ตอนที่ 759 ผู้ชายเย็นชาน่ารักที่สุด
“ถ้าสองวันนี้ฝ่ายบริหารมีคนลาออกก็รีบมาบอกผมด้วย”
จากนั้นก็วางสาย
ทิ้งให้ผู้ช่วยอยู่กับโทรศัพท์โดยที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
เจ้านายของเขาสนใจว่าพนักงานจะลาออกหรือไม่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
–
อีกด้านหนึ่ง
เหนียนเสี่ยวมู่นอนหลับคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่มถานเปิงเปิงไปจนถึงวันรุ่งขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่าภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อวานเธอไม่ได้อาบน้ำไม่ได้กินข้าวก็ผล็อยหลับไป
พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ต้องบอกว่าเหนียวไปทั้งตัวเนื่องจากคลุมผ้าห่มแน่นจนเหงื่อท่วมตัว ท้องส่งเสียงร้องด้วยความหิวโหย
ก่อนที่นาฬิกาปลุกจะส่งเสียงเตือนเวลาเข้างาน เธอก็คลานออกจากเตียงด้วยตัวเอง
เธอชอบขลุกอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนที่นอนข้างๆจนเคยชิน พลิกตัวแล้วควานหาก็เจอแต่ความว่างเปล่า
พอได้สติกลับมาก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋แล้ว
ข้างกายไม่มีอวี๋เยว่หานคอยอุ้ม คอยกอด คอยจูบแล้ว…
แน่นอนว่าเหงา
ไม่เพียงแค่เหงาเท่านั้น
แต่ในเวลานี้ยังคว้าได้แต่ความว่างเปล่า เหนียนเสี่ยวมู่นอนคว่ำอยู่บนเตียงกว่าหนึ่งนาทีถึงจะกลับมาตั้งสติได้
ในอีกห้านาทีต่อมาก็ทำหน้าตาเศร้าสลดเหมือนลูกแมวน้อยที่ถูกเจ้าของทอดทิ้ง ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ…
หลังจากที่กลับมามีสติอีกครั้งก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอวี๋เยว่หานไม่ได้ไล่เธอ แต่เธอเป็นคนเก็บกระเป๋าออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลอวี๋เอง
แอบด่าตัวเองอยู่ในใจแล้วพลิกตัวลงจากเตียง
เธอหาของใช้ประจำวันในห้องถานเปิงเปิงอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็ล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า
ก่อนที่จะออกจากบ้านก็โทรหาบริษัทสายการบินก่อน
เมื่อได้รับการยืนยันว่ายังไม่มีข่าวคราวของถานเปิงเปิง นัยน์ตาก็ฉายแววความเศร้า จากนั้นก็เก็บอาการโดยเร็ว
และออกจากบ้านโดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ตอนที่เดินผ่านร้านขายอาหารเช้าข้างล่างก็ไม่ลืมซื้อแซนด์วิชให้ตัวเองและนมเปรี้ยวอีกหนึ่งขวด
เธอถือไว้ในมือแล้วขึ้นรถแท็กซีไปบริษัท
ทันทีที่มาถึงบริษัทตระกูลอวี๋ ยังไม่ทันได้เข้าไปก็เจอร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยอยู่ที่หน้าประตู
ความสูงของอวี๋เยว่หานบวกกับหน้าตาอันหล่อเหลา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ไม่อาจละสายตาได้ในระยะร้อยเมตร
เหนียนเสี่ยวมู่ชะงักเท้า เงยหน้ามองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า
เขาสวมสูทสีดำทั้งตัวแล้วยังหล่อมากอีกด้วย
ใบหน้าหล่อคมคาย ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ล้วนเป็นแบบที่เธอชอบ
ปลายคางมีเคราขึ้นใหม่ที่ยังไม่ได้จัดการให้สะอาดสะอ้านจึงทำให้เขาดูโทรมไปหน่อยในเวลานี้ แต่ก็ดูเซ็กซีขึ้นเล็กน้อย
พวกเขาสบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไร
อวี๋เยว่หานมาบริษัทตั้งแต่เช้าซึ่งต่างจากเหนียนเสี่ยวมู่ที่เพิ่งเข้ามา
เช้าขนาดนี้เลยเหรอ?
