งใดมากนัก
“ข้าเองก็ต้องขยันหมั่นเพียรมากขึ้นเช่นกัน”
เสี่ยวอ้ายฉือยิ้มบาง ๆ ขณะพึมพำกับตัวเอง หากไม่หมั่นฝึกวิชาและพัฒนาฝีมืออยู่เสมอ เขาก็อาจจะกลายเป็นฝ่ายที่ตามหลังเสี่ยวอ้ายโม่ไป ถึงอย่างไรเขาก็ต้องการปกป้องเสี่ยวอ้ายโม่ให้ได้ หากว่าเขามีพลังที่อ่อนแอกว่า เขาจะปกป้องนางได้อย่างไร…
ณ ดินแดนมหาเทพ เสี่ยวอ้ายโม่หมดสติไปนานกว่าหนึ่งชั่วยามก่อนค่อย ๆ ลืมตาในที่สุด
“ท่านแม่…”
เมื่อเห็นมารดานั่งอยู่ข้างเตียง เด็กสาวก็รีบลุกขึ้นและโผเข้าสู่อ้อมกอดนางทันที
“เจ้ามีอาการผิดปกติบ้างรึไม่ ?”
ฉินอวี้โม่ใช้พลังวิญญาณแผ่ออกไปสำรวจสถานการณ์ภายในร่างกายของเสี่ยวอ้ายโม่ก่อนพบว่าร่างกายของบุตรสาวได้ผสานเข้ากับกายาเจ็ดสีอย่างสมบูรณ์แบบและพลังมายาก็ฟื้นฟูกลับมาแล้ว
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้ารู้สึกดีอย่างมาก ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าจะฆ่าวัวตัวใหญ่ให้ตายภายในหมัดเดียวได้ !”
เสี่ยวอ้ายโม่แสดงท่าทางชกกำปั้นซ้ายขวาอย่างกระตือรือร้น นางยังไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเอง เพียงแต่รู้สึกว่าพลังของนางพัฒนาขึ้นและแข็งแกร่งกว่าก่อนมาก
“มาเถอะ แม่จะพาเจ้าไปหาอะไรกินก่อน”
ฉินอวี้โม่กล่าวออกไปเบา ๆ ถึงอย่างไรการที่หมดสติไปเป็นเวลานานเช่นนี้ เสี่ยวอ้ายโม่ก็คงจะรู้สึกหิวเป็นอย่างมาก บุตรน้อยทั้งสองของนางมักจะรับประทานอาหารสามมื้อต่อวันอยู่เสมอและตอนนี้เวลาของมื้อเย็นก็ล่วงเลยมานานพอสมควรแล้ว
“ท่านแม่ ท่านพ่อล่ะเจ้าคะ ?”
เสี่ยวอ้ายโม่ในอ้อมแขนของฉินอวี้โม่มองไปรอบตัวและไม่เห็นแม้แต่เงาของหานโม่ฉือ นางจึงเอ่ยถามออกไป
ในเวลานี้ เสี่ยวอ้ายโม่ที่เพิ่งฟื้นจากอาการหมดสติดูจะว่านอนสอนง่ายขึ้นมาก ด้วยความน่ารักน่าชังเดิมที่มีมากอยู่แล้วของนาง มันก็ทำให้ทุกคนอดเข้าใกล้และหยอกเย้าด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“พ่อของเจ้าไปหารือธุระบางอย่างกับท่านตา อีกประเดี๋ยวเขาคงจะกลับมา”
ก่อนหน้านี้หานโม่ฉือถูกฉินเทียนเรียกไปพบเพื่อหารือถึงบางสิ่งบางอย่างที่แม้แต่ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องใด ตัวนางก็เพิ่งทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดได้สำเร็จและต้องการเพียงใช้เวลาอยู่กับเสี่ยวอ้ายโม่ก่อนสงครามชี้ชะตาเท่านั้น
“ท่านแม่ ข้าคิดถึงเสี่ยวอ้ายฉือจังเลยเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่หน้ามุ่ยเล็กน้อยและถอนหายใจยาวโดยที่กำลังคิดถึงเสี่ยวอ้ายฉือที่พลัดพรากจากกันมานาน
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ นางใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการอยู่กับเสี่ยวอ้ายฉือ แม้มักโต้เถียงกันเสมอว่าผู้ใดเป็นพี่ชายหรือพี่สาว ทั้งสองก็ไม่เคยแยกห่างจากกันนานเช่นนี้มาก่อน
กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคู่แฝดทั้งสองผูกพันกันอย่างลึกซึ้งมากกว่าที่ทั้งสองมีต่อบิดามารดาเสียอีก นับตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือต้องแยกจากกันเป็นเวลานาน
“เมื่อแม่สะสางเรื่องวุ่นวายทั้งหมดที่นี่ได้ แม่จะพาเจ้าไปหาเสี่ยวอ้ายฉือ”
ฉินอวี้โม่ลูบศีรษะบุตรสาวเบา ๆ นางเองก็คิดถึงเสี่ยวอ้ายฉืออย่างที่สุดเช่นกัน
