ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าทุกหน่วยงานต่างมีคนที่ไม่ค่อยเอาการเอางาน แต่นั่นก็เป็นส่วนน้อยมาก ไม่อาจเหมารวมทั้งองค์กรได้
ทหารหลายคนปกติออกไปข้างนอกตามอำเภอใจไม่ได้ โดยเฉพาะในหน่วยงานที่เป็นกำลังหลัก คนที่ออกไปข้างนอกได้ตามใจล้วนอยู่หน่วยงานที่ไม่สำคัญ
ไม่เคยเห็นเหล่านักรบที่ปกป้องชายแดนด้วยความยากลำบาก ไม่เคยเห็นเหล่านักรบที่เป็นแนวหน้าในการช่วยเหลือภัยพิบัติต่างๆ ไม่เคยเห็นเหล่านักรบที่ช่วยกู้ภัยยามเกิดแผ่นดินไหว เห็นแต่ทหารที่ใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆแล้วมาเหมารวมทั้งกองทัพ แบบนี้ไม่เรียกตาบอดคลำช้างหรอกหรือ?
“ใช่ แกพูดถูก” เจี่ยซิ่วฟางถูกเสี่ยวเชี่ยนล้างสมองเรียบร้อย
“เวลาสองปีจะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้น สามารถทำให้นิสัยคนเราเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แม่ลองไปคิดดูนะ ทำไมเกษตรกรปลูกถั่วฝักยาวต้องสร้างรั้วไม้ด้วย?”
เปรียบเทียบได้เหมาะมาก เจี่ยซิ่วฟางอินทันทีรีบตอบทันใด
“ถ้าไม่สร้างรั้วมันก็โตพันกันไปหมดสิ ดอกมันก็เกิดน้อยด้วย แถมแมลงยังมากินง่าย ถ้าไม่สร้างรั้วผลผลิตก็น้อย เก็บเกี่ยวทีก็ยาก”
“ต้าหลงถึงได้เหมือนถั่วฝักยาวไงแม่ ถ้าไม่หารั้วให้เกาะ น้องก็จะโตแบบสะเปะสะปะ”
“อ่า…”
ประโยคนี้ทำให้เจี่ยซิ่วฟางเก็บไปคิด โดยเฉพาะตอนกินข้าว พอเห็นลูกชายที่กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยเธอก็ยิ่งสับสน
เสี่ยวเชี่ยนเตะต้าหลงใต้โต๊ะหนึ่งทีจนน้องชายเกือบซี่โครงหมูติดคอ พอเห็นพี่สาวส่งสัญญาณให้ต้าหลงก็รีบกลืนเนื้อลงคอ มองแม่ด้วยท่าทางหวั่นๆ อยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้า
เสี่ยวเชี่ยนเตะอีกทีแล้วถลึงตาใส่ ไอ้น้องบ้าถ้าไม่พูดอีกก็ไม่มีโอกาสแล้วนะโว้ย!
“แม่ เรื่องที่ผมอยากเป็นทหาร แม่คิดยังไง ถ้าแม่ไม่เห็นด้วยจริงๆงั้นผมก็จะไปเรียน”
บนโต๊ะมีเมนูถั่วฝักยาวผัดซี่โครงพอดี เสี่ยวเชี่ยนค่อยๆคีบถั่วฝักยาวให้แม่ เจี่ยซิ่วฟางแทบจะตอบในทันที
“แกอยากทำอะไรก็ทำ! แต่ติดอยู่หน่อย แกต้องให้พี่เขยแกเป็นคนเลือกหน่วยให้ ไปเป็นทหารสองปีก็ต้องตั้งใจฝึก ไม่ใช่ไปหาพรรคพวกทำตัวไร้สาระไปวันๆ”
พ่อเลี่ยวเลิ่กคิ้ว หันมองเสี่ยวเชี่ยน แล้วหันไปมองเจี่ยซิ่วฟาง เชี่ยนเอ๋อใช้เวทมนตร์อะไรเนี่ย?
ภรรยาเขาให้ความสำคัญกับการศึกษาของลูกชายขนาดไหนไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา เชี่ยนเอ๋อลากแม่เข้าไปคุยในห้องแค่ไม่กี่นาที ไปคุยกันยังไงถึงได้ผลดีขนาดนี้?
อวี๋หมิงหลางไม่แปลกใจเลยสักนิด นี่แหละเมียเขา ผู้หญิงจอมเผด็จการที่เชี่ยวชาญเรื่องการล้างสมองประสบการณ์หลายปี
“แม่…” แม้แต่ต้าหลงยังรู้สึกแปลกๆ นี่เขาอุตส่าห์เตรียมเปิดศึกยาวนานกับแม่เลยนะ
เรื่องเป็นตำรวจที่พี่เขยเคยพูดมันล่อตาล่อใจเขามาก ต้าหลงคิดเอาแบบซื่อๆว่า เข้าไปฝึกทหารสองปีพอออกมาก็จะมีหน้าที่การงานมั่นคง เด็กผู้ชายต่างมีความฝันที่จะเป็นฮีโร่ด้วยกันทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่เขาที่อยากใส่เครื่องแบบทำตัวเป็นวีรบุรุษ
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ในเมื่อพี่แกมาพูดให้หมดแล้ว งั้นแกก็ทำตัวดีๆ อย่าทำให้พี่แกผิดหวังล่ะ” เจี่ยซิ่วฟางไว้ใจเสี่ยวเชี่ยนมาก คำพูดของลูกสาวมีอิทธิพลต่อเธอมากจริงๆ
เสี่ยวเฉียงยกแก้ว แล้วหันไปยิ้มให้พ่อเลี่ยวที่นั่งมองอย่างอึ้งๆ “อาเลี่ยวครับ ชนกันหน่อยครับ”
“เราน่ะควรพาเชี่ยนเอ๋อกลับบ้านมาบ่อยๆนะ” พ่อเลี่ยวได้ข้อสรุป บ้านนี้คนที่พูดได้เด็ดขาดที่สุดก็ยังเป็นเชี่ยนเอ๋อสินะ
แม่เสี่ยวเชี่ยนมีนิสัยเปิดเผย ไม่เก็บความคิดไว้ในใจ มีเรื่องอะไรนิดหน่อยก็ต้องระบายออกมา ส่วนต้าหลงก็อยู่ในวัยต่อต้าน เกิดความคิดอะไรก็จะดึงดันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้ได้
เดิมคิดว่าแม่เสี่ยวเชี่ยนจะลงไม้ลงมือกับลูกชาย โมโหไปอีกหลายวัน ปรากฏว่าแค่เสี่ยวเชี่ยนมาพูดเรื่องก็ง่ายขึ้นมาก พ่อเลี่ยวรู้สึกเลื่อมใสในตัวเสี่ยวเชี่ยนสุดๆ
“พี่เขย! ผมดื่มให้พี่หนึ่งแก้ว! อนาคตของน้องเมียพี่อยู่ในมือพี่แล้วนะครับ!” ต้าหลงคิดว่าตัวเองได้เข้าสู่สรวงสวรรค์แล้ว ช่างไม่รู้เลยว่าอันที่จริงเขาได้หลงกลเข้าสู่กับดักของพี่สาวกับพี่เขยต่างหาก
“วางใจได้ มีพี่เขยอยู่ พี่จะทำให้อนาคตในอีกสองปีข้างหน้า ‘ยากจะลืมเลือน’ พอนึกถึงก็จะเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย แล้วนายจะบอกกับตัวเองว่าไม่เสียทีที่เกิดมา เพราะอีกเดี๋ยวนายก็จะได้ไปทำเรื่องที่มีความหมายที่สุด” เสี่ยวเฉียงชนแก้วกับต้าหลง พูดจาแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง หากตีความให้ดีจะเป็นอะไรที่น่าสยองสุดๆ
เฉินจื่อหลงเด็กโง่ไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น ชนแก้วกับพี่เขยอย่างมีความสุข รู้สึกว่าตัวเองใกล้เป็นผู้ใหญ่เข้าไปอีกขั้น
หลังกินข้าวเจี่ยซิ่วฟางไล่เสี่ยวเชี่ยนที่จะช่วยล้างชามออกไป ลูกสาวไม่ค่อยได้กลับบ้าน พอกลับมาก็ไม่อยากให้เหนื่อย อวี๋หมิงหลางขยิบตาให้เธอจนตาแทบเป็นตะคริวแล้วกว่าเสี่ยวเชี่ยนจะทำตามที่เขาต้องการ
“แม่ เดี๋ยวคืนนี้หนูกับหมิงหลางกลับไปนอนบ้านของเราสองคนนะ จะได้ดูด้วยว่ามีตรงไหนต้องซ่อมหรือเปล่า”
