ตอนที่ 630 สอบเอินเคอ (1)
“เสี่ยวซิงเอ๋อร์ เจ้ารีบหน่อย ! ”
ซือหม่าเช่อนั่งอยู่หน้ากระจกของโต๊ะเครื่องแป้ง มองสำรวจความเรียบร้อยของตนเองในกระจก เห็นว่ายังใช้มิได้เพราะเหมือนสตรีมากจนเกิน
“มาแล้ว มาแล้วเจ้าค่ะ บ่าวว่าคนงามเยี่ยงคุณหนูการจะปลอมตัวเป็นบุรุษยากกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีกนะเจ้าคะ ! ”
“คิ้วต้องเขียนให้หนาขึ้นอีกนิด… ข้าบอกเจ้าซื้อผ้ารัดอกผืนเล็กที่สุดมา แต่ดูสิ มันใหญ่ถึงเพียงนี้จะรัดอกให้เล็กลงได้เยี่ยงไรกัน ? ”
เสี่ยวซิงเอ๋อร์หน้ามุ่ยแล้วกล่าวด้วยเสียงไม่หนักแน่นว่า “ถ้าหาก… ถ้าหากมันหลุด แล้วต่อไปคุณหนูจะทำเยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”
ซือหม่าเช่อเม้มริมฝีปาก “ของเช่นนี้จะหลุดได้เยี่ยงไร ? ช่างเถอะ นี่ก็สายมากแล้วรีบไปหาผ้าไหมมารัดให้ข้า… นี่มันใหญ่เกินไป ! ”
นางนั่งอยู่หน้ากระจกแล้วออกคำสั่ง ส่วนเสี่ยวซิงเอ๋อร์ก็ได้ไปหาผ้าไหมสีขาวมาหนึ่งผืน จากนั้นก็รีบลุกขึ้นทันที “มารัดให้ข้าประเดี๋ยวนี้”
“โอ๊ย…เบา ๆ หน่อยสิ ! ”
“คุณหนูเจ้าคะ นี่มิใช่การหาเรื่องหรือเจ้าคะ ? นี่เพิ่งจะเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศจึงยังมิค่อยร้อนสักเท่าใดนัก คุณหนูลองคิดดูว่าหากเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างแท้จริงแล้วรัดไว้เช่นนี้… คุณหนูจะทนไหวหรือเจ้าคะ ? ที่ปิดบังไว้จะต้องมีคนจับได้แน่นอนเจ้าค่ะ ! ”
ซือหม่าเช่อตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน เพราะสิ่งนี้คือความจริง
“อย่าเพิ่งสนเรื่องนี้เลย รีบไปสอบเอินเคอให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
คุณหนูและบ่าวรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการแต่งตัว ใช้เวลาไป 1 ชั่วยาม ในที่สุดซือหม่าเช่อก็กลายเป็นบุรุษรูปงามในชุดสีฟ้าและสวมหมวกของบัณฑิตเอาไว้
“ตอนนี้ข้าดูเหมือนบุรุษหรือไม่ ? ” ซือหม่าเช่อหมุนตัวไปมาที่หน้ากระจกอย่างพึงพอใจ
“ใต้หล้านี้จะมีบุรุษที่ใบหน้างดงามเยี่ยงนี้หรือเจ้าคะ ? ” เสี่ยวซิงเอ๋อร์พึมพำต่อ “มิมีเคราและมิมีลูกกระเดือกเลย… หากมีคนสังเกตอย่างจริงจังก็คงดูออกว่าเป็นบุรุษมิจริง”
“ไปเถิด ฟ้ายังมิค่อยสว่างนักต้องรีบไปถึงสถานที่สอบก่อนเวลาสักหน่อย”
“คุณหนูยังมิได้กินมื้อเช้านะเจ้าคะ ! ”
“มิต้องกินแล้ว เร็วเถิด เอาหนังสือมาด้วย พวกเราไปสอบเป็นจิ้นซื่อกัน ! ”
……
……
สถานที่สอบเอินเคอตั้งอยู่ในสำนักศึกษาจี้เซี่ย ซึ่งสนับสนุนโดยกั๋วจื่อเจี้ยนและมีติ้งอันป๋อที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของสำนักศึกษาจี้เซี่ยเป็นผู้คุมสอบ
นี่คือการสอบเอินเคอคราแรกในรอบสิบปีนับตั้งแต่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยูขึ้นครองบัลลังก์ ถึงแม้ฝ่าบาทจะมีพระประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ของว่อเฟิงเต้าอยู่ภายใต้ระบบการจ้างงาน แต่ทว่าก็ยังกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้นของบัณฑิตมากมายจนอยากมาร่วมสอบ
“ติ้งอันป๋อเป็นเต้าถายแห่งว่อเฟิงเต้า หากข้าได้รับการว่าจ้างอย่างน้อยก็จะได้เป็นนายอำเภอประจำเขตก่อน ! ”
