ตอนที่ 2164 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (5)
ภายในห้องทำงานหรูหรา ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังหลับตาเอนพิงเก้าอี้ขณะที่คาบซิการ์ไว้ที่ปาก “ช่างเป็นวันที่ดีอะไรอย่างนี้” รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้า เขาเอนพิงเก้าอี้นวดขณะที่กำลังดื่มด่ำกับชีวิตอย่างมีความสุข
ปัง!
จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักให้เปิดออกจนชายคนนั้นขมวดคิ้วแล้วลืมตาขึ้นอย่างรำคาญ เมื่อเขาเห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งในชุดกระโปรงหรู เขาก็เอ่ยถาม “เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมาดูว่ามีนางจิ้งจอกที่ไหนมาให้ท่าคุณหรือเปล่า” สาวสวยคนนั้นส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วเดินเข้ามาพร้อมสำรวจรอบๆ ห้อง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าไม่มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในห้อง ในที่สุดเธอก็ผ่อนคลาย
“เธอมาทำอะไรที่นี่ นี่ต้องระแวงกันมากขนาดนี้เลยเหรอ” ชายคนนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ
“อวิ๋นเทียนฉี อย่าลืมที่ว่าที่คุณประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ได้ก็เพราะพ่อของฉันทั้งนั้น!” หลินชุ่ยชุ่ยทิ้งตัวนั่งลงข้างอวิ๋นเทียนฉี “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของฉันฆ่าพี่ชายของคุณและภรรยาเขาให้ คุณจะแย่งสมบัติของพวกเขามาได้เหรอ”
เมื่อได้ยินหลินชุ่ยชุ่ยยกเรื่องในอดีตขึ้นมาอีก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีขณะรีบเดินไปเปิดประตูกวาดตามองไปรอบด้าน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครแอบฟัง เขาก็ปิดประตูแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ต่อไปหยุดพูดเรื่องนี้เลยนะ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปล่ะก็…”
“คุณจะกลัวอะไร นังเด็กอวิ๋นลั่วเฟิงนั่นก็ตายแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ต้องกังวลอีก ยิ่งไปกว่านั้นด้วยอิทธิพลของพ่อฉัน คุณไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลย” หลินชุ่ยชุ่ยเดาะลิ้นแล้วพูดอย่างไม่เห็นด้วย
ก็แค่คนตายคนหนึ่ง เธอไม่เข้าใเลยว่าอวิ๋นเทียนฉีกังวลอะไรอยู่ทั้งวัน
หลิวชุ่ยชุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นเทียนฉีรู้สึกผิด ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะตายแล้วแต่ในอดีตเขาทำเรื่องอะไรลงไปมากมาย เขาก็เลยกลัวว่าวิญญาณของนางจะกลับมาแก้แค้น
“อย่างไรก็เถอะ เรื่องนี้ก็เป็นอดีตดำมืดของพวกเรา หยุดพูดถึงได้แล้ว ไม่อย่างนั้น…” อวิ๋นเทียนฉีหรี่ตาที่เป็นประกายเย็นชา
ถ้าเป็นตระกูลหลินในอดีต อวิ๋นเทียนฉีก็คงกลัวพวกเขา แต่ว่าตอนนี้เขามีอำนาจและทรัพย์สินของตัวเองแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องระวังตัวเท่าแต่ก่อน
“ทำไมคุณถึงต้องปฏิเสธสิ่งที่คุณเคยทำด้วย” หลินชุ่ยชุ่ยยิ้มเยาะ “ปีนั้นคุณแย่งสมบัติของพี่ชายและภรรยาเขา รวมถึงได้กลายเป็นผู้ปกครองของอวิ๋นลั่วเฟิง ใครกันที่ดูถูกเหยียดหยามเธอและยังต้องการไล่เธอออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะแผนใส่ร้ายเด็กนั่นของฉัน คุณคิดว่าคุณจะมีชื่อเสียงดีได้ขนาดนี้เหรอ ตอนนี้นอกจากคุณจะไม่สำนึกบุญคุณแล้ว คุณยังกล้าขู่ฉันอีกเหรอ!”
