ก่อนที่คนของตระกูลราชวงศ์จะมีโอกาสได้ส่งเสียงร้องออกมา พวกเขาก็กลายเป็นบุคคลไร้น้ำยาและล้มลงบนพื้นไปเสียแล้ว
“เหอะ ไม่อาจทราบได้เลยว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ตระกูลราชวงศ์ภายใต้การปกครองของเจ้าก่อกรรมทำชั่วมามากเพียงใด ตระกูลใหญ่มากมายในอดีตต่างก็ถูกพวกเจ้าขับไล่ออกไป ตอนนี้ในที่สุดผลกรรมก็ตามสนองเสียที หลังจากนี้พวกเจ้าจะไม่มีโอกาสก่อเรื่องสร้างปัญหาอีกต่อไป !”
ฉินขุยเดินเข้าไปหาฉีเซิ่งและออกแรงเตะอีกฝ่ายอย่างแรงพร้อมกล่าววาจาเย้ยหยัน
“ถูกต้อง”
ทุกคนเห็นพ้องตรงกันเป็นเสียงเดียวและรู้สึกโล่งใจอย่างมาก
“คุณหนูใหญ่ขอรับ ฉีเฉิงก่อกรรมทำชั่วมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาและทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกคับแค้นใจ ท่านจับเขาโยนไปที่ลานจัตุรัสเพื่อให้พวกเราได้ชำระแค้นจะได้หรือไม่ขอรับ ?”
ฉินเสี่ยวเยี่ยมองฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือด้วยแววตาชื่นชมก่อนเกาศีรษะแกรก ๆ และกล่าวแสดงความต้องการออกมา
“ไม่มีปัญหา ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะทันทีและรับรู้ได้ถึงพลังที่บริสุทธิ์บางอย่างจากในร่างของฉินเสี่ยวเยี่ย เห็นได้ชัดว่าสภาวะร่างกายของบุรุษหนุ่มผู้นี้มีความพิเศษอยู่ไม่น้อย ด้วยพรสวรรค์ของเขา เชื่อว่าเขาถูกลิขิตให้กลายเป็นจอมยุทธ์ผู้โดดเด่นเจิดจรัสอย่างแน่นอน
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่ขอรับ”
ฉินเสี่ยวเยี่ยตื่นเต้นอย่างยิ่งและกล่าวขอบคุณฉินอวี้โม่ด้วยแววตาซาบซึ้งก่อนตวัดสายตามองไปที่ฉีเฉิง
“ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ โปรดไว้ชีวิตพวกเรา…”
ฉีเฉิงอ้อนวอนขอความเมตตาอย่างไม่หยุดหย่อน หากทราบว่าฉินอวี้โม่ยังมีชีวิตอยู่และจะกลับมาที่นี่ในสักวัน เขาก็คงไม่กล้ากล่าววาจาหมิ่นเกียรติเหล่านั้นออกไป
ฉีเซิ่งก็รู้สึกผิดกับการกระทำของตนเองเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาก็คิดกันไปว่าจอมยุทธ์ยอดอัจฉริยะเหล่านี้คงจะไม่สนใจดินแดนหวนหลิงอีกต่อไป พวกเขาจึงได้เดินหน้ากดขี่ข่มเหงขุมกำลังทั้งหมดในดินแดนตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากทราบว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะกลับมาในสักวัน เขาก็คงจะไม่มีความกล้าเช่นนั้นเป็นแน่ !
“เจ้า ไปเรียกบุคคลสำคัญทั้งหมดของตระกูลราชวงศ์มาพบข้า”
ฉินอวี้โม่ไม่สนใจฉีเซิ่งและคนเหล่านี้อีกต่อไปขณะหันไปกล่าวกับผู้รับชมเหตุการณ์อยู่ด้านข้างเพื่อให้เขาเรียกผู้ที่มีอำนาจทั้งหมดในตระกูลราชวงศ์มา
“อีกสองก้านธูป ให้ผู้นำขุมกำลังทั้งหมดในนครไป๋อวิ๋นมารวมตัวกันที่ตระกูลฉินด้วย ข้ามีเรื่องจะประกาศ !”
