บทที่ 60 – ความฝัน..?
“ได้โปรด… คบกันฉันด้วยเถอะค่ะ”
คนที่กำลังพูดสิ่งนี้อยู่ก็คือฉัน.. อนาสตาเซีย… ไม่สิ อนาสตาเซียนี่หมายถึงใครกันนะ แล้วคนตรงหน้านี้เป็นใครกันนะ
ทำไมฉันถึงมาสารภาพรักกับเธอ.. ไม่สิ แรกเริ่มเดิมทีที่นี่มันที่ไหน.. ฉันคือฉัน… แต่ฉันเป็นใครกันล่ะ…
อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวรูปงามคนหนึ่ง เธอเป็นคนที่สวยมากๆ คนหนึ่ง ผมสีดำยาวสลวยจนถึงเอว
ดวงตาสีเทาที่ค่อนข้างมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแต่ก็แยกไม่ออกว่าแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร ราวกับว่ามันคือความปกติมากในตอนนี้
แม้ฉันจะรู้สึกว่ามันแปลกแต่กลับยอมรับได้อย่างน่าประหลาด.. เธอตรงหน้าฉันตรงกันข้ามกับฉัน.. เพราะใบหน้าของฉันในตอนนี้เต็มไปด้วยบาดแผลที่กรีดไปทั่วใบหน้าของตัวเอง
ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นความอัปลักษณ์จนยากจะชายตามอง เพราะมันไม่ได้อยู่ในขั้นน่าเกลียดเท่านั้น แต่ยังอยู่ในระดับน่ากลัวเลย
อาจจะเพราะใบหน้าแบบนี้ของฉัน.. เลยทำให้หญิงสาวไม่ทราบชื่อตรงหน้านี้ถอยหลังหลายก้าว…
ในจังหวะที่เธอถอยหลังไปนั้นหัวใจของฉันก็เต้นระรัวด้วยความสับสนและกลัว แม้จะไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้
แต่ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนจะโดนปฏิเสธนี่มันทำให้เธอรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก.. ใช่ เธอจำได้ความรู้สึกนี้มันเหมือนตอนนั้นเลย
ตอนที่เธอสารภาพรักกับเธอคนนั้น.. ผู้หญิงที่เป็นแฟนคนแรกและคนสุดท้ายของเธอคนนั้น… อ่า ใช่ จะว่าไปเธอคนนั้นเองในตอนแรกก็ทำแบบนี้สินะ
พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันบอกกับเธอแบบนั้น ในตอนนั้นเธอไม่ได้ให้คำตออบฉันแต่กลับหลบหนีแทน
และความรู้สึกที่เหมือนจะเจอเรื่องแบบเดียวกับตอนนั้นมันทำให้ฉันอยู่สงบไม่ค่อยได้เท่าไหร่… ไม่สิ.. ตอนนี้นี่เป็นการสารภาพรักครั้งแรกของฉัน
ไอ้ความรู้สึกเดจาวูก่อนหน้านี้คืออะไร.. ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนเกิดขึ้นไปแล้วนั่นน่ะ.. แต่ถึงแบบนั้นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็ยังทำตัวเหมือนกับเดจาวูที่ฉันรู้สึกถึง
“อะ.. เอ่อ.. ขอโทษนะ”
หญิงสาวกล่าวแบบนั้นแล้วก็วิ่งหายไปจากสายตาของฉัน… สิ่งที่รออยู่ตรงหน้าฉันมีแต่ความเปล่าเปลี่ยวราวกับโลกทั้งใบเหลือเพียงฉัน
หิมะสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ก็ตกลงมาใส่ฉันพอดี… ฉันยกมือขึ้นไปข้างหน้าพร้อมกับพึมพำด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า
“หิมะตก..แล้วเหรอ…”
อกหักครั้งแรกในชีวิต.. ไม่คิดว่าจะเป็นอกหักตามเดจาวูเสียอย่างนั้น ฉันยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่น่าเกลียดของตัวเอง
“เป็นเพราะใบหน้านี้หรือเปล่านะ”
ฉันพึมพำกับตัวเอง.. พูดตรงๆ สถานการณ์ในตอนนี้ฉันเข้าใจได้ไม่ดีนักเท่าไหร่ แต่ถึงแบบนั้นตอนนี้หน้าอกของฉันรู้สึกเหมือนถูกช่วงชิงบางอย่างไป
จากคนที่ไม่รู้จัก.. จากการสารภาพที่ยังงงๆ อยู่เลยว่าฉันทำอะไรอยู่.. ไม่สิแรกเริ่มเดิมทีฉันเป็นใครกันแน่ยังไม่แน่ชัดด้วยซ้ำ
