วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1153 สู้กันซึ่งหน้า

ไม่นานหลังจากผู้อาวุโสหนานกงออกมาจากเรือนจำ เขาเดินทางตรงไปที่อเมริกา จากนั้นทันทีที่กลับมาปักกิ่ง เขาได้แอบแฝงตัวเข้าไปเป็นทีมงานของมดราชินีสอง แม้จะมาถึงป่านนี้เขาก็ยังไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของไห่รุ่ย

ในฐานะผู้นำในวงการ โม่ถิงเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง ภายใต้การบริหารของเขา ไห่รุ่ยเป็นบริษัทที่มีซื่อตรงซึ่งได้ชุบเลี้ยงดาราดังและนักแสดงทั้งหญิงชายมามากมาย เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้อาวุโสโม่เกษียณอายุไปแล้ว

ผู้อาวุโสหนานกงกลับมีความสามารถแค่เรื่องสกปรก เขาจะโค่นล้มตระกูลโม่ได้อย่างไร อย่างไรเสียเขาก็เสียเวลากว่ายี่สิบปีไปแล้ว อย่างไรก็ตามหนานกงเฉวียนนั้นซื่อพอจะเชื่อว่าเขาสามารถเลือกเส้นทางที่ใสสะอาดและสู้กับไห่รุ่ยได้…

ไม่นานผู้อาวุโสหนานกงกลับมาที่บ้านซึ่งเพื่อนของเขาช่วยหาให้และเริ่มคุยเรื่องระเบิดที่โรงถ่ายของไห่รุ่ย เพื่อนเขาถอนหายใจก่อนเอ่ย “ไอ้แก่ ขอฉันพูดตามตรงกับนายหน่อยแล้วกัน ฉันถูกปล่อยตัวออกมาก่อนนายไม่กี่ปี แล้วก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับไปเข้าสังคมตามปกติได้

“เราไม่ได้อยู่ในยุคของเราที่จะมาสู้กันและใช้ความรุนแรงแล้ว ทุกอย่างมีกฎหมายรองรับทั้งนั้น แล้วตำรวจสมัยนี้ก็เก่งมาด้วย ฉันไม่คิดว่าทางที่นายเลือกจะไปได้สวยหรอกนะ” ชายคนนั้นว่าขึ้นจากใจจริงขณะพ่นควันบุหรี่ออกมา

“ฉันโทษหลานชายของนายที่อยากจะอยู่ให้ห่างเรื่องเดือดร้อนไม่ได้หรอกนะ กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้มันไม่ง่ายเลย ฉันต้องขอโทษที่มันอาจฟังดูโหดร้าย แต่ถ้าหลานของนายเดือดร้อนเพราะนายอีก ทุกอย่างที่เขาทำลงไปจะสูญเปล่า แล้วก็ถูกของเขานะ ไอ้แก่ ถ้านานสู้กับตระกูลโม่อย่างเปิดเผยไม่ได้ ชัยชนะของนายก็ไม่ควรค่ากับการยินดีหรอก”

“แล้วนายกำลังจะพูดอะไรอยู่”

“เพื่อน นายเป็นคนฉลาด กลับบ้านแล้วไปช่วยหลานขยับขยายชุนชิวซะ นายจะแย่งตัวศิลปินของตระกูลโม่อย่างเปิดเผยได้ มันไม่ได้มีความหมายกว่าการลอบกัดอยู่ในเงามืดเหรอ”

ผู้อาวุโสหนานกงสูบบุหรี่และครุ่นคิดหนักอยู่นาน

“บอกตามตรงเลยนะ เพราะครั้งนี้แผนกำจัดโม่ถิงของนายล้มเหลว ฉันว่านายคงไม่มีโอกาสอีกแล้วล่ะ”

เขากำลังขอร้องให้อยู่ๆ คนที่ลอบกัดออกมาเผยตัวหรือ

“ไอ้แก่ นายเองก็มีประสบการณ์ในวงการมา วิธีสกปรกหลายอย่างถูกใช้ในวงการบันเทิง นายจะไม่โจมตีกลับได้ง่ายกว่าเหรอ ช่วงหลายปีที่ผ่านมาต้องขอบคุณการสนับสนุนของนายจากในคุก ฉันเลยทำเงินได้มาก ถ้านายอยากให้ฉันช่วย ฉันลงทุนกับแผนของนายได้อยู่แล้ว”

