ตอนที่ 737 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (7)
เธอจึงทำได้เพียงเห็นแก่ตัวกลับไป แต่ต่อไปเธอจะกตัญญูต่อคุณหญิงลู่อย่างแน่นอนแล้วจะให้ลูกชายของเธอนับถือท่านเสมือนย่าแท้ๆ
อันที่จริงในใจของคุณหญิงรู้ก็รู้สึกวางตัวไม่ถูกเช่นกัน เธอรู้สึกวู่วามเกินไปในเรื่องของเหวินซินเหมย โชคดีที่แม่และลูกปลอดภัย มิฉะนั้นเธอก็ไม่รู้จะชดใช้ให้เสวี่ยเฉินอย่างไร
เธอลูบหลังมือของหลินจยาอวี่ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ดวงตาของเด็กคนนั้นสวยมากเหมือนที่ปู่ของเขาพูดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเหมือนกับเธอ แต่พอมองโดยรวมทั้งหมดแล้วก็ยังเหมือนเสวี่ยเฉินอยู่ดี”
ความหมายของประโยคนี้ก็คืออยากบอกหลินจยาอวี่ว่าเธอเชื่อว่าเด็กเป็นลูกของลู่เสวี่ยเฉิน
หลินจยาอวี่เกิดความประหม่าในใจ ไม่รู้เลยว่าจะตอบประโยคนี้ว่าอย่างไร
รู้สึกผิดจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว
ลู่เสวี่ยเฉินนั่งลงข้างเตียงแล้วยื่นมือโอบไหล่หลินจยาอวี่เอาไว้ “ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว ลูกผมก็ต้องเหมือนผม แม่ ผมดูรูปถ่ายของผมตอนเด็กๆ แล้วเหมือนผมจริงๆ”
จริงเหรอ แม่ของลู่เสวี่ยเฉินพินิจมองอย่างละเอียด
“ตาหนูได้ยีนเด่นของพ่อแม่มาเต็มๆ โตขึ้นต้องหล่อมากแน่ๆ” แม่ของลู่เสวี่ยเฉินยิ่งมองหลานก็ยิ่งชอบ เธอใจอ่อนและแอบคิดในใจว่าบางทีเหวินซินเหมยอาจจงใจแพร่กระจายข่าวลือก็ได้
เด็กเป็นลูกของเสวี่ยเฉินแน่นอน
อันที่จริงพอมองไปนานๆ ก็พบว่าโครงร่างนั้นคล้ายกับลู่เสวี่ยเฉินตอนเด็กจริงๆ
เธอยื่นมือออกไปอุ้มหลานที่กำลังหลับปุ๋ย ลู่เสวี่ยเฉินจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างวิตก “แม่ ระวังหน่อยสิอย่าให้หลุดมือนะครับ”
คุณหญิงลู่กลอกตามองบนอย่างนึกรำคาญ “แกยังห่วงว่าแม่อุ้มไม่ดีอีก แกดูสิว่าใครคลอดแกมาฮะ ตอนนี้แม่อุ้มขึ้นมาเพื่อจะสอนให้แกว่าต่อไปต้องอุ้มลูกยังไงต่างหาก”
ลู่เสวี่ยเฉินยืนข้างๆ อย่างระมัดระวังแล้วตั้งใจเรียนตามที่คนเป็นแม่สอน
เมื่ออุ้มไปได้ครู่หนึ่ง แม่ของลู่เสวี่ยเฉินก็วางลงลงบนเตียงข้างหลินจยาอวี่ จากนั้นก็จับมือคุยอีกนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าสายมากแล้ว หลินจยาอวี่พึ่งคลอดลูกต้องการเวลาพักผ่อนเยอะๆ ก็เลยขอตัวกลับก่อน
ลู่เสวี่ยเฉินต้องการไปส่งผู้เป็นมารดา แต่คุณหญิงลู่กลับรีบเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องไปส่งแม่หรอก ลูกอยู่ดูแลจยาอวี่ให้ดีๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะมาใหม่”
“หมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็ออกโรง’บาลได้แล้วล่ะครับ พรุ่งนี้ไปที่บ้านเถอะครับ”
“ได้ๆๆ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไปส่ง”
“ให้ผมไปส่งแม่ข้างล่างตึกดีกว่า” ลู่เสวี่ยเฉินมีเรื่องที่อยากพูดกับคุณหญิงลู่เรื่องลูก เพราะเขากลัวว่าเหวินซินเหมยยังคงกลับมาก่อกวนอีก
“ล่างตึกมีอะไรน่าไปส่ง แม่ไม่ได้ไม่รู้จักเส้นทางสักหน่อย…”
สองแม่ลูกเดินไปคุยไป แต่ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกแหลมขึ้นมา “คุณป้าคะ”
เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งมาแต่ไกล สองแม่ลูกก็มีสีหน้านิ่งขรึมไปชั่วขณะ
แววตาของลู่เสวี่ยเฉินพลันมืดมนและเยือกเย็น เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “ใครใช้ให้เธอมา รีบไสหัวไปซะ!”