เอาเถอะ โลกมันก็ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้แหละ.. จู่ๆ ฉันก็จามออกมาเพราะอากาศที่หนาวเย็น…
ถ้าหากเป็นตามเดจาวู หลังจากนั้นไม่นานพวกเราจะได้คบกันจริงๆ.. ใช่.. มันควรจะเป็นแบบนั้น…
แต่ทว่าเมื่อฉันหลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้ง.. ฉันก็ยืนอยู่กลางถนนทางเดินแถบชุมชนคนอาศัยอยู่ พร้อมทั้งตรงหน้าในระยะสายตาของฉันนั้นเต็มไปด้วยหิมะ
แต่บัดนี้เหมือนกับหิมะได้ระเหยหายไปจนหมด จากสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเพราะหญิงสาวเมื่อกี้นี้ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน
ฉันรู้ดีว่าแม้ฉันจะเหมือนกะพริบตาแล้วมาโผล่ที่นี่.. แต่ในความจริงแล้วตอนนี้คือวันเดียวกันที่ฉันสารภาพรัก..
ไม่สิ ก่อนหน้านี้ที่เธอจะเดินกลับจากการถูกหักอก เธอคนนั้นก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าฉัน..
“เมื่อกี้… ขอโทษด้วยนะ.. ก็แบบพวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน… ฉันไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนั้นออกมาก็เลยตกใจ..”
“……”
เธอพูดกับฉันด้วยท่าทีเคอะเขิน
นี่ยิ่งสร้างความงุนงงให้กับฉัน.. ตามที่ฉันเดจาวูไว้.. มันไม่เป็นแบบนี้นี่.. อย่างไรก็ตามหญิงสาวตรงหน้าก็ยังคงพูดต่อไป
“ที่ฉันบอกว่าขอโทษออกไป.. เพราะฉันไม่สามารถตอบทุกอย่างที่อยู่ในความคิดฉันให้เธอได้ในตอนนั้น”
คำพูดนี้.. มันคือคำพูดเดียวกันกับที่เธอเดจาวู.. แต่ทว่านั่นมันเป็นเหตุการณ์หลังจากนั้นอีกหลายวันไม่ใช่เหรอ..
ไม่สิ.. แล้วฉันจะยึดติดกับเดจาวูทำไมนักหนา.. นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ฉันเจออยู่ตอนนี้มันแปลกประหลาดยิ่งกว่าอะไรอื่น
“แต่พอฉันได้อยู่กับตนเอง…ได้อยู่กับตัวเองในไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันถึงได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง..”
“ฉัน…เองก็ชอบเธอเหมือนกัน หลังจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ เจน”
ไม่.. ไม่ใช่แล้ว โลกนี้ผิดปกติอย่างแน่นอน พอได้อยู่กับตัวเองไม่กี่วันที่ผ่านมา?เห็นชัดๆ ว่าเรื่องมันพึ่งเกิดขึ้นไม่ถึงวัน
แล้วจะมาหลายวันที่ผ่านมาได้ยังไงล่ะ.. นี่.. ต้องเป็นฝันอย่างแน่นอน.. ฉันพึมพำกับตัวเองแบบนั้นก็เลยทำให้ฉันตระหนักรู้ถึงตัวเอง
ใช่แล้ว.. ฉันคืออนาสตาเซีย เจน ไลล่าร์ และก่อนหน้านี้ฉันจำรายละเอียดไม่ได้ แต่จำได้แค่ว่าตอนนี้กำลังแข่งขันเฟสเตอร์กันอยู่
และฉันมั่นใจว่า.. ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่ ถึงจะจำรายละเอียดก่อนจะหลับไม่ได้ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะโลกสุดแฟนตาซีของทางฝั่งนั้นก็ได้
สายตาฉันมองไปรอบๆ ที่ตอนนี้เป็นโลกเดิมของฉันก็จริง แต่กลับมีบางอย่างที่เป็นความแฟนตาซีอย่างเช่นมังกรบินอะไรทำนองนั้น
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า.. สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันคือความฝันซึ่งเกิดจากความทรงจำของฉันอีกทีหนึ่ง.. และคนที่อยู่ตรงหน้าฉัน..