ผู้อาวุโสหนานหงสูดควันบุหรี่เข้าปอดลึก สุดท้ายถึงได้พยักหน้าให้ “ขอฉันคิดสักหน่อยแล้วกัน”

แม้ว่าผู้อาวุโสหนานกงจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็ผ่านมายี่สิบปีแล้ว โลกเปลี่ยนไปมาก เขาจะปลดปล่อยนิสัยร้ายกาจของตัวเองได้ที่ไหนอีกนอกจากวงการบันเทิงที่คุ้นเคยมาบ้าง

อย่างที่เพื่อนของเขาว่าไว้ แทนที่จะลอบกัดอยู่ในเงามืด ทำไมไม่ประจันหน้ากับตระกูลโม่อย่างเปิดเผยเสียเลยล่ะ เขาจะตามจองเวรพวกเขาตลอดไป

ใกล้ถึงงานแต่งงานของหนานกงเฉวียนแล้ว เพื่อความปลอดภัยหนานกงเฉวียนไม่ได้เชิญคนมามากนัก ซ้ำทั้งเขาและซูโยวหรานยังไม่ได้มีเพื่อนมากมายนักด้วย

นอกจากเสี่ยวต้านเขอกับคุณนายซู อันที่จริงพวกเขาก็ไม่มีใครให้ต้องเชิญอีก

ด้วยเหตุนี้หนานกงเฉวียนจึงรู้สึกผิดกับซูโยวหราน “ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องแต่งงานกับผมอย่างนี้นะครับ”

“เราไม่ได้มีญาติเยอะนี่คะ มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะกำหนดได้สักหน่อย แขกน้อยแล้วยังไง แขกเยอะแล้วยังไงละคะ ฉันแต่งงานกับคุณไม่ได้แต่งงานกับแขกนะคะ”

หนานกงเฉวียนสูดหายใจลึกก่อนเบาใจลงในที่สุด “ผมจะดูแลคุณให้ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ…”

“แค่นี้ฉันก็พอใจมากแล้วค่ะ โอเคไหมคะ อย่างน้อยฉันก็เป็นที่รู้จักในฐานะคุณนายหนานกงและไม่ได้เป็นแค่ภรรยาของคนมีฐานะบางคน” ซูโยวหรานพูดเย้า “แล้วตอนนี้เราก็ลำบากกันอยู่ แค่ฉันได้อยู่กับคุณ ฉันก็ไม่สนใจอย่างอื่นหรอกค่ะ

“แค่นี้ก็ดีมากแล้ว”

“ผมโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอคุณ” หนานกงเฉวียนเอ่ยพลางกอดซูโยวหรานแน่น

ซูโยวหรานเองก็รู้สึกเช่นนั้น เธอชื่นชมหนานกงเฉวียนจากใจจริง ชื่นชมทั้งความใจกว้างและความสามารถที่ยังเป็นกลางอยู่ได้ ทั้งที่ติดอยู่ระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ไม่ถูกกันของเขา

ไม่นานหลังจากนั้น ซูโยวหรานก็ได้รับของขวัญปริศนา แม้ว่าจะไม่มีชื่อเขียนเอาไว้ เธอก็เดาได้ว่ามาจากถังหนิง

“รับไว้สิครับ!” หนานกงเฉวียนพูดอย่างกลัวว่าซูโยวหรานจะรู้สึกไม่สบายใจ “พวกเขาสองคนดูเอาใจใส่ดีนะครับ”

ในตอนนั้นคู่รักโม่ซึ่งควรจะเป็นศัตรูกลับดีกว่าญาติของเธออย่างพ่อและป้าของเธอเสียอีก

วันต่อมาหนานกงเฉวียนเดินเข้ามาในห้องทำงาน พบว่าปู่ของเขากำลังรอเขาอยู่

เขานึกว่าหลังจากทะเลาะกันวันนั้น ชายแก่คงไม่มาเจอหน้าเขาอีก ใครจะไปคิดกันว่า…

“อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ วันนั้นแกอาจจะพูดจารุนแรงไป แต่มันก็ไม่ได้ไม่มีเหตุผลซะทีเดียวหรอก” ผู้อาวุโสหนานกงเอ่ยขณะนั่งลง “ฉันถึงได้ว่าจะกลับมาและลงทุนกับกิจการของแก”