เหวินซินเหมยมองลู่เสวี่ยเนด้วยสายตาเจ็บปวด จากนั้นจึงหันไปพูดกับแม่ของลู่เสวี่ยเฉิน “ฉันรู้ว่าพวกคุณคิดยังไงกับฉัน ฉันรู้ด้วยว่าการทำแบบนี้มันน่ารำคาญ แต่ฉันไม่อยากให้คุณถูกหลอกจริงๆ นะคะ ฉันสาบานกับฟ้าได้ ฉันได้ยินหลินจยาอวี่พูดว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเสวี่ยเฉินมากับหู มิฉะนั้นขอให้ฉันถูกฟ้าผ่าไม่ตายดี”
ลู่เสวี่ยเฉินกำหมัดแน่น “เธอคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้วฉันไม่กล้าทำอะไรเธออย่างนั้นเหรอ”
ดวงตาอาฆาตเย็นเยียบของลู่เสวี่ยเฉินมองดวงตาสดใสของเหวินซินเหมยราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เธอกลับไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ทั้งยังมองเขาด้วยความรักเต็มเปี่ยมก่อนจะเอ่ยขึ้น “เสวี่ยเฉิน เด็กคลอดออกมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ เพียงแค่ตรวจดีเอ็นเอยืนยันความเป็นพ่อลูกกัน คุณก็รู้เองว่าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วก็จะรู้ว่าฉันไม่ได้โกหกคุณ หรือว่าหลินจยาอวี่โกหกอะไรคุณไว้คะ”
ตอนที 738 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (8)
ลู่เสวี่ยเฉินสบถเสียงเย็น “เธอคิดว่าเธอเป็นใครถึงมาคอยบอกให้ตรวจดีเอ็นเอแล้วต้องฟังเธอ ต่อไปแค่สงสัยเมียฉันอีก ฉันก็ต้องตรวจดีเอ็นเอลูกใช่ไหม”
เหวินซินเหมยพยายามพูดอย่างเต็มที่ “แต่ว่าแค่ตรวจดีเอ็นเอ คุณก็จะรู้ชัดเจนว่าเด็กไม่ใช่ลูกของคุณ”
“เด็กคนนี้เป็นลูกของฉัน ไม่จำเป็นต้องตรวจ”
น้ำเสียงของลู่เสวี่ยเฉินยืนกรานหนักแน่น แต่คุณหญิงลู่ที่อยู่ข้างๆ กลับหวั่นไหว
เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไรแล้ว เพียงแต่คิดว่าเพื่อความสบายใจจึงหันไปมองลู่เสวี่ยเฉิน “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นแกก็ตรวจดีเอ็นเอให้ลูกแกเถอะนะ”
อวี๋กานกานมาเยี่ยมหลินจยาอวี่ เมื่อมองเห็นพวกเขาทั้งสามจากที่ไกลๆ เธอจึงเดินเข้าช้าๆ แล้วเธอก็ได้ยินประโยคท้าย
เมื่อรอฟังจนถึงที่คุณหญิงลู่พูดว่าเต็มใจให้ตรวจดีเอ็นเอ เธอจึงตัวสั่นเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งเข้าไป “ไม่ได้”
เหวินซินเหมยหรี่ตามองแล้วเอ่ยถามทันที “ทำไมจะไม่ได้ พวกเธอเอาแต่บอกว่าเด็กเป็นลูกของเสวี่ยเฉิน ตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหลินจยาอวี่ไม่ดีกว่าหรือ เธอคัดค้านทำไม หรือเพราะว่าใจเสาะ”
เธอเยาะเย้ย “ฉันได้ยินมากับหู หลินจยาอวี่บอกเธอว่าเด็กไม่ใช่ลูกของเสวี่ยเฉิน”
คุณหญิงลู่ต้องการตรวจดีเอ็นเอ แต่เธฮกลับเชื่อมั่นในตัวหลินจยาอวี่
คราวนี้เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของอวี๋กานกานประกอบกับได้ยินในสิ่งที่เหวินซินเหมยพูด จิตใจที่มั่นคงเมื่อครู่นี้ก็เริ่มหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง
อากาศอันน่าอึดอัดเต็มไปด้วยปัจจัยที่ทำให้คนหายใจไม่ออก
อวี๋กานกานที่เย็นชาไม่ตอบคำถามของเหวินซินเหมย เพียงแต่มองไปที่ลู่เสวี่ยเฉินด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ดูว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ลู่เสวี่ยเฉินมีสีหน้านิ่งขรึม แสยะยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยถามผู้เป็นมารดา “แม่ ไม่ว่ายังไงวันนี้แม่จะตรวจดีเอ็นเอให้ได้เลยใช่ไหม”
คุณหญิงลู่ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “เสวี่ยเฉิน นี่มันดีสำหรับลูกนะ”
“แม่ ผมตกลงจะตรวจดีเอ็นเอให้แม่สบายใจ แต่แม่ต้องสัญญากับผมก่อนว่าหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแม่จะไม่ไปเจอกับผู้หญิงคนนี้อีกตลอดชีวิต แล้วไม่อนุญาตให้เธอโผล่หน้ามาที่บ้านอีกเป็นอันขาด…”
ลู่เสวี่ยเฉินพูดพลางชี้นิ้วไปทางเหวินซินเหมย
เหวินซินเหมยเซถอยไปสองก้าวจนแทบยืนไม่ไหว ด้วยม่านน้ำตาในดวงตาของเธอมองไปที่ลู่เสวี่ยเฉิน
อย่างโง่เขลาเสมือนมีดกรีดหัวใจ
เธอเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บปวด “เสวี่ยเฉิน ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพราะหวังดีกับคุณ ทำไมคุณไม่เข้าใจ บนโลกนี้มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่รักคุณจริงๆ ทำไมคุณไม่รับรู้ถึงความจริงใจที่ฉันมีให้คุณเลยล่ะคะ!”
ลู่เสวี่ยเฉินเหลือบมองเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา จากนั้นจึงเยาะเย้ยถากถางด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันมีแต่ความรู้สึกขยะแขยง”
เหวินซินเหมยกัดฟันกรอดๆ หน้าดำหน้าแดง
อวี๋กานกานหัวเราะเยาะ “ตอนนี้มีผู้หญิงบางคนที่ทำให้ผู้หญิงด้วยกันรู้สึกอับอายขายขี้หน้า พยายามแย่งผู้ชายของคนอื่นอย่างเต็มที่จริงๆ แถมยังจะใส่ร้ายป้ายสี ต้องรู้แก่ใจดีว่าตัวเองมีคนเอา สงสัยคงโกรธมากจนอยากให้ตัวเองไม่เคยมีตัวตน”
เหวินซินเหมยโกรธจนหน้าแดงเปลี่ยนเป็นสีม่วง
เธอประชดตัวเองอย่างกล้าทำกล้ารับขนาดนี้ เพราะมีฟังจือหันคอยหนุนหลัง เหวินซินเหมยชี้หน้าอวี๋กานกานอย่างโมโห “เธอมันก็พวกเดียวกันกับนังหลินจยาอวี่ที่ไม่ได้มีเจตนาดี โชคดีที่ฟังจือหันฉลาดและหลงกลเธอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่วันหนึ่งเขามองผ่านต้องมองใบหน้าที่แท้จริงของเธอและรู้ว่าคุณไม่ได้มีเจตนาดี”
“เขาจะดูฉันออกหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าเขาดูเธอออกแน่นอน”