“เธอ…” อวิ๋นเทียนฉีโกรธเมื่อหลินชุ่ยชุ่ยพูดถึงเขา เขาคิดคำมาเถียงเธอไม่ออกเลย
เมื่อเห็นสีหน้าของอวิ๋นเทียนฉี น้ำเสียงของหลินชุ่ยชุ่ยก็อ่อนลง “คุณสบายใจเถอะ อวิ๋นลั่วเฟิงตายมาห้าปีแล้ว ถึงจะหาศพไม่เจอ แต่เธอไม่มีทางรอดจากระเบิดครั้งใหญ่ขนาดนั้นได้หรอก”
ยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้อวิ๋นเทียนฉียังกังวลอยู่ หลังจากเหตุการณ์ระเบิดที่มหาวิทยาลัยหวาเซี่ยเมื่อห้าปีที่แล้ว ไม่มีใครหาศพของอวิ๋นลั่วเฟิงพบ ราวกับว่าเธอหายไปเฉยๆ
แต่…เมื่อดูจากกล้องวงจรปิดของมหาวิทยาลัย อวิ๋นลั่วเฟิงก็เข้าไปในห้องทดลองพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่ที่น่าแปลกก็คือศพของทั้งคู่หายไป!
“ชุ่ยชุ่ย ผมไม่อยากได้ยินชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงอีก สำหรับผมแล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นฝันร้าย…”
ภายในฝันร้ายของเขา เสี่ยวลั่วที่ยังเด็กกอดขาเขาแน่นขณะร้องขอให้เขายอมให้เธออยู่ แต่เขากลับเตะเธอออกไปและนั่นทำให้เธอได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เด็กน้อยแสดงสีหน้ามาดร้ายแล้วบอกว่าสักวันหนึ่งจะทำให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต!
เขาสะดุ้งตื่นด้วยความหวาดกลัวจากความฝันนั้นอยู่หลายคืน และเขาก็ไม่มั่นใจว่าการที่เขาไล่อวิ๋นลั่วเฟิงออกไปในวันนั้นเป็นเรื่องที่ผิดพลาดหรือไม่…
หลินชุ่ยชุ่ยมองใบหน้าขี้ขลาดของอวิ๋นเทียนฉีแล้วโมโห “ฉันจะบอกอะไรคุณให้ อวิ๋นลั่วเฟิงได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้ และมันไม่ใช่ความผิดของพวกเรา ถ้าคุณเสียใจ คุณก็ตามเธอไปนรกเลยสิ!”
ตอนที่ 2165 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (6)
สีหน้าของอวิ๋นเทียนฉีเปลี่ยนไป ในขณะที่เขาตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง เขาก็เห็นหลินชุ่ยชุ่ยเดินออกไปแล้ว
ประตูถูกปิดลงอย่างแรงจนทำให้เขายิ่งมีสีหน้าดูไม่ได้ เขากำหมัดแน่นขณะที่ความโกรธลุกโชนอยู่ดวงตา
…
บนถนนอันพลุกพล่านไปด้วยกิจการร้านค้ามากมายในหวาเซี่ย ทุกคนกำลังมองไปยังทิศทางเดียวกัน พวกเขาเหลียวหลังมาชี้มือชี้ไม้กันใหญ่
“คนพวกนั้นกำลังคอสเพลย์กันเหรอ”
“ฉันว่าผู้หญิงในชุดสีขาวคนนั้นสวยมากเลยอะ ส่วนผู้ชายที่อยู่ข้างเธอก็หล่อมาก เขาหล่อกว่าดาราในหนังซะอีก”
“เด็กที่ยืนอยู่ข้างหน้าเป็นลูกพวกเขาหรือเปล่า พวกเขาน่ารักมากเลย! ถ้าฉันมีลูกๆ น่ารักแบบนี้ ฉันคงตามใจพวกเขาทุกอย่างแหง…”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา อวิ๋นชูเทียนก็หลบอยู่ข้างตัวอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างหวั่นวิตก กลับกันอวิ๋นเนี่ยนเฟิงเบิกตากว้างแล้วมองไปรอบๆ อย่างสงสัย
“ท่านแม่ สัตว์อสูรที่วิ่งได้พวกนี้คือตัวอะไรขอรับ เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วทำไมสิ่งปลูกสร้างพวกนี้ถึงสูงนัก พวกมันจะพังลงมาทำคนบาดเจ็บหรือเปล่าขอรับ ท่านแม่ เร็ว ดูสิ! มีวิหคมหึมาบินอยู่บนฟ้าด้วย!”
