886 ยุ่งเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้น เมื่อไหร่ที่ได้วันแล้วผมจะโทรบอกนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ดีครับ”
“ผมว่าสีหน้าของคุณ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ” หวังเย้าพูด “ช่วงนี้ คุณมีความร้อนในตับมากเกินไป ใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้นด้วยนะครับ”
เจิ้งเหว่ยจวินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ตาของเขาแดงก่ําและลมหายใจร้อน ซึ่งเป็นสัญญาณของความร้อนในร่างกายที่สูงเกินไป
“ดื่มน้ําให้มากขึ้น อย่าโมโห และเลี่ยงอาหารมัน” หวังเย้าพูด
“ครับ ขอบคุณ เชียนเชิง” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “ผมจะทําตามที่เขียนเชิงบอก”
ทั้งสองนั่งคุยกันได้สักพัก เจิ้งเหว่ยจวินก็กลับไปในตอนที่มีคนไข้คนแรกของช่วงกลางวันเดินเข้ามา
ในเขตเหอ ที่ไกลออกไปหลายพันไมล์
หลังจากรักษาตัวมาได้สองวัน เสวี่ยซินหยวนก็ฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี
“คุณชาย ผมจะไปดูที่นั่นอีกครั้งหนึ่งครับ” เขาพูด “คณลงยังจะไปที่นั่นอีกเหรอครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม
“ใช่ครับ”
เขาต้องกลับไปในที่ที่เขาพลาดท่า เขาต้องการเอาคืนคนที่ทํากับเขา เสวี่ยซินหยวนไม่ใช่คนที่ใจกว้างมากนัก
อยู่ๆเขาก็ต้องมาพบเจอกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ถ้าเขาไม่ได้ไปรักษากับหวังเย้าได้ทันเวลา เขาอาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ เรื่องต้องไม่จบแบบนี้
“ลุงเสวี่ย ผมว่าลุงไม่ควรกลับไปที่นั่นอีกนะครับ มันอันตรายเกินไป” กั่วเจิ้งเหอพูด
“ผมขอยาแก้พิษจากหมอหวังมาแล้วครับ”
กั่วเจิ้งเหอที่อยู่ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง เขาพอจะรู้นิสัยของอีกฝ่ายอยู่บ้าง
“ผมว่า ลุงน่าจะเปลี่ยนใจแล้วไปตามหาตัวเมี่ยวชิงซาน ฆาตกรที่หายตัวไปดีกว่านะครับ เพื่อที่จะได้รู้ว่ายังมีใครที่เกลียดคนของหุบเขาพันโอสถอยู่อีกบ้าง”
กั่วเจิ้งเหอคิดเรื่องของหุบเขาพันโอสถมานานมากแล้ว โดยเฉพาะวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการถูกวางยาพิษ เขาไม่ต้องการให้เสวี่ยซินหยวนไป เพราะเขาไม่ต้องการให้เรื่องยุ่งไปมากกว่านี้ เขายังไม่อยากเอาตัวเขาเข้าไปยุ่งกับปัญหาที่เกี่ยวกับคนของหุบเขาพันโอสถ ถึงยังไงเขตเหอแห่งนี้ก็เป็นแค่สถานที่ทํางานที่จะส่งให้ตัวเขาเปล่งประกายได้มากขึ้น เขาไม่คิดจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปตลอด จากการจัดการของตระกูล เขาจะอยู่ที่นี่อย่างน้อยสามปี ก่อนจะย้ายไปอยู่ในตําแหน่งที่สูงกว่า
หนึ่งในกฎของเขาก็คือการมีศัตรูในน้องและมีมิตรให้มาก แน่นอนว่า หากมีเรื่องผลประโยชน์ ของเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ยัง ถือว่าไม่ร้ายแรงมาก เป้าหมายของเขาคือการป้องกัน ไม่ใช่การสร้างศัตรูกับคนของหุบเขาพันโอสถ
“คุณชาย ความคิดของคุณชายถูกต้องจริงๆด้วย” เสวี่ยซินหยวนพูด “พวกเขาคงระวังตัวมากขึ้น แล้วการรีบร้อนเอาตัวเข้าไปที่นั่นก็มีแต่อันตรายที่มากขึ้น ผมจะไปสืบเรื่องนี้ต่อเองครับ”
“ดีครับ” กั่วเจิ้งเหอพึงพนักเก้าอี้และหลับตาเมื่อการสนทนาจบลง
บางเรื่องก็ไม่สามารถพูดออกไปตรงๆได้ ไม่อย่างนั้นมันอาจย้อนเข้าตัวได้ ห่างจากเขตเหอไปหลายร้อยไมล์ สถานที่แห่งหนึ่งในป่าทึบ
ชายร่างสูงใหญ่กําลังเดินอยู่ในป่า เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด ร่างกายของเขาเหนื่อยล้า เขาเดินฝ่าป่าหนาทึบเข้าไป
อะไร?