คาดว่าเขาคงยืนอยู่ที่นี่ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้า
เหนียนเสี่ยวมู่ทอดถอนใจ บริษัทตระกูลอวี๋ออกจะใหญ่ขนาดนี้ เวลาทั้งวันก็ออกจะยาวนาน ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมาเจอกันในเวลานี้ได้ ทว่าหัวข้อซุบซิบที่คนทั้งบริษัทพูดถึงก็คือ——
“วันนี้บริษัทเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น? ตอนที่ฉันมาถึงบริษัทถึงได้เจอคุณชายหาน…”
“ช่วงนี้เป็นเพราะฉันทำเรื่องดีๆ ไว้แน่ๆ สวรรค์ก็เลยตอบแทนให้มาเจอใบหน้าอันงดงามทรงพลังของคุณชายหานตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ วันนี้ฉันคงยิ้มได้ทั้งวันเลย!”
“คงมีแค่ฉันที่สังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ตาของพ่อเทพบุตรหรือเปล่านะ? ฉันพนันว่าเมื่อวานคุณชายหานไม่ได้นอนแน่ๆ…”
“ฉันเห็นด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคางพ่อเทพบุตรของฉันมีเคราแบบนี้ ถึงมันจะมีอยู่หน่อยๆ แต่ก็มองข้ามไปได้ เพราะความเซ็กซีทำให้ฉันไม่อาจละสายตา เลือดกำเดาเกือบจะไหลออกมาแล้วเชียว…”
“……”
อาจจะไม่มีใครเคยเห็นว่าอวี๋เยว่หานเข้าบริษัทมาตั้งแต่เช้าและยังยืนอยู่ชั้นล่างตลอด
ตอนที่ 760 คอยภรรยา
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่รู้เรื่องดังกล่าว
สิ่งที่เธอว้าวุ่นใจในตอนนี้ก็คือ…จะเดินเข้าไปทักทายหรือแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วตรงเข้าบริษัทไปเลย
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะต่อสู้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ สายตาอวี๋เยว่หานก็เลื่อนจากใบหน้าเธอลงไปยังอาหารเช้าที่เธอถืออยู่ในมือ…
อาหารเช้าชุดใหญ่ ดูแล้วความอยากอาหารของเธอช่างดีเหลือเกิน
ใบหน้าที่แดงระเรื่อดูไม่ออกว่าเธอนอนหลับไม่เพียงพอเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันกลับมีหน้าตาแจ่มใสเหมือนนอนเต็มอิ่ม
เมื่อเอาคนตรงหน้ามาเทียบกับเขาที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน หลังจากเธอจากไป สภาพอยู่ดีแบบนี้ทำให้เขาต้องเสียอารมณ์
ดวงตามืดมิดราวกับสระน้ำลึก มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร
มีเพียงสายตาที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อนเล็กน้อย
เขาจ้องเธออยู่นาน ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าเตรียมจะเดินเข้าไปคุยกับเขา ทันใดนั้นเขาก็หันกลับเดินเข้าบริษัทตระกูลอวี๋
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เหนียนเสี่ยวมู่ยืนนิ่งอยู่กับที่พลางจ้องมองร่างที่ค่อยๆหายไปต่อหน้าต่อตาด้วยความงุนงง สักพักก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานเรียกชื่อเธอ เธอเอื้อมมือมาแตะจมูกแล้วเดินตามเข้าไปในบริษัท
ทันทีที่ถึงแผนกประชาสัมพันธ์ก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานในแผนกเข้ามาล้อมตัวเธอ
แย่งกันถามจนฟังไม่ได้ศัพท์
“ผู้จัดการเหนียน คุณเห็นหรือยัง?”
