บทที่ 515 ทุกอย่างเตรียมการไว้แล้ว
มือสองข้างของหนิงเมิ่งเหยากอดเอวเฉียวเทียนช่างเอาไว้แน่น นางสะอื้นไห้ราวกับลูกสัตว์ตัวน้อยที่สูญเสียบิดามารดาไป
หนิงเมิ่งเหยาในตอนนี้ทำให้ใจเฉียวเทียนช่างรวดร้าว เขากอดนางไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ให้นางนั่งบนตักแล้วลูบหลังนางอย่างอ่อนโยน
“เทียนช่าง ข้ายังคงกังวลยิ่งนัก” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยขึ้นมาตอนที่เฉียวเทียนช่างคิดว่านางสงบลงบ้างแล้ว เขามัวคิดเรื่องอื่นอยู่จึงตกใจเล็กน้อย
“ขอเพียงท่านพ่อตาไม่เป็นอะไร เราต้องหาท่านเจอแน่ อีกฝ่ายลงแรงมากมายขนาดนี้ พวกมันไม่ได้หวังชีวิตเขาแน่” เฉียวเทียนช่างกอดหนิงเมิ่งเหยาแล้วอธิบายให้นางฟัง หวังให้นางสงบใจลง
พอได้ฟังเสียงที่แหบไปเล็กน้อยของเฉียวเทียนช่าง หนิงเมิ่งเหยาก็เริ่มรู้สึกดวงตาหนักอึ้ง จนตัวนางพิงอ้อมแขนของเขา แล้วหลับสนิท
เมื่อคืนนางไม่ได้นอนเท่าไรนัก และวันนี้ก็กังวลเรื่องหนานกงเยี่ยน หนิงเมิ่งเหยาจึงไม่อาจทนต่อไปไหว
เมื่อนางหลับสนิทดีแล้ว เฉียวเทียนช่างก็ค่อยๆ วางตัวนางลงบนเตียงก่อนจะเดินออกมา
เขาเรียกพวกคนก่อนหน้านี้กลับมา จากนั้นก็ถามอีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าไม่ได้พลาดอะไรไปก่อนจะให้พวกเขากลับออกไป
เฉียวเทียนช่างทบทวนคำพูดของพวกเขาแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ท่านพ่อตถูกพาตัวไปที่ใดกัน
นอกจากนี้ ทำไมท่านพ่อตาถึงหายตัวไปอย่างกะทันหันโดยไม่มีเหตุผล เกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้นกันแน่
ปัญหาแล้วปัญหาเล่าโผล่ขึ้นมา เฉียวเทียนช่างนวดหน้าผาก รู้สึกไม่สามารถทำอะไรได้เลย
จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้
“ตามหาต่อไป เริ่มจากสืบเรื่องไป๋โม่” สีหน้าเฉียวเทียนช่างเย็นชาเมื่อนึกถึงไป๋โม่
ถ้าชายคนนี้ไม่สร้างปัญหาจะดีที่สุด มิฉะนั้น เขาก็จะไม่ปรานี
“ขอรับ”
หลังจากสั่งการทุกอย่างแล้ว เฉียวเทียนช่างก็ถอนหายใจ เดิมเขาคิดว่าชีวิตจะเรียบง่ายขึ้นเมื่อย้ายมาหมู่บ้านไป๋ซาน ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตเช่นนั้น ปัญหาเอาแต่ผุดขึ้นมาตรงนั้นที ตรงนี้ที ทำให้เขาหัวเสีย
แต่นี่คือบิดาของภรรยาเขา พ่อตาของเขา เขาจะไม่ช่วยได้อย่างไร
หนิงเมิ่งเหยาไม่มีทางสงบใจลงได้ถ้าไม่มีข่าวคราวอะไรเลย เขาไม่อยากให้นางเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้
หนิงเมิ่งเหยาหลับสนิท กว่านางจะตื่นก็กลางดึก
“ทำไมข้าหลับไปนานขนาดนี้” หนิงเมิ่งเหยามองความมืดข้างนอกแล้วเอ่ยอย่างประหลาดใจ
“เจ้าเหนื่อยมาก ถึงได้หลับไปเสียนาน” เฉียวเทียนช่างยิ้มตอบ เขาไม่บอกหนิงเมิ่งเหยาว่าตนจุดกำยานเพื่อช่วยให้นางหลับ และยังกดจุดฝังเข็ม ถ้านางไม่หลับจนถึงตอนนี้ เขาคงต้องสงสัยว่าวรยุทธ์ของตนถดถอยลง
หนิงเมิ่งเหยาขยับคอไปมาแล้วรู้สึกว่าคอของตนแข็ง
“คอของข้าปวดตอนที่นอน แปลกจริง ทำไมวันนี้ข้านอนหลับสนิทเลย” หนิงเมิ่งเหยาพึมพำประโยคสุดท้ายอย่างแผ่วเบา แต่เฉียวเทียนช่างเผอิญได้ยินเข้า
มุมปากเฉียวเทียนช่างยกขึ้น เขาพูดเสียงแผ่วเบา “ไม่เป็นไรหรอก เจ้าควรจะนอนต่ออีกสักหน่อย”
“ไม่ได้ ข้าต้องส่งคนไปตามหาท่านพ่อ” หนิงเมิ่งเหยารีบผลักเฉียวเทียนช่างออกแล้วพยายามลงจากเตียง
เฉียวเทียนช่างดันนางให้นอนลงไปที่เตียง แล้วเอ่ยอย่างไม่อาจทำอะไรได้ “ไยเจ้าต้องหวาดวิตกนัก ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” หนิงเมิ่งเหยางงงวยเล็กน้อยแต่จากนั้นก็ผงกศีรษะ เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