หลังจากกล่าวกับทุกคนด้วยเสียงดังฟังชัด นางก็ยังคงเมินเฉยต่อคนของตระกูลราชวงศ์ที่ถูกทำลายรากฐานไปทั้งหมดและก้าวเข้าไปในจวนตระกูลฉินทันที
“จับพวกเขามัดไว้ เราจะจัดการกับพวกเขาในภายหลัง”
ฉินขุยออกคำสั่งก่อนเดินเข้าไปในจวนตระกูลฉินพร้อมกับคนอื่น ๆ
เพราะถึงอย่างไร ในตอนนี้ก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการพูดคุยหารือกับคุณหนูผู้เป็นที่เคารพชื่นชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลฉิน
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเดินตรงไปยังลานเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของตระกูลฉินซึ่งเป็นบริเวณที่นางเคยอาศัยอยู่เมื่อครั้งอดีต ทั่วบริเวณลานที่พักแห่งนี้ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและเห็นได้ชัดว่ามีการทำความสะอาดอยู่เสมอ
“คุณหนูขอรับ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้เราดูแลรักษาเรือนเก่าของคุณหนู อดีตท่านผู้นำและนายน้อยเป็นอย่างดีโดยส่งคนมาทำความสะอาดในทุก ๆ วัน ข้าเชื่อว่าสักวันหากพวกท่านอยากกลับมาที่นี่ พวกท่านก็จะได้มีที่อยู่อาศัยเช่นเดิม”
ฉินชวนเดินตามฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเข้ามาอย่างใกล้ชิด ความตื่นเต้นในแววตาของเขาก็ปรากฏชัดเจนอย่างไม่อาจปิดบัง
เขาเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉินมาตั้งแต่ในอดีตและสนิทสนมกับฉินอวี้โม่ในระดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาก็เคยสู้รบในสงครามมากมายเคียงข้างฉินเฟิน—ผู้นำของตระกูลฉินในอดีต และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ มากกว่าสมาชิกที่เหลือในตระกูลฉิน
“ท่านปู่ชวน ไม่ต้องสุภาพเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ เราเพียงกลับมาตรวจดูสถานการณ์เท่านั้นและอีกไม่นานก็จะเดินทางกลับไป”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ ขณะกล่าวกับฉินชวนเพื่อให้เขาใจเย็นลงและไม่ตื่นเต้นจนเกินไป
“คุณหนูขอรับ ข้าเฝ้ารออยู่ที่นี่มานานหลายร้อยปีและคิดว่าจะไม่ได้พบกับท่านอีกแล้ว อดีตท่านผู้นำสบายดีรึไม่ขอรับ ? ท่านได้พบกับท่านตาและท่านยายบ้างหรือไม่ ? แล้วนายท่านฉินเทียนละขอรับ ?”
ฉินชวนก็เอ่ยถามติดต่อกันหลายคำถามในคราเดียวด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นกังวลเกี่ยวกับฉินเฟินและคนอื่น ๆ ที่เดินทางไปยังดินแดนระดับสูง
“ทุกคนสบายดี ท่านปู่ชวนไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะก่อนขยับมือเล็กน้อยเพื่อถ่ายทอดพลังมายาเข้าสู่ร่างกายของฉินชวน
ความแข็งแกร่งเดิมของฉินชวนอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิทูตสวรรค์ขั้นสูงสุด ทว่าตอนนี้เขากลับทะลวงพลังข้ามผ่านสภาวะชะงักงันได้ในทันทีและความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งหยุดลงเมื่อเข้าสู่ขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุด
ในตอนแรกเขาเป็นบุรุษชราที่ดูมีอายุประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบปี ทว่าในตอนนี้รูปลักษณ์ของเขากลับเปลี่ยนเป็นบุรุษที่มีอายุน้อยลงหลายสิบปีในทันที
ฉินชวนชะงักนิ่งไปและไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เป็นพักใหญ่ ทุกคนในตระกูลฉินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ทว่าในที่สุดเมื่อทุกคนเรียกสติกลับคืนมาได้ พวกเขาก็แสดงความยินดีกับฉินชวนอย่างมีความสุข
“ขอบคุณคุณหนูขอรับ !”
ท่ามกลางความยินดีจากทุกคน ในที่สุดฉินชวนก็เรียกสติกลับคืนมาและกล่าวขอบคุณฉินอวี้โม่ด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเช่นเดิมและเจือด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เดิมทีเขาเคยคิดว่าในชีวิตนี้เขาคงจะไม่มีโอกาสพัฒนาความแข็งแกร่งของตนได้อีก ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะช่วยให้เขาทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตต่อไปได้เช่นนี้ ความแข็งแกร่งในขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุดก็ถือว่ามากพอที่จะทำให้เขาถูกจัดเป็นจอมยุทธ์ผู้ทรงพลังห้าอันดับแรกของทั้งดินแดนหวนหลิงได้
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านปู่ชวนทุ่มเทพยายามอย่างหนักเพื่อคอยคุ้มกันและดูแลความเรียบร้อยให้กับตระกูลฉิน หลังจากกลับมาในครานี้ เกรงว่าโอกาสที่เราจะกลับมาอีกในอนาคตคงมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น เพราะฉะนั้นก่อนกลับไป เราจึงอยากจะทำอะไรสักอย่างให้ตระกูลฉินเพื่อที่จะได้มั่นใจและวางใจได้มากขึ้น”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนบอกให้ฉินขุยเรียกรวมตัวสมาชิกตระกูลฉินทั้งหมด
หลังจากนั้นด้วยพลังของนางและหานโม่ฉือ ความแข็งแกร่งของทุกคนในตระกูลฉินก็พัฒนาขึ้นอย่างถ้วนหน้า ผู้ที่เคยอ่อนแอมากในตอนแรกก็ทะลวงพลังเพิ่มขึ้นหลายระดับในคราวเดียว ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งพอสมควรอยู่แล้วก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกันจนกลายเป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่งของดินแดนหวนหลิงในทันที
เรียกได้ว่าตระกูลฉินในวันนี้ ต่อให้จะต้องเผชิญหน้ากับขุมกำลังทั้งหมดในจักรวรรดิไป๋อวิ๋น พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะได้อย่างไร้ปัญหา
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่และคุณชายขอรับ !”
ทุกคนตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวซึ่งเป็นเสียงที่ดังมากพอจนคนที่อยู่ด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจน ผู้คนที่อยู่รอบจวนตระกูลฉินต่างก็สงสัยใคร่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ข้างในได้เลย
“ฉินเสี่ยวเยี่ย เจ้าอยากไปที่ดินแดนระดับสูงกับเราหรือไม่ ?”
พรสวรรค์ของฉินเสี่ยวเยี่ยคงจะสูญเปล่าเกินไปหากติดอยู่ในดินแดนหวนหลิงแห่งนี้ ด้วยพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ หากไปที่ดินแดนระดับสูง เขาจะมีโอกาสพัฒนาตนเองได้อย่างรวดเร็ว ฉินอวี้โม่จึงต้องการให้เขาติดตามไปที่นั่นด้วยกัน
“คุณหนูใหญ่ขอรับ ท่านจะรับข้าเป็นศิษย์ได้หรือไม่ ?”
ฉินเสี่ยวเยี่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังทันทีและจ้องมองฉินอวี้โม่โดยที่ไม่กะพริบตา
ฉินอวี้โม่ไม่เคยพิจารณาถึงเรื่องนี้มาก่อน ทว่ารู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำถามของฉินเสี่ยวเยี่ย บุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี หากได้รับการฟูมฟักฝึกฝนเป็นอย่างดี เขาจะพัฒนากลายเป็นจอมยุทธ์มากฝีมือที่ไม่อ่อนแอไปกว่านางได้ หากปล่อยให้เขาฝึกวิชาอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อเพิ่มความเร็วในการพัฒนาเติบโต บางทีเขาก็อาจจะกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในอนาคต
“มันจะเป็นเกียรติอย่างมากหากข้าได้มีคุณหนูเป็นอาจารย์และได้มีโอกาสติดตามคุณหนูไปในอนาคตขอรับ”
ฉินเสี่ยวเยี่ยคุกเข่าลงและกล่าวอย่างหนักแน่น
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ทำพิธีคารวะอาจารย์เพื่อขอตัวเป็นศิษย์เถอะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและบอกให้ฉินเสี่ยวเยี่ยทำพิธีคารวะอาจารย์ทันที
“คารวะท่านอาจารย์ ได้โปรดรับข้าผู้นี้เป็นศิษย์ด้วยเถิดขอรับ !”
ฉินเสี่ยวเยี่ยตื่นเต้นอย่างยิ่งและรีบโค้งคำนับฉินอวี้โม่สามครั้งก่อนหันไปโค้งคำนับหานโม่ฉือเช่นกัน
“ลุกขึ้น”
ฉินอวี้โม่โบกมือเล็กน้อยเพื่อให้ฉินเสี่ยวเยี่ยลุกขึ้นตามเดิม
“เราจะพาเจ้าไปที่ดินแดนระดับสูงหลังจากจัดการเรื่องของที่นี่เสร็จสิ้น ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าคงจะพัฒนาเติบโตได้อย่างรวดเร็วทีเดียว”
นางกล่าวกับฉินเสี่ยวเยี่ยและเปิดเผยถึงความคาดหวังที่นางมีในตัวเขา
“ขอรับท่านอาจารย์ ข้าจะทุ่มเทฝึกฝนอย่างสุดความสามารถ !”
ฉินเสี่ยวเยี่ยพยักหน้าหงึกหงักและยืนยันว่าจะหมั่นฝึกวิชาอย่างเต็มที่เพื่อมิให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือผิดหวัง
หลังจากที่ความแข็งแกร่งของทุกคนในตระกูลฉินพัฒนาขึ้นมากแล้ว ฉินอวี้โม่ก็เดินออกไปพบฝูงชนที่กำลังรวมตัวกันอยู่ด้านนอกจวนตระกูลฉิน
หากมีผู้ปกครองเช่นฉีเซิ่งปรากฏตัวในดินแดนหวนหลิงอีก มันจะเป็นเคราะห์ร้ายของผู้คนทั้งดินแดนอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น นางจึงต้องการทำให้ทุกคนในดินแดนหวนหลิงยอมจำนนอย่างสมบูรณ์เสียก่อนเพื่อที่จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตต่อไป