อยู่ๆเขาก็หยุดฝีเท้า เขาจ้องมองป่าที่อยู่ด้านหน้า แขนของเขาขยับ และปรากฏดาบเล่มหนึ่งในมือของเขา
“ใครอยู่ตรงนั้น?” น้ําเสียงที่ฟังคล้ายเสียงสัตว์คําราม
“เป็นถึงลูกหลานของอดีตผู้นํา แต่กลับอยู่ในสภาพยากแค้นแบบนี้ซะได้ จริงไหม?” เสียงชายคนหนึ่งที่ขึ้นที่หลังต้นไม้ แล้วร่างของเขาก็ปรากฏออกมา
เขาสวมชุดผ้าทอมือ เขามีรูปร่างสันทัด ใบหน้าเป็นสีฟ้าดํา และดวงตาแดงก่า
“มันเป็นแก! แกยังไม่ตาย!” ชายร่างสูงประหลาดใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย
“ก็อย่างที่แกเห็น ฉันยังไม่ตาย” ชายในชุดผ้าทอมือพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายถูกใส่ร้ายและกําลังเป็นที่ต้องการตัว” ชายในชุดผ้าทอมือพูด “นายคิดจะไปที่ไหน? หรือคิดจะซ่อนตัวอยู่ในป่าไปตลอด?”
“อยากจะพูดอะไรก็พูดมา” ชายร่างสูงพูด
“มากับฉัน” ชายในชุดผ้าทอมือพูด “ท้ายที่สุดเราก็เป็นคนกลุ่มเดียวกันและอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แล้วเราก็ยังมีศัตรูคนเดียวกันด้วย แกคนเดียวจัดการกับเขาไม่ได้หรอก”
“แกหมายถึงลุงซีเหอเหรอ?”
“ทําไมตํารวจสองนายถึงมาโผล่อยู่ที่บ้านของแกได้ล่ะ?” ชายในชุดผ้าทอมือถาม “ทําไมมือกับศพอยู่ๆถึงไปปรากฏอยู่ในบ้านของแก? แล้วทําไมถึงต้องเป็นตอนที่พวกเขามาด้วย? ทั้งหมดนี้ก็เพราะ พวกเขาต้องการแพะรับบาปยังไงล่ะ สถานะของแกค่อนข้างพิเศษ และเป็นเหตุผลที่แกถูกเลือก แต่แกก็ยังเรียกเขาว่าลงถูกคนขายแล้วยังไปช่วยเขานับเงินอีก!”
“ทําไมแกถึงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านดีแบบนี้? หรือแกกลับไปที่นั่นมา?”
“ฉันมีวิธีก็แล้วกัน” ชายในชุดผ้าทอมือพูด “มากับฉันสิ!”
“ฉันไม่เชื่อว่าลุงซีเหอจะทําแบบนี้” ชายร่างสูงเงียบไปสักพัก
“ฮาฮา..ชิงชาน แกยังซื้อเหมือนเดิมเลยนะ” ชายในชุดผ้าทอมือพูด “พูดกันว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ทําไมพ่อของแกถึงตายหลังจากที่อดีตผู้นําเสีย นายคิดว่ายังไง?”
“ลองคิดถึงความสามารถของอดีตผู้นําดูสิ มีโรคไหนบ้างที่เขารักษาไม่ได้? ส่วนเรื่องที่อยู่ๆเขาก็ตาย แกต้องเอาไปคิดเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีชาวบ้านน้อยมากที่ตายจากการเจ็บป่วย แต่พ่อของแกกลับป่วยตาย แกไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยเหรอ? มันเป็นเพราะเดี๋ยวซีเหออยากขึ้นเป็นผู้นํายังไงล่ะ เขาเลยวางยาพ่อของแก แล้วยังวางยาอดีตผู้นําด้วย”
“เป็นไปไม่ได้” เสี่ยวชิงชานพูดเสียงดัง “ทําไมพ่อของฉันถึงไม่บอกอะไรเลยล่ะ? แล้วปู่ของฉันยังส่งต่อตําแหน่งให้เขาเองด้วย”
“ความสามารถในการใช้พิษของเมี่ยวซีเหอสูงมาก” ชายในชุดผ้าทอมือพูด “การวางยาพิษคน คนหนึ่งเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขามาก ถ้าพ่อของแกพบอะไรเข้าแล้วแกจะทําอะไรได้? หลักฐานก็ไม่มี เมี่ยวซีเหอมหมู่บ้านหนุนหลัง เหล่าผู้อาวุโสล้วนสนับสนุนเขา เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็แค่ปกป้องแก ทําไมลุงของถึงหนีไปล่ะ? ลองคิดดูสิ!”