“ข้ามาเพราะเลื่อมใสและศรัทธาในตัวของติ้งอันป๋อ สำหรับผู้อื่นก็เหมือนล่องลอยไปดั่งปุยเมฆ”
“ติ้งอันป๋อ แท้จริงแล้วท่านเจวี๋ยเยผู้นี้เป็นคนที่ลงมือปฏิบัติจริง หากมีบุญได้อยู่ใต้บัญชาของเขา สิ่งที่ได้เรียนรู้มาชั่วชีวิตถือว่ามิสูญเปล่า ! ”
“มิรู้ว่าติ้งอันป๋อจะออกหัวข้อคำถามแบบใดกัน ได้ยินมาว่ามิเหมือนสมัยชิวเหวยแล้ว”
“อาจจะเกี่ยวข้องกับนโยบายใหม่… เจ้ามิได้เตรียมตัวมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ฮึ ๆ ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเมื่อวานนี้ หลังจากไปกั๋วจื่อเจี้ยนเพื่อลงทะเบียนก็มืดค่ำมากแล้วจึงรีบร้อนไปเสียหมดทุกอย่าง”
“เจ้ามิเคยได้ยินบทกวีบทใหม่ที่ติ้งอันป๋อประพันธ์ขึ้นมาเยี่ยงนั้นหรือ ! ”
“อ่า…เป็นบทกวีแบบใดกัน ? ”
“วันหนึ่งเมื่อต้าเผิงเริ่มโบยบินตามสายลม ขี่พายุหมุนโผทะยานเก้าหมื่นลี้… ! ”
“นี่…” บัณฑิตคนนั้นตื่นตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างมาก เขาทอดถอนหายใจแล้วพึมพำว่า “นี่คือความมุ่งมั่นอันสูงส่งของติ้งอันป๋อ ข้าจะต้องผ่านการสอบให้ได้ ! ข้าจะติดตามติ้งอันป๋อไปชั่วชีวิต ข้าต้องได้เห็นกับตาตอนที่ติ้งอันป๋อขี่พายุหมุนโผทะยานเก้าหมื่นลี้ ! ”
“เจ้าลดเสียงลงหน่อยเถอะ… ! เจ้าเป็นบุรุษนะ ! ”
“…”
ด้านนอกของสำนักศึกษาจี้เซี่ยมีบัณฑิตมากมายอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนล้วนกล่าวถึงติ้งอันป๋อและว่อเฟิงเต้า
นามของฟู่เสี่ยวกวนถูกกล่าวในเรื่องบทกวีเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังเอ่ยถึงยุครุ่งเรืองด้านวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋ และยังถกเถียงกันเรื่องสงครามทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ทำให้นามของเขากลายเป็นตำนาน
นามนี้เป็นแบบอย่างของบัณฑิตส่วนใหญ่ ณ ที่นี้ และเป็นเป้าหมายที่พวกเขามุ่งมั่นจะไปให้ถึง
ดังนั้นสำหรับการสอบเอินเคอในครานี้ พวกเขาจึงปฏิบัติด้วยใจจริง พยายามทำตัวให้เข้าตาติ้งอันป๋อเข้าไว้ การได้ติดตามและอยู่ใต้บัญชาของติ้งอันป๋อ มันสามารถสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเองได้
เมื่อซือหม่าเช่อมาถึงด้านนอกของสำนักศึกษา สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกเลยก็คือมีผู้คนมากมายมารอเข้าสอบ
เสี่ยวซิงเอ๋อร์ติดตามนางเข้าไปด้านใน “ขอทางหน่อย โปรดหลีกทางด้วย… ! ”
“ไอหยา จะรีบไปที่ใดกัน ? เจ้าเหยียบเท้าข้า…” บัณฑิตที่เอ่ยตำหนิกำลังเงยหน้าขึ้นมา “น้องชายท่านนี้ เหตุใดท่านจึงเกิดมารูปงามถึงเพียงนี้กัน ? ”
ใบหน้าของซือหม่าเช่อขึ้นสีแดงระเรื่อทันที โชคดีที่ท้องนภายังไม่ค่อยสว่างมากนัก “พี่ชายท่านนี้ ข้าขออภัยด้วย”
“น้องชายโปรดหยุดก่อน ข้า หยุนซีเหยียนแห่งเฉิงตู มิทราบว่าน้องชายแซ่อันใด ? ”
“อืม…ข้าน้อย ซือหม่าเช่อแห่งหยิงชิว ! ”
“อ่า…ที่แท้ก็คุณชายตระกูลซือหม่านี่เอง ยินดีที่ได้รู้จัก ! ”
“พี่ชายที่แท้ก็เป็นคุณชายตระกูลหยุนนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ! ”