คงจะเป็นแฟนเก่าของฉัน… ฉันมองไปยังหญิงสาวตรงหน้าที่ยื่นมืออออกมาหาฉัน ราวกับกำลังชักชวนให้ฉันเดินไปด้วยกัน
พอมามองดีๆ แล้วถึงจะบอกว่าเธอเป็นคนที่สวย ฉันกลับแยกใบหน้าของเธอไม่ออก แต่ฉันรู้ว่าฉันรู้จักเธอมานาน สนิทกันมาก
และแม้แต่ความรู้สึกรักที่มีต่อเธอในตอนนี้ยังเป็นของจริงแท้อย่างแน่นอน.. ที่ฉันฝันแบบนี้เป็นเพราะฉันคิดถึงเธอคนนั้นยังงั้นเหรอ..?
ช่างเถอะ.. ในตอนนี้ความรู้สึกที่อยากจะสัมผัสความรู้สึกอันอ่อนโยนและหอมหวานนั้นแรงกล้ากว่าหลักเหตผลเชิงตรรกะ ฉันจับมือของเธอแล้วก็ก้าวเดินไปข้างหน้า
พวกเราเดินชิดกันจนไหล่ติดกัน.. ระยะห่างระหว่างเราแทบไม่มี … ตอนนี้มันราวกับว่าพวกเราคบกันมาหลายปีแล้ว..
“แล้วก็นะๆ .. เจนฉันน่ะได้เพื่อนใหม่อีกแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ?ก็ดีแล้วนี่น่า”
“แต่ว่านะ…”
“อะไรเหรอ?”
“ก็แบบเพื่อนใหม่คนนั้นน่ะ เหมือนจะไม่ชอบเจนน่ะ”
เธอพูดแบบนั้นออกมา ฉันก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ทันที ตอนนี้พวกเรากำลังจะเดินไปที่คาเฟ่ ซึ่งมีเพื่อนของเธอคนนี้รออยู่
และเหมือนจะมีเพื่อนของเธอสักคนที่ไม่ชอบหน้าฉันสินะ เอาเถอะถึงฉันจะเป็นแฟนกันแต่ตอนนี้เธอสัญญากับเพื่อนว่าจะไปดูหนังกันถ้าฉันไปด้วยบรรยากาศคงแย่เปล่าๆ
“งั้นเหรอ.. งั้นฉันไม่ไปด้วยจะดีกว่านะ”
“ไม่หรอก แบบนั้นฉันไม่ยอมหรอกนะ ฉันอยากดูหนังกับเจนมากกว่าพวกนั้นด้วยซ้ำ”
“เฮ้ๆ อย่าพูดแบบนั้นสิ มันผิดคาร์แรคเตอร์ที่เป็นมีเพื่อนเยอะแบบเธอนะนั่น”
“และฉันก็มีคาร์แรคเตอร์ที่กลายเป็นสาวคลั่งรักแฟนเหมือนกันล่ะ”
“ไม่คิดว่าจะพูดออกมาได้นะ”
ฉันพูดติดตลกออกไปแบบนั้น อย่างไรก็ตามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มันคือความสุขที่เกิดขึ้นภายในใจของฉันแบบเงียบๆ
ฉันรู้ว่านี่คือความฝัน แต่ทว่าความสุขนี้มันกลับเป็นของจริง.. ฉันอยากจะจดจำสิ่งนี้เอาไว้ อยู่กับสิ่งนี้ตลอดไป..
แต่ฉันรู้ว่าไม่จริง… มันเป็นไปไม่ได้เพราะในตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตื่นแล้ว… โลกเบื้องหน้าเหมือนพร่าเลือนไปทีละนิด.. ทีละนิด
อาการแยกว่านี่คือความฝัน โลกอีกด้านคือความจริงเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ…
“เป็นอะไรเหรอ เจน?”
“เอ่อ.. เปล่าหรอก.. ฉันต้องไปแล้วน่ะ..”
“เอ้ะ งั้นเหรอ งั้นไว้เจอกันใหม่นะ?”