“ทําไมแกถึงได้รู้มากขนาดนี้?” เมี่ยวชิงชานถาม
“ทําไมฉันต้องหนีออกไปจากหมู่บ้านล่ะ?” ชายในชุดผ้าทอมือถาม
“เพราะแกทําผิดกฏยังไงล่ะ!”
“กฎเหรอ? ฮาฮา! แกนี้มันเถรตรงเหมือนพ่อของแกไม่มีผิด!”
“นั่นก็แค่ข้ออ้าง” ชายในชุดผ้าทอพูด เขาเริ่มมีท่าทางโมโห “ฉันไปเห็นสิ่งไปที่ไม่ควรเห็นเข้า ฉันได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน ฉันรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ พวกเขาก็เลยอยากฆ่าฉัน ทําไมพ่อแม่ของแกที่แข็งแรงดีถึงได้ตายไปอย่างกะทันหัน? ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์!”
“ทั้งหมดเป็นแผนการของเมี่ยวซีเหอยังไงล่ะ!”
เมี่ยวชิงชานเงียบไป เขาไม่มีทางเชื่อว่าพูดของอีกฝ่ายง่ายๆโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย
“ไม่ช้าก็เร็ว แกจะเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดมา” ชายในชุดผ้าทอมือพูด “ตอนนี้ สิ่งแรกที่แกต้องทําก็คือหาที่อยู่ แกจะซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอก จริงไหม?”
“แกมีทางเหรอ?”
“มากับฉัน วางใจเถอะ ฉันไม่ทําร้ายแกหรอก ฉันก็เป็นอาชญากรที่ถูกตามตัวเหมือนกัน” ชายในชุดผ้าทอพูดกลัวหัวเราะ
เมี่ยวชิงชานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยอมตามติดอีกฝ่ายและหายเข้าไปในป่าลึก
ในหมู่บ้านกลางเขาที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ รถตํารวจสองคันได้ทําลายความสงบของยามเที่ยง
“รถคันนี้แหละ!” ผู้อํานวยการเพิ่งที่ถูกทรมานไปเมื่อวันก่อนเป็นคนนําทาง
เขาไม่เคยถูกรังแกแบบนั้นมาก่อน เขาได้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว หลังจากยืนยันว่าไม่มีอาการบาดเจ็บร้ายแรงที่ส่งผลต่อสุขภาพของเขา เขาก็รีบแจ้งความกับตํารวจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา และได้นําเจ้าหน้าที่ตํารวจมาที่หมู่บ้าน
“ทําไมถึงต้องเป็นหมู่บ้านนี้ด้วย?” เจ้าหน้าที่ตํารวจที่เป็นคนขับพูดขึ้นมา
“ฉันหวังว่าจะไม่ใช่คนคนนั้นนะ”
ผู้อํานวยการเจิ้งพบรถคันที่เลี้ยจื้อจายขับในเวลาไม่นาน
“รถคันนี้แหละ”
“คุณแน่ใจนะ?”
“แน่ใจ 100%” ผู้อํานวยการเจิ้งพูด
พวกเขาเคาะประตู เจี้ยจื้อจายออกมาทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ คุณตํารวจ มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” เขาถาม “โอ คุณนี่เอง คุณรถชนเมื่อวานแรงมากเลยนะ แต่กลับไม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลซะอย่างนั้น คุณน่าจะอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนนะ คราวหน้าคราวหลังก็หัดขับรถระวังๆบ้าง ถ้าคุณตายก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถ้าเกิดไปชนต้นไม้ดอกไม้ขึ้นมามันจะแย่เอา”
“แก แก แก…” ผู้อํานวยการเจิ้งโมโหจนหายใจแทบไม่ทัน เขาเริ่มมีอาการหน้ามืดและเกือบหมดสติไป
“เอ่อ คุณครับ เราอยากให้คุณให้ความร่วมมือในการสืบสวนด้วย” ตํารวจนายหนึ่งรีบพูดขึ้นมา
“ไม่มีปัญหาครับ” เจี้ยจื้อจายพูด “ผมต้องไปสถานีตํารวจไหมครับ?”