หนานกงเฉวียนมองปู่ตัวเองอย่างระแวงคล้ายไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย ซ้ำยังกลัวว่าเงินของชายแก่จะได้มาอย่างผิดกฎหมาย

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ทั้งหมดเป็นเงินที่ใสสะอาด ต่อไปนี้ฉันจะไม่สู้กับตระกูลโม่นอกเหนือจากเรื่องธุรกิจแล้ว พอใจแกหรือยัง” ผู้อาวุโสหนานกงเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง

“ปู่แน่ใจเหรอครับ”

“แกคิดว่าฉันจะโกหกแกหรือยังไง” เขาว่าเข้าให้ “แกกำลังจะแต่งงานและต้องการใครบางคนเป็นสักขีพยาน จะทำอย่างกับตระกูลหนานกงไม่เหลือใครเลยจริงเหรอ

“แต่ฉันจะไม่ออมมือสู้กับตระกูลโม่หรอกนะ ยังไงแวดวงบันเทิงก็เป็นวงการมายาและน่ากังขาอยู่แล้ว แกต้องรับปากว่าจะไม่เข้ามาขวางทางฉัน”

“ปู่ครับ ตราบใดที่ปู่ทำตามกฎหมาย ก็ไม่มีใครขวางปู่ได้หรอก” หนานกงเฉวียนตอบ

“ไอ้เวรนี่… ถึงเวลาต้องไปเจอเพื่อนเก่าซะแล้ว”

เมื่อเห็นความจริงใจของปู่ตัวเอง หนานกงเฉวียนระแวงน้อยลง แต่เขายังต้องรอดูว่าชายแก่จะทำตามที่ลั่นคำไว้หรือไม่

ดูเหมือนว่าในโลกใบนี้ เขาจะเป็นคนเดียวที่เป็นห่วงคู่อริมากขนาดนี้

แต่แน่นอนว่าการกลับมาของผู้อาวุโสหนานกงหมายความว่าหนานกงเฉวียนและโม่ถิงคงไม่มีทางนั่งคุยกันได้อย่างเพื่อนปกติแล้ว

อย่างไรเสียความบาดหมางของพวกเขาก็ยังคงอยู่…

เมื่อรู้ถึงการตัดสินใจของผู้อาวุโสหนานกง ซูโยวหรานก็รู้สึกใจคอไม่ดีเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเป็นปู่ของหนานกงเฉวียนเธอจึงต้องยอมรับเขาให้ได้

ส่วนการต่อสู้ของเขากับตระกูลโม่จะจบลงอย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะนึกถึงในตอนนี้

ความจริงแล้วเธอรู้ว่าจริงๆ หนานกงเฉวียนต้องการเพื่อนแท้ข้างกายมากเพียงใด

โม่ถิงเป็นคนที่หนานกงเฉวียนยอมรับตั้งแต่ยังเล็ก น่าเสียดายที่พวกเขาถูกลิขิตมาให้เป็นศัตรูกัน…

ไม่นานผู้อาวุโสหนานกงก็กลับมาที่บ้านตระกูลหนานกงอย่างเป็นทางการและลงทุนในชุนชิว เขายังประกาศว่าต้องการช่วยให้กิจการก้าวหน้าและเติบโต ด้วยเหตุนี้ชุนชิวจึงกลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำสามอันดับแรกในวงการ

พูดได้อีกอย่างคือชุนชิวทั้งร่ำรวยและทรงอำนาจ!

เมื่อเห็นข่าวถังหนิงเอ่ยกับโม่ถิงอย่างเป็นห่วง “เราสองคนก็เห็นผู้อาวุโสหนานกงแอบดูบทของมดราชินีสอง ถ้าเขาอยากจะเล่นสกปรกอีก เราอาจจะเดือดร้อนได้นะคะ”

“แต่การที่ตอนนี้เราสู้กันซึ่งหน้ามันก็ยิ่งน่าสนใจกว่าไม่ใช่เหรอครับ” โม่ถิงถามกลับเสียงเรียบ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
Status: Ongoing
ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset