ในกล่องหยกสีดำนั้นมีศิลาหยกชิ้นหนึ่งที่กำลังส่งกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกออกมา
กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกจนน่าตกตะลึงนั้นทำให้ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจและสนใจเป็นอย่างยิ่ง!
“นี่มันคือสิ่งใดกันแน่?”
“เป็นความเย็นยะเยือกที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“……”
หัวหน้าโรงประมูลกล่าว “ข้าจะอธิบายเพียงสั้น ๆ เท่านั้น ศิลาหยกชิ้นนี้ข้าได้มันมาด้วยความบังเอิญ ความเย็นยะเยือกอันแข็งแกร่งนี้คุกคามเป็นอย่างมาก แม้แต่พลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามของข้าก็ยับยั้งเอาไว้ได้ไม่นาน”
หัวหน้าโรงประมูลปิดกล่องนั้น และกล่าวต่อ “แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งใด แต่จากการสังเกตของข้า ของสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะมีความเย็นยะเยือกที่น่าทึ่งเพียงอย่างเดียว มันยังมีพลังที่บริสุทธิ์ สามารถชะล้างพลังที่สกปรกได้”
ความสามารถนี้ สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก แต่ที่จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์มาก
โรงประมูลชางหมางก็คงจะคิดว่ามันไร้ประโยชน์ จึงได้นำมันออกมาประมูลกระมัง!
หัวหน้าโรงประมูลจึงเอ่ยต่ออีกว่า “ข้าเรียกหยกชิ้นนี้ว่าหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์ ราคาประมูลขั้นต่ำไม่จำกัด ราคาประมูลเพิ่มแต่ละครั้งก็ไม่จำกัด ทุกท่านเสนอราคาได้ ณ บัดนี้”
มู่เฉียนซีมองไปที่หยกเย็นศักดิ์สิทธิ์นั้นและกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย หยกเย็นศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้สามารถยับยั้งคำสาปในร่างเจ้าได้ อีกทั้งยังชะล้างคำสาปของเจ้าได้ด้วย ถึงแม้ว่ามันจะกำจัดได้ไม่หมด แต่มันก็สามารถช่วยบรรเทาได้ใช่หรือไม่?”
จิ่วเยี่ยพยักหน้า “อืม!”
มู่เฉียนซีรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันใด “ยอดเยี่ยมไปเลย ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าจะจับต้นชนปลายยังไงดี แต่ของสิ่งนี้ปรากฏขึ้นแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก”
จิ่วเยี่ยเอ่ยถาม “ซีจะประมูลมันให้ข้าเหรอ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าประมูลเองไม่ได้เหรอ”
“ข้าไม่มีเงิน”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น เจ้าหมอนี่ลงมือใหญ่โตมาโดยตลอด มาบอกว่าไม่มีเงินเช่นนี้ ใครจะเชื่อ
“ซีไม่อยากให้ข้าเหรอ?” ดวงตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีพยักหน้า “ได้ได้ได้! ข้าให้ก็ได้ ถึงอย่างไรผู้นำตระกูลอย่างข้าก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองหรือหยกวิญญาณอะไร ก็ถือซะว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ข้ามอบให้องค์ชายจิ่วเยี่ยก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้าดีใจหรือไม่?”
“ดีใจ!” จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง
เขาคว้ามู่เฉียนซีมากอดอีกครั้ง และกล่าวข้างหูนางว่า “ของที่ซีมอบให้ ข้าต้องดีใจอยู่แล้ว หากซีมอบตัวซีให้กับข้า ข้า…”
จิ่วเยี่ยยังพูดไม่ทันจบ มู่เฉียนซีก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคืองว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าฝันไปเถอะ!”
และในตอนนี้เอง เสียงผู้คนก็เริ่มเสนอราคากันขึ้นมาอย่างดุเดือด!
“ร้อยล้าน!”
“ร้อยห้าสิบล้าน!”
“สามร้อยล้าน!”
ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าของสิ่งนี้จะมีประโยชน์อันใดต่อพวกเขา แต่พวกเขาก็คิดที่จะเดิมพันสักตั้ง หากได้ของสิ่งนี้มาครอบครองจริง ๆ ก็นับว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว!
“เจ็ดร้อยล้าน!” นายน้อยหู่ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
แน่นอนว่าเขาก็คิดจะเดิมพันในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน!