เดิมเจี่ยซิ่วฟางอยากให้ลูกสาวกับลูกเขยนอนบ้านนี้ พอได้ฟังเสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนั้นก็ไม่สบอารมณ์เท่าไร
“ดูบ้านไปพรุ่งนี้ตอนกลางวันไม่ได้เหรอ? คืนนี้นอนที่นี่แหละ ผ้าห่มก็เอาไปตากเตรียมพร้อมให้หมดแล้ว”
“บางอย่างมันต้องดูตอนกลางคืนถึงจะรู้แม่ ดูว่ามันเรียบหรือเปล่าอะไรงี้ กลางวันมองไม่ออกหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นหนูกลับมานะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดโกหกตาไม่กระพริบ
“แกกลับมาพรุ่งนี้ก็ได้ แต่หมิงหลางห้ามมาด้วย ห้ามเจอหน้ากันก่อนแต่งงานหนึ่งวัน” เจี่ยซิ่วฟางกำชับ วันมะรืนเป็นงานแต่งของเสี่ยวเชี่ยน ตามธรรมเนียม พรุ่งนี้เย็นว่าที่บ่าวสาวก็ห้ามอยู่ด้วยกันแล้ว กลางวันยังพอได้
เสี่ยวเชี่ยนขานรับแล้วดันตัวเสี่ยวเฉียงออกไป พอออกมานอกบ้านเขาก็รีบจูงมือเธอทันที
เสี่ยวเฉียงน้อยอดทนมานานแสนนานเหลือเกินแล้ว ก่อนหน้านี้เขารีบเคลียร์งานจนกลับบ้านดึกดื่นเพื่อให้ตัวเองหยุดมาแต่งงานได้ ไม่มีเวลาได้สวีทกับเมียจ๋า อดทนมาจนถึงตอนนี้มันสุดจะทนแล้ว บ้านนี้ห้องก็ไม่เล็กแต่ว่าเก็บเสียงไม่ดี ไม่สะดวกทำภารกิจเท่าไร โชคดีที่เมียเขาเป็นคนฉลาด รู้จักหาโอกาสมามอบสวัสดิการให้เขา
“สมองของนายน่ะคิดแต่เรื่องไร้สาระใช่ไหม เอาแต่คิดอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์?” เสี่ยวเชี่ยนแซะอวี๋หมิงหลาง
“ทำไมจะไม่มีประโยชน์? อย่าบอกนะว่าคุณไม่คิดน่ะ?”
คนบางคนอาศัยความเมาเล็กน้อยกล้าพูดออกมาได้ทุกอย่าง เสี่ยวเชี่ยนอึ้งไปกับคำพูดหน้าไม่อายของเขา วิ่งไล่ทุบแต่เสี่ยวเฉียงก็วิ่งหนี ทั้งสองคนวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนานออกมาจากตึก พอเห็นคนยืนถือของอยู่ตรงประตู เดิมเสี่ยวเชี่ยนจะวิ่งผ่านไป แต่เสี้ยววินาทีที่เธอเหลือบมองก็รู้สึกว่าคนๆนี้หน้าคุ้นๆ เธอจึงหยุดวิ่ง
คนๆนี้เป็นผู้ชายวัยกลางคนหัวล้านด้านบน พุงพลุ้ยเล็กน้อย สีหน้าดูซีดเซียว ในมือหอบหิ้วกล่องของฝากมากมาย
เดิมเสี่ยวเชี่ยนวิ่งผ่านเขาไปได้สองก้าวแล้ว แต่รู้สึกแปลกๆจึงหยุดแล้วหันกลับไปมอง
อวี๋หมิงหลางเองก็รู้สึกผิดปกติ เขาจึงเดินกลับไปหาเสี่ยวเชี่ยน ผู้ชายคนนั้นสังเกตเห็นเสี่ยวเชี่ยนแล้ว ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“หมอเฉิน!”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกคุ้นหน้า เธอกำลังนึกอยู่ว่าเคยเจอที่ไหน…
“พ่อฉิวฉิว!” เรื่องจดจำอัตลักษณ์คนนั้นเสี่ยวเฉียงถูกฝึกมาจนชำนาญ ขอแค่เคยเจอกันเพียงครั้งเดียวเขาก็จำได้
พอได้ยินดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็นึกออก ใช่ พ่อฉิวฉิว!