“ไม่ต้อง แค่ตอบคําถามเราก็พอ”
“เมื่อวานคุณได้ต่อยคุณเพิ่งรึเปล่า?” ตํารวจถาม
“ผมต่อยเขา” เจี้ยจื้อจายพูด
“ทําไมครับ?” “เขาปากไม่ดี แล้วยังจะทําร้ายผมด้วย ผมก็เลยต้องลงมือก่อน” เจี้ยจื้อจายพูด “แกมันตอแล! แกนั่นแหละที่ทําฉันก่อน!” ผู้อํานวยการเฉิงตะโกนออกไปด้วยความโมโห “พิสูจน์ได้ไหมล่ะ?” เจี่ยจื้อจายถาม
ไม่มีพยานอยู่เลย “แถวนั้นจะต้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ด้วยแน่” ผู้อํานวยการเจิ้งพูด
“เอ่อ คุณเจิ้งช่วยใจเย็นก่อนนะครับ เรากําลังสอบถามอยู่”
“เข้ามานั่งข้างในก่อนสิครับ ยืนอยู่ข้างนอกมันเหนื่อยเกินไป” เจียจื้อจายเชิญพวกเขาเข้าไปในบ้าน “อ้อ คุณรออยู่ข้างนอกนะ” เขาหยุดผู้อํานวยการเจิ้งเอาไว้
“คุณมันชั่วร้าย ทําตัวเหมือนหมาบ้า แล้วยังคิดจะเข้ามาให้บ้านของผมอีก”
“แก แก..” ผู้อํานวยการเจิ้งตัวสั่นเทาไปด้วยความโกรธ
“คุณเพิ่งรอก่อนนะครับ” ตํารวจนายหนึ่งพูด พวกเขาไม่สามารถห้ามปรามเลี้ยจื้อจายได้เลย
“ภรรยา มีตํารวจมาสอบถามเรื่องบางอย่าง ช่วยชงชามาให้พวกเขาทีนะ”
“ได้” หลังได้ยินเสียงร้องบอกของสามี หูเหมยก็เดินเข้ามาในห้อง ตํารวจสองนายทักทายเธอ เธอจึงรีบนํากาน้ําชามาให้พวกเขา
“เชิญดื่มชาได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
เจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งสองนายสอบถามเจี้ยจื้อจายอย่างละเอียดและจดบันทึกลงไป
“อุบัติเหตุของเขาจะเกี่ยวข้องกับผมได้ยังไงล่ะครับ?” เจี้ยจื้อจายถาม “ผมเตือนเขาให้ขับรถ ระวังๆ แต่เขากลับด่าวาผมและยังหาว่าผมปองร้ายเขา หรือเขาจะแกล้งทําเป็นสับสนอยู่?”
“หมอตรวจอาการของเขาแล้วครับ เขาไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร”
“อ่อ เขาขับรถเร็วมาก ผมเห็นกับตาเลย เขาอาจจะดื่มมาด้วยก็ได้นะ”
วันก่อนนั้น เจี่ยจื้อจายได้กลิ่นเหล้าจากตัวผู้อํานวยการเจิ้ง ซึ่งเขาอาจจะดื่มเหล้าขณะขับขี่ก็เป็นได้ ทางโรงพยาบาลตรวจพบแอลกอฮอลในตัวเขา แต่ผู้อ่านวยการเจิ้งจ่ายเงินเพื่อปิดเรื่องนี้เอาไว้
“จากการตรวจของโรงพยาบาล พวกเขาไม่พบแอลกอฮอลในเลือดของเขาครับ”
“จริงเหรอ?”
เจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งสองไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรเลย พวกเขาจึงพาผู้อํานวยการเจิ้ง ไปที่คลินิก ที่นั่นมีการติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ พวกเขาไปขอดูบันทึกย้อนหลัง แต่พวกเขากลับไม่ เห็นภาพการทะเลาะวิวาทของคนทั้งสอง และเห็นเพียงผู้อํานวยการเจิ้งที่เดินออกมาจากคลินิก เท่านั้น
“ทําไมพวกคุณถึงทะเลากันเหรอครับ?”
“เขาผลักผมล้ม”