ต่อให้มั่นใจว่าเสี่ยวอ้ายฉือปลอดภัยดี นางก็อดกังวลไม่ได้ หากมิใช่เพราะสถานการณ์ในดินแดนมหาเทพยังคงวุ่นวายและยืดเยื้อ เกรงว่านางคงมุ่งหน้าไปยังดินแดนระดับสูงกว่าเพื่อตามหาบุตรชายที่พลัดพรากไปนานแล้ว
นอกจากสะสางความวุ่นวายในดินแดนมหาเทพ นางก็ยังต้องเดินทางไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น นางจึงจะเดินทางไปยังดินแดนที่สูงกว่าเพื่อตามหาเสี่ยวอ้ายฉือได้ เกรงว่านับจากวันนี้ มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีทีเดียว
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่สร้างความลำบากใจให้ท่านแม่เลยเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่เข้าใจดีและพยักหน้าหงึกหงักก่อนเขย่ามือมารดาเบา ๆ
มารดาและบุตรสาวเข้าไปนั่งลงในโถงห้องอาหารและรับประทานอาหารร่วมกันในขณะที่ท้องฟ้าข้างนอกมืดสลัวแล้ว
หลังจากนั้น เสี่ยวอ้ายโม่ก็วิ่งเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อพูดคุยและเล่นสนุกกับบรรดาอสูร ส่วนหานโม่ฉือที่ออกไปหารือกับฉินเทียนก่อนหน้านี้ก็กลับมาแล้ว
“ท่านพ่อเรียกเจ้าไปคุยเรื่องอะไรรึ ?”
ฉินอวี้โม่ชงชาร้อน ๆ และยื่นให้กับหานโม่ฉือพลางเอ่ยถาม
“ท่านพ่อตาต้องการจะไปที่ดินแดนระดับสูงเพื่อตามหาเสี่ยวอ้ายฉือและท่านแม่ยายก่อน”
หานโม่ฉือก็เล่าถึงเนื้อหาทั้งหมดที่ได้หารือกับฉินเทียนก่อนหน้านี้ให้ฉินอวี้โม่ได้ทราบอย่างละเอียด
ฉินเทียนเรียกเขาไปพบในครานี้ก็เพราะต้องการถามความคิดเห็นจากเขา
แม้สถานการณ์ความวุ่นวายของดินแดนมหาเทพจะยังไม่คลี่คลาย ทว่าหากขาดฉินเทียนไปเพียงคนเดียว มันก็ไม่ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดนัก เพราะเหตุนั้น เขาจึงมีความคิดที่จะล่วงหน้าไปยังดินแดนระดับสูงก่อน ต่อให้ตามหาเสี่ยวอ้ายฉือและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไม่พบ เขาก็สามารถตั้งรกรากถิ่นฐานและก่อตั้งขุมกำลังของตนเองได้ เมื่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ตามไปสมทบ พวกนางก็จะมีที่พักคอยรองรับ
สาเหตุที่เขายังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับฉินอวี้โม่ก็เพราะยังไม่สามารถตัดสินใจได้ นอกจากนี้ การที่เขาเรียกหานโม่ฉือไปหารือเป็นการส่วนตัวก็เพราะต้องการถามความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของดินแดนที่อยู่ในระดับสูงกว่า
ฉินเทียนก็คิดว่าหานโม่ฉือคงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับดินแดนที่อยู่ในระดับสูงกว่าอยู่บ้างและสามารถให้ข้อมูลที่เขาไม่เคยทราบมาก่อน
“หากท่านพ่อต้องการจะไปที่นั่น ข้าก็ไม่คัดค้าน เรายังไม่ทราบว่าคนที่จับตัวท่านแม่ไปมาจากขุมกำลังใดกันแน่ อีกอย่าง…ท่านพ่อก็ยังมีท่านอาจารย์อยู่ที่ดินแดนระดับสูงเช่นกัน เมื่อท่านพ่อเดินทางไป ท่านอาจารย์จะต้องหาทางติดต่อเขาอย่างแน่นอนและเราไม่ต้องกังวลจนเกินไป”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ ในเมื่อฉินเทียนต้องการไปที่นั่น นางก็สนับสนุนการตัดสินใจของเขา ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องทำในดินแดนนี้อีกต่อไป ในช่วงเวลานี้สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจก็คงจะไม่จับตาดูการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกันและจะสามารถเดินทางไปที่ดินแดนระดับสูงได้อย่างปลอดภัย
“ข้าอยากไปด้วยเจ้าค่ะ !”