มู่เฉียนซีเอ่ยปากตะโกนบ้างว่า “พันล้าน!”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน พันล้าน! การประมูลของโรงประมูลชางหมางในครั้งนี้ได้ปรากฏของที่มีราคาเหยียบพันล้านถึงสองชิ้นแล้ว นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้
นายน้อยหู่กัดฟันกรอด หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้เสนอราคามาครู่ใหญ่แล้ว นึกไม่ถึงว่าการประมูลของชิ้นสุดท้ายนี้นางจะลงมืออีกครั้ง
นายน้อยหู่กล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ “หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าต้องการจะแข่งประมูลกับข้าอย่างนั้นเหรอ เจ้าไม่มีสิทธิ์”
นายน้อยหู่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก “เจ้ากล้ามาดูถูกข้า แล้วเหตุใดข้าถึงไม่มีสิทธิ์ล่ะ”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น “ข้าประมูลหมื่นล้าน!”
ทุกคนในโรงประมูลต่างตกอยู่ในความโกลาหล
หมื่นล้าน!!
นับตั้งแต่โรงประมูลชางหมางได้ก่อตั้งขึ้นมาก็ยังไม่เคยปรากฏราคาประมูลที่สูงถึงเพียงนี้มาก่อนเลย
ท่านเจ้าเมืองเหยียนกับเหยียนเซี่ยฉีที่อยู่ห้องข้าง ๆ ก็ตกตะลึงจนนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่เช่นกัน “มะ มะ หมื่นล้าน!”
จื่อโยวยิ้มอย่างมีเสน่ห์และกล่าวว่า “เพื่อเยี่ยแล้ว คนงามช่างถลุงเงินเป็นว่าเล่นเลยจริง ๆ!”
คำพูดนี้ของเขาได้ดึงดูดความสนใจของกู้ไป๋อีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “ของชิ้นนี้ คนงามประมูลมันเพื่อเยี่ยเชียวนะ ยอมทุ่มหยกวิญญาณมากมายถึงเพียงนี้เพื่อเยี่ย คนงามชอบเยี่ยมากจริง ๆ เจ้าว่าไหม?”
กู้ไป๋อีตอบกลับเสียงเย็นชาว่า “คำพูดของเจ้ามันชักจะมากเกินไปแล้ว”
และสำหรับจิ่วเยี่ยนั้น แม้ว่าหยกวิญญาณจำนวนหมื่นล้านนี้จะเป็นเพียงแค่ตัวเลข แต่เมื่อเห็นมู่เฉียนซีทำเพื่อตนโดยที่ไม่เสียดายเช่นนี้ แน่นอนว่าอารมณ์ของเขาย่อมดีขึ้นมาในพริบตา
และคนที่อยู่ในอ้อมแขนผู้นี้ แน่นอนว่าเขาต้องกอดนางให้แน่นขึ้น
คำสาปของจิ่วเยี่ย นอกจากตัวเขาเอง ก็ไม่มีผู้ใดที่จะรู้ดีไปกว่านางผู้เป็นหมอส่วนตัวผู้นี้แล้วว่ามันน่ากลัวเพียงใด
อย่าว่าแต่หมื่นล้านเลย ต่อให้เป็นแสนล้านนางก็สามารถประมูลของสิ่งนี้มาได้ภายในชั่วพริบตาเดียว
นายน้อยหู่กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “หมื่นล้าน หมื่นล้านนางก็เสนอราคาออกมาได้ ช่างอวดเก่งเสียเหลือเกิน เมื่อถึงตอนนั้นก็อย่ามาตายอยู่ที่โรงประมูลชางหมางก็แล้วกัน”
หมื่นล้าน แม้แต่พวกเขาที่มาจากเมืองหู่เสี้ยวก็ยังไร้ความสามารถที่จะควักออกมา แล้วเหตุใดถึงได้มีคนเสนอราคาเช่นนี้ออกมาได้
นี่เป็นครั้งแรกที่พิธีกรผู้สวยเพริศพริ้งผู้นี้ก็ไม่มีสมาธิเช่นกัน ราคานี้ช่างเป็นราคาที่ไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยจริง ๆ ภายใต้การส่งสายตาบอกเป็นนัยของหัวหน้าโรงประมูล นางจึงได้สติกลับมาและเริ่มนับ “หมื่นล้านครั้งที่หนึ่ง หมื่นล้านครั้งที่สอง หมื่นล้านครั้งที่สาม!”
“ปิดการประมูล!”
สินค้าประมูลชิ้นสุดท้ายเป็นราคาปิดประมูลที่ทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อได้ และการประมูลของโรงประมูลชางหมางในครั้งนี้ก็ได้ปิดม่านจบการประมูลลงอย่างสวยงาม!