ใบหน้าของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงแสดงความตื่นเต้นขณะที่ชี้ไปยังสิ่งของแปลกใหม่เหล่านั้น แม้แต่ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เมื่อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนเฟิงพูด คนรอบๆ พวกเขาก็มองอย่างเหยียดหยาม พวกเขาคิดว่าคนพวกนี้กำลังแต่งตัวเลียนแบบละครแต่ความจริงแล้วพวกเขาก็เป็นแค่กบในกะลา…
อวิ๋นเซียวยังคงรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ขณะยืนอยู่ข้างๆ อวิ๋นลั่วเฟิง สายตาของเขาไม่ละไปไหนเลยและเมินเฉยความแปลกใหม่เหล่านั้น…
“อวิ๋นเซียว ข้ามีห้องชุดอยู่ที่นี่ พวกเราไปที่นั่นก่อนและข้าจะอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ท่านฟัง” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว
เมื่อก่อนนางทำงานและเรียนหนังสือไปพร้อมกันจึงซื้อห้องชุดไว้ห้องหนึ่ง นางยังไม่ได้ย้ายออกจนกระทั่งตอนนี้ก่อนที่นางจะไปเกิดใหม่ที่แผ่นดินอื่น ดังนั้นสถานที่แรกที่นางจะมุ่งหน้าไปก็คือห้องที่นางเคยซื้อไว้
อวิ๋นเซียวไม่รู้ว่าห้องชุดคืออะไร แต่เขาก็เชื่อในการตัดสินใจของอวิ๋นลั่วเฟิงว่าไม่มีทางผิด ดังนั้นเขาจึงแค่เดินตามนางไปเงียบๆ …
…
ห้องชุดของนางไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่กลางเมืองแสงสีอะไร เพื่อนบ้านก็ธรรมดาทั่วไป และไม่มีใครหยุดนางตอนที่นางเข้าไป ไม่นานพวกเขาก็มาถึงประตูห้องชุด
เมื่อเห็นบานประตูที่คุ้นเคย ดวงตาของนางก็เป็นประกายขณะที่วางมือลงบนลูกบิดประตูเบาๆ พลังฌานเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายแล้วมุดเข้าไปในรูกุญแจ
คลิก!
กลอนถูกปลดแล้วอวิ๋นลั่วเฟิงก็ผลักประตูเดินเข้าไป
“หลายปีมานี้มีคนมาทำความสะอาดห้องชุดนี้ตลอด” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้ว มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยทำความสะอาดห้องชุดนี้ให้…
ตอนที่ใบหน้าของคนคนนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของนาง เสียงชราอันเคร่งครัดก็ดังขึ้น “พวกคุณเป็นใคร เข้ามาได้อย่างไร”
เสียงนี้คุ้นเคยมาเสียจนทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงตัวแข็งทื่อ เมื่อนางหันไปมอง นางก็เห็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู เขากำลังถือไม้กวาดขณะกำกุญแจห้องชุดเอาไว้ที่มือขวา สีหน้าของเขาเดือดดาลขณะที่จ้องแขกไม่ได้รับเชิญพวกนี้…
แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาก็ตะลึงและไม่สามารถละสายตาไปได้ เขาจ้องใบหน้างดงามไร้ที่ติของหญิงสาวตาไม่กะพริบ