“พวกเธอเห็นกันหมดแล้ว ผู้จัดการเหนียนก็คงเห็นแล้วแน่ๆ”
“ผู้จัดการเหนียนรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? เล่าให้พวกเราฟังหน่อย ทุกคนสงสัยจนไม่มีกะจิตกะใจทำงานแล้ว…”
“จริงด้วย เมาท์หน่อย! แฉหน่อย!”
“ถามคำถามอะไรกันเนี่ย? หลีกไป ฉันเอง!” เสี่ยวเสี่ยวเบียดมาอยู่ด้านหน้าพร้อมกับโผเข้าหาเหนียนเสี่ยวมู่
เหนียนเสี่ยวมู่ทำหน้าไม่สบอารมณ์เพราะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังถามเรื่องอะไรกันอยู่
หลังจากเรียบเรียงประโยคได้สักพักก็ถึงจะเอ่ยปากด้วยความตื่นเต้น
“เช้านี้ตอนที่ทุกคนมาทำงานที่บริษัทล้วนได้เจอคุณชายหานที่ชั้นล่าง ผู้จัดการเหนียน คุณไม่รู้อะไร ฉันมาบริษัทตระกูลอวี๋ก็เพื่อจะได้สัมภาษณ์กับคุณชายหานผู้หล่อเหลา พอตอนนี้ได้มาเจอพ่อเทพบุตรตอนมาบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่ นอกจากฮึกเหิมแล้วยังสงสัยอยู่ลึกๆ นั่นก็คือ——”
เสี่ยวเสี่ยวหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นสายตาคาดหวังของเพื่อนร่วมงานทั้งหมดในแผนกก็หันไปทางเหนียนเสี่ยวมู่
ใบหน้าทรุดลง
“คุณรู้ไหมว่าพ่อเทพบุตรของฉันเป็นอะไร? เขาไม่เคยเข้าบริษัทเช้าขนาดนี้มาก่อน ถึงจะเป็นอย่างงั้นเขาก็จะตรงเข้าห้องทำงานไปเลย แต่ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะยืนอยู่ข้างล่างตั้งนานสองนาน ท่าทางแบบนั้นแทบจะกลายเป็นคนคอยเมียไม่มีผิด…”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” ? ?
เหนียนเสี่ยวมู่คิดมาตลอดว่าการเจออวี๋เยว่หานข้างล่างเป็นเรื่องบังเอิญ
พอได้ยินที่เพื่อนร่วมงานพูดก็นิ่งไปสักพัก
ถ้าไม่มีคำพูดอื่นทิ้งเอาไว้ตัวเองก็คงไม่รู้ จากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องทำงานผู้จัดการ
เธอซ่อนตัวอยู่หลังคอมพิวเตอร์ทำงานของตัวเองพลางแอบใช้มือถือเข้า
อินเทอร์เน็ตหรือระบบเครือข่ายภายในองค์กร
พบว่าในอินเทอร์เน็ตมีกลุ่มคนที่ชอบซุบซิบนินทาพูดคุยกัน
นอกจากแสดงความตื่นเต้นเมื่อตัวเองเห็นท่านประธานในตอนเช้าแล้ว ยังมีคนไม่น้อยที่กลายเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มส์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
“คุณชายหานน่าจะตั้งใจมาตรวจตราดูว่าในบริษัทมีพนักงานที่ขยันขันแข็งมากน้อยแค่ไหน และในขณะเดียวกันก็จับตัวพวกที่เข้าสายออกไวพวกนั้นด้วย…”
“จากที่ฉันสังเกต วันนี้สภาพคุณชายหานเหมือนจะดูเพลียๆอย่างกับคนไม่ได้นอน แถมยังอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย หรือว่าจะทะเลาะกับคู่หมั้นตัวเอง?”
“ข้างบนพล่ามอะไรกัน? ในสื่อบอกว่ามีคู่หมั้นก็ต้องมีคู่หมั้นอย่างงั้นเหรอ? จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นภาพซักใบเลย พอคนอื่นว่าไงก็ว่าตาม พ่อเทพบุตรของฉันเสียชื่อไปหมดแล้ว!”