“การประมูลได้จบลงแล้ว พวกเราก็น่าจะไปกันได้แล้วล่ะ!” จื่อโยวลุกยืนขึ้นกล่าวอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็เดินออกไป
ส่วนกู้ไป๋อีก็เดินตามออกไปแล้วเช่นกัน ในขณะที่เหยียนเซี่ยฉีอยากจะตามออกไปด้วยแต่กลับถูกท่านพ่อของตนเองห้ามไว้
“ท่านพ่อ ข้าก็อยากจะไปดูเฉียนซีเหมือนกันนะ นางจะอาจหาญเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่านางจะตะโกนราคาหมื่นล้านออกมาได้ หมื่นล้านเชียวนะท่านพ่อ!” เหยียนเซี่ยฉีตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งและรู้สึกนับถือมู่เฉียนซีด้วยใจจริง
เจ้าเมืองเหยียนกล่าว “สองท่านนั้นจะไปปรึกษาเรื่องสำคัญกับแม่นางมู่ สาวน้อยเช่นเจ้าอย่าได้ไปเกะกะพวกเขาเลย”
เหยียนเซี่ยฉีกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “สาวน้อยอะไรกัน เห็น ๆ กันอยู่ว่าเฉียนซีอายุน้อยกว่าข้า”
เจ้าเมืองเหยียนกล่าว “ถึงแม้ว่านางจะอายุน้อยกว่าเจ้า แต่ในฐานะที่ข้าเป็นพ่อ ข้าบอกได้เลยว่านางต้องเป็นปีศาจแน่ ๆ”
เหยียนเซี่ยฉีพยักหน้าเห็นด้วย “ที่ท่านพ่อพูดมาก็ถูก เฉียนซีต้องเป็นปีศาจแน่นอน”
ทันทีที่การประมูลได้สิ้นสุดลง ประตูห้องก็ถูกผลักออก
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีและมองไปที่ชายหนุ่มสองคนผู้นั้นที่จู่ ๆ ก็พรวดเข้ามาด้วยสายตาที่ดูอันตรายเป็นอย่างมาก
จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “เยี่ย เจ้าอย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนี้สิ ข้ากลัวนะ!”
ทว่า กู้ไป๋อีกลับไม่ได้สนใจสายตาคู่นั้นของจิ่วเยี่ยเลยแม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปและกล่าวถามว่า “คุณหนูใหญ่ การประมูลก็ได้จบลงแล้ว เราจะเดินทางกลับเมื่อไหร่?”
นับวันกู้ไป๋อีก็ยิ่งปรับตัวเข้ากับสถานะนี้ของตนเองได้มากขึ้นแล้ว
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกจ้องมองกู้ไป๋อีอย่างเย็นชา และกล่าวว่า “เจ้ากลับไปก่อนได้!”
กู้ไป๋อีจ้องมองไปที่แขนของจิ่วเยี่ยที่กอดมู่เฉียนซีอยู่อย่างแน่นหนา และดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีก็เคยชินกับสิ่งนี้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่านางเคยชินกับสิ่งนี้มาเนิ่นนาน
แววตาของกู้ไป๋อีเคร่งขรึมลง “คุณหนูใหญ่อยู่ที่ไหน ข้าก็จะอยู่ที่นั่น!”
ดวงตาสีดำขลับอันเย็นชาคู่นั้นของกู้ไป๋อีกับดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของจิ่วเยี่ยจ้องมองกันอย่างดุเดือด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
พิธีกรสาวสวยในชุดแดงผู้นั้นกับหัวหน้าโรงประมูลก็เดินเข้ามา ทันทีที่พิธีกรสาวสวยเข้ามาในห้องแล้วนางก็ตกใจนิ่งอึ้งไปทันที
หนุ่มหล่อสาวงามในห้องนี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ทำให้กระทบต่อความมั่นใจในตัวเองของนางเป็นอย่างมาก
หัวหน้าโรงประมูลยิ้มพลางกล่าว “นายท่านทุกท่าน ข้าน้อยนำสินค้าที่พวกท่านประมูลได้มาให้”
ทั้งหมดมีสามชิ้น
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เอาสร้อยคอเส้นนั้นไปมอบให้กับคุณหนูใหญ่เหยียน”
เมื่อสองคนนี้มาอยู่ด้วยกันเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะเข้าใจแล้วว่าสิ่งใดที่เรียกว่าอากาศหนาวเหน็บพื้นดินจับตัวกันเป็นน้ำแข็ง จำเป็นต้องรีบให้พวกเขาแยกกันโดยด่วน