“น้องซือหม่า ใบหน้าของเจ้า…” หยุนซีเหยียนถอนหายใจแล้วยิ้ม “ตลอดสามปีมานี้ข้าได้ท่องเที่ยวไปทั่วหล้า ทว่ายังมิเคยพบเจอบุรุษที่รูปงามเหมือนน้องซือหม่ามาก่อน ไม่สิ ! อย่าว่าแต่บุรุษเลย แม้แต่สตรีเมื่อมาอยู่ตรงหน้าท่านก็เทียบมิได้เลยด้วยซ้ำ… มิรู้ว่าน้องซือหม่ามีพี่สาวหรือน้องสาวหรือไม่ ? ”
ซือหม่าเช่อตกใจเสียจนต้องชะงักไปชั่วครู่ “พี่หยุนหมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
“เฮ้ เฮ้… ข้าขอกล่าวตามจริงกับสหายซือหม่า บัดนี้ข้าอายุจะ 21 ปีแล้วแต่ยังมิพบสตรีที่ชื่นชอบเลย ดูจากความงามของท่านแล้ว พี่สาวหรือน้องสาวก็คงจะงดงามมิแพ้กัน ช่วยแนะนำให้ข้าน้อยรู้จักสักหน่อยได้หรือไม่ ? ”
ซือหม่าเช่อหัวเราะ “ฮิฮิ…” เสียงหัวเราะของนางทำให้หยุนซีเหยียนเกิดความสงสัยขึ้นมาในบันดล
“มิใช่เยี่ยงนั้น…คือเรื่องนี้สำคัญกับข้ามากยิ่งนัก เสียดาย ช่างน่าเสียดายจริงเชียว สวรรค์ช่างมิเห็นใจข้าเลย ! ”
“เสียดายอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“หากน้องซือหม่าเป็นสตรี…แล้วมาเข้าร่วมการสอบเช่นนี้ ! ด้วยใบหน้าเช่นนี้มิรู้ว่าจะมีชายหนุ่มมากมายเพียงใดชื่นชม น่าเสียดาย เสียดายเหลือเกิน ! ”
“คุณชายหยุนมาเพื่อสอบเอินเคอหรือมาหาคู่กันเล่า ? ”
หยุนซีเหยียนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน “แน่นอนว่าข้ามาเพื่อเข้าร่วมการสอบเอินเคอ เพียงแค่สงสัยในความงามของสหายซือหม่าก็เท่านั้น… เมื่อมิกี่วันที่ผ่านมาได้ยินมาว่าติ้งอันป๋อได้เชิญตระกูลผู้นำการค้าทั้งห้าไปรวมตัวกันที่หอซื่อฟาง น้องซือหม่าได้เข้าร่วมด้วยหรือไม่ ? ”
ซือหม่าเช่อหันหลังกลับไป…ทันใดนั้นนางก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าได้เข้าร่วมอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินดังนั้นแววตาของหยุนซีเหยียนก็เปล่งประกายขึ้นมาทันพลัน “ได้ฟังที่พวกเขาเล่าลือกันว่าติ้งอันป๋อช่างรูปงามมากยิ่งนัก เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? ”
“พี่หยุน…ข้าสังเกตว่าเจ้าดูผู้คนที่รูปร่างหน้าตา คนเยี่ยงติ้งอันป๋อรูปร่างหน้าตาสำคัญหรือเยี่ยงไรกัน ? นั่นคือผู้มีวิชาความรู้ ! ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในวันข้างหน้าล้วนได้มาเพราะความรู้ของเขา ! ”
“อือ…ใช่ ! ” หยุนซีเหยียนพยักหน้า “ติ้งอันป๋อประพันธ์บทกวีในงานเลี้ยงจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ใช่ขอรับ…” ซือหม่าเช่อกำลังภูมิใจโดยเผยท่าทีแบบสตรีออกมา เสี่ยวซิงเอ๋อร์เมื่อเห็นดังนั้น จึงรีบดึงแขนเสื้อของนางอย่างรวดเร็วทันที หลังจากนั้นนางจึงรู้สึกตัว รีบยกมือขึ้นปิดปาก แล้วกระแอมไอออกมาสองครา “ในตอนนั้นติ้งอันป๋อมึนเมาจากสุรา เขาลุกขึ้นมาโดยมิได้เตรียมการอันใดเลย จากนั้นก็ประพันธ์บทกวีไร้ชื่อนี้ออกมา ! ”
เมื่อซือหม่าเช่อกล่าวถึงฟู่เสี่ยวกวน นางไม่สามารถหยุดคิดถึงเขาได้ นางกำลังนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นโดยมิทันสังเกตว่าได้มีบัณฑิตมากมายกำลังเดินมาทางนี้ บัดนี้นางกำลังเล่าอย่างตื่นเต้น
“ติ้งอันป๋อก้าวเดินเพียง 2 ก้าวแล้วตะโกนขึ้นมาว่า เสี่ยวเอ้อ เอาพู่กันกับหมึกเข้ามา ! ”