“เข้าใจแล้ว งั้นฉันไปทางนี้”
ฉันชี้นิ้วไปอีกทางที่เป็นทางตรงกันข้ามกับเธอคนนั้น.. ไม่สิ แฟนของฉันต่างหาก เธอยิ้มและพยักหน้าโดยไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นการพบเจอครั้งสุดท้ายของเราในความฝันแบบนี้
ใช่แล้ว ไม่มีฝันไหนหรอกที่จะเป็นฝันที่มีเรื่องราวชัดเจน… ไม่นานฉันก็จะตื่น ไม่.. ฉันก็จะลืมสิ่งที่ฝัน และพอฝันใหม่ก็จะกลายเป็นโลกใบใหม่
ความสุขที่ฉันสัมผัสในตอนนี้ มันไม่สามารถหาได้อีกแล้วในโลกแห่งความเป็นจริง..มันถึงมีค่ากับฉันในตอนนี้มาก
ฉันหันหลังให้กับแฟนสาวของตัวเองแล้วก็เดินจากไปอย่างๆ เงียบๆ.. มุมมองวิสัยทัศน์ของฉันค่อยๆ พร่าเลือนและหายไปจนสุดท้ายฉันก็ลืมตาตื่นในโลกแห่งความเป็นจริง
ทิ้งโลกแห่งความฝันไว้เบื้องหลังและไม่นานก็ลืมในไม่ช้า
“เดี๋ยวก่อน…”
แต่ตอนนั้นเองก่อนที่ฉันจะได้ลืมตาตื่น.. ไม่สิ ฉันลืมตาตื่นไปแล้วแต่เสียงร้องของแฟนสาวฉันเรียกขัดเอาไว้
ทำให้ฉันหยุดชะงักและหันกลับไปมองเธอคนนั้น…
“รักนะ.. แล้วก็ลาก่อน”
สิ้นเสียงดังกล่าวฉันก็ตื่นขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง… แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันไม่ได้เห็นก็คือ.. ภาพหลังจากที่ฉันตื่นไปแล้ว
คือโลกแห่งความฝันทั้งใบที่เงียบสงบไร้สิ้นเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน ไม่มีสัตว์ต่างๆ นานาชนิดมีแต่ตึกสูงที่เงียบสงัด
ราวกับเมืองนี้ทุกคนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย… มีเพียงแฟนสาวของฉันที่ยืนอยู่ตรงนั้นในตอนนี้ เธอโบกมือลาจนฉันตื่นไปในโลกแห่งความเป็นจริง
และ.. น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาช้าๆ…
“ลาก่อนจริงๆ.. นะ ฉันมีความสุขมากเลยล่ะ เจน”
ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าเบาๆ
……..
ถึงจะประกาศหน้าเพจไปแล้วก็เถอะ แต่น่าจะมีคนที่ไม่ได้ตามเพจ ผมเลยมาบอกให้ท้ายตอน คืออันตัวผมนั้นค่อนข้างเครียดในตอนนี้จนสมาธิสั้น เลยทำให้งอกตอนใหม่ไม่ได้สักที ตอนที่ 60 นี้เป็นตอนที่ผมลบเขียนใหม่ประมาณ 5-6 รอบก่อนจะได้ตอนนี้ออกมา (ตอนนี้ผมพึ่งเขียนเสร็จตอนตีสี่ของวันนี้ ว่าง่ายๆ คือตื่นมาตีสามช่วงสะลึมสะลือ ผมเร่งเขียนเพราะถ้าไม่เขียนตอนนี้เดี๋ยวสมาธิสั้นละนะ)
เข้าเรื่อง นิยายเรื่องนี้หลังจบงานแข่งขันเฟสเตอร์ จะเป็นการจบภาคแรก และผมอาจจะต้องพักก่อน เพราะอย่างที่บอกไปด้านบนผมสมาธิสั้นเพราะเครียดช่วงนี้เลยออกตอนใหม่ช้ามากๆ
ดังนั้นเลยจะขอพักไว้ก่อนในตอนที่จบภาคแรก แต่ก็อย่างที่บอกครับแค่ ‘อาจจะ’ เผื่อผมหายเครียดก่อนเขียนภาคแรกจบ ผมอาจจะต่อภาคสองทันทีเลยก็ได้
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันตลอดมาครับ – ผู้เขียน