เสี่ยวอ้ายโม่บังเอิญได้ยินบทสนทนาของทั้งสองและวิ่งออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ให้ข้าตามท่านตาไปที่ดินแดนระดับสูงเพื่อตามหาเสี่ยวอ้ายฉือเถอะนะเจ้าคะ”
นางปรี่เข้าไปเกาะแขนเสื้อบิดามารดาด้วยท่าทางเหมือนเด็กน้อย
“ต่อให้อยู่ที่นี่ ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก หากตามท่านตาไปที่ดินแดนระดับสูง อย่างน้อยข้าก็ยังสามารถช่วยท่านตาในการระบุหาตำแหน่งของเสี่ยวอ้ายฉือได้และทำให้การตามหาง่ายดายขึ้น ตอนนี้เราก็ไม่มีศัตรูใดอยู่ในดินแดนระดับสูงและทุกอย่างน่าจะปลอดภัยหายห่วง”
แม้เสี่ยวอ้ายโม่ยังเยาว์วัยนัก ทว่าความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ของนางก็ยอดเยี่ยมอย่างมาก
สิ่งนางกล่าวมาก็เป็นความจริง ต่อให้นางอยู่ที่นี่ มันก็ไม่มีประโยชน์มากเท่ากับการติดตามฉินเทียนไปที่ดินแดนระดับสูง
เสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือมีความเชื่อมโยงทางจิตใจต่อกัน ตราบใดที่อยู่ภายในดินแดนเดียวกัน นางก็มีหนทางที่จะติดต่อกับเสี่ยวอ้ายฉือได้ เมื่อถึงตอนนั้น นางก็สามารถช่วยบรรเทาความวุ่นวายให้กับฉินเทียนได้ ซึ่งจะช่วยให้เขาทำความเข้าใจสถานการณ์ในดินแดนระดับสูงได้เร็วขึ้นและสร้างขุมกำลังของตนเองได้อย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน หากฉินเทียนต้องตามหาเสี่ยวอ้ายฉือด้วยตัวลำพัง ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขาจะต้องใช้เวลานานเพียงใด
“ท่านแม่ ท่านพ่อวางใจได้เลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าทรงพลังมากแล้ว ข้าจะปกป้องทั้งท่านตาและตัวข้าเองอย่างแน่นอน”
เสี่ยวอ้ายโม่หันมองฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไปมาพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ สีหน้าท่าทางของนางดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียจนแม้แต่ปีศาจร้ายก็ยังต้องยอมอ่อนใจเมื่อเห็นเช่นนี้ นับประสาอะไรกับผู้ที่เป็นบิดามารดาเช่นพวกนาง
“เอาล่ะ หากท่านตาเต็มใจที่จะพาเจ้าไปด้วยกัน เราก็ไม่คัดค้าน”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะทว่ายังต้องรอฟังความเห็นของฉินเทียนก่อนตัดสินใจสิ่งใด
ยิ่งไปกว่านั้น นางก็มั่นใจว่าเสี่ยวอ้ายโม่จะไม่เป็นภาระและจะช่วยฉินเทียนได้อย่างแน่นอน
“เยี่ยมไปเลย ! ข้าจะไปหาท่านตาเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่ปล่อยมือจากแขนเสื้อของบิดามารดาและปรี่ตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็วก่อนวิ่งออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังเรือนที่พักของฉินเทียน
“เจ้าเด็กคนนี้ ไม่อาจทราบได้เลยว่าได้นิสัยเช่นนี้มาจากใคร”
ฉินอวี้โม่กล่าวพลางส่ายศีรษะเบา ๆ ทั้งนางและหานโม่ฉือมิใช่คนร่าเริงกระตือรือร้นมากเช่นนี้ ไม่ทราบเลยว่าบุตรสาวของตนสืบทอดลักษณะนิสัยเช่นนี้มาจากผู้ใด เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจเป็นบิดามารดาของหานโม่ฉือ หรือเป็นบิดามารดาของนางในภพก่อนที่มีนิสัยร่าเริงเช่นนี้ ? ทว่าลักษณะนิสัยเช่นนี้คงจะไม่ได้สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น…