เฉียวเทียนช่างพูดไม่ออก นางวางใจขนาดไหนเชียว แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ให้นางเชื่อเขาดีกว่าไปเชื่อคนอื่น
ทั้งสองนั่งอยู่บนเตียงด้วยกัน แต่ต่างคนต่างคิดคนละเรื่อง
หนิงเมิ่งเหยาเอื้อมมือไปนวดไหล่ตัวเอง นางรู้สึกกระดูกฝืดหลังได้นอนหลับไป
“เทียนช่าง เราต้องหาท่านพ่อ แล้วยังมีไป๋โม่อีก” ทั้งสองหายตัวไปด้วยกัน ถ้าหาคนหนึ่งเจอ ย่อมต้องเจออีกคนแน่นอน
ทว่าในใจของหนิงเมิ่งเหยาเชื่อว่า ไป๋โม่เป็นคนลักพาตัวหนานกงเยี่ยนไป
บทที่ 516 หากพบให้ฆ่าอย่าได้ปรานี
เฉียวเทียนช่างกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วปลอบขวัญนางอย่างนุ่มนวล
“เจ้าอย่ากังวลไปเลย ท่านพ่อตาต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกแค้นเคืองไป๋โม่ ถ้าไม่ใช่เพราะชายผู้นั้นมาที่นี่ บิดาของนางจะหายตัวไปกับเขาได้อย่างไร
“น่าตายนัก อย่าให้ข้าได้เจอเขาเชียว ไม่เช่นนั้นข้าจะตีเขาให้ตาย” หนิงเมิ่งเหยากัดฟันกรอด
เปลือกตาเฉียวเทียนช่างกระตุก ดูเหมือนว่าคราวนี้หญิงสาวจะโกรธมากทีเดียว ไม่เช่นนั้นนางคงจะไม่พูดคำเหล่านั้นออกมา
“ท่านพ่อตาไม่ใช่คนที่ใครจะมาข่มเหงได้ง่ายๆ เจ้าอย่ากังวลไปเลย”
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้พวกนางยังไม่ได้ข่าวอะไร ต่อให้อยากจะทำอะไรก็ไร้ประโยชน์
“จะดีที่สุดถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับไป๋โม่” ถ้าหนานกงเยี่ยนหายตัวไปเพราะไป๋โม่ นางจะฆ่าเขาให้ได้
ดวงตาของเฉียวเทียนช่างเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าไป๋โม่คงจะไม่พ้นถูกเล่นงานในอนาคต
หนานกงเยี่ยนตื่นขึ้นมาพบว่าตนโดนขังอยู่ในห้องหิน แขนขาของเขาก็ถูกล่ามโซ่เหล็กตรวนเอาไว้
สีหน้าของเขาเย็นชา ทันทีที่หนานกงเยี่ยนลุกขึ้นยืน เขาก็ได้ยินเสียงโซ่เหล็กดังก้อง
ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเจื่อน พลางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากออกเดินทางมาพร้อมกับไป๋โม่
หนานกงเยี่ยนขมวดคิ้วมองยังห้องหิน ทำไมอีกฝ่ายถึงจับเขามากัน
เขาค่อยๆ ครุ่นคิดพิจารณาถึงเรื่องนี้ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาสัมผัสไม่ได้ว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องหิน
หมายความว่าเขาอยู่ตามลำพัง
เสียงโซ่เหล็กกระทบกันอยู่บนมือหนานกงเยี่ยนเสียงดัง
“เขาเป็นอย่างไรบ้าง” ชายสองคนคุยกันเสียงเบาอยู่ในห้องที่อยู่เหนือห้องหิน
“เงียบมากทีเดียว”
“หืม”
คนที่ตอบทำหน้าเหมือนตนไม่อาจทำอะไรได้พลางปัดมือไปมา “เขาเงียบยิ่งนัก ไม่แหกปากไม่โวยวาย แต่กลับเงียบจนน่าตกใจ”
“จริงรึ ไม่รู้ทำไมราชครูถึงจับเขามา” ชายคนนั้นพึมพำ
“เจ้าอยากตายรึ เราคุยกันเรื่องราชครูได้หรืออย่างไร”
ชายคนที่พึมพำไม่หยุดรีบหุบปาก จริงด้วย นี่เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปหรืออย่างไร ถึงกล้าซุบซิบถึงราชครู
เสียงพวกเขาค่อยๆ หายไป ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ห้องของราชครู มีชายในชุดดำกำลังคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้น
“คงจะเป็นนิสัยของหนานกงเยี่ยน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็มาดูกันว่าเขาจะทนได้นานเท่าไร” เขาอยากเห็นนักว่าหนานกงเยี่ยนจะทนได้นานเพียงใดเมื่อไม่มีน้ำและอาหาร
“ขอรับ”
ในห้องหิน หนานกงเยี่ยนไม่รู้เลยว่าเวลาข้างนอกผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เขารู้เพียงว่าร่างกายของตนค่อยๆ อ่อนแอลง
สีหน้าหนานกงเยี่ยนไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังคงมองทุกอย่างเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็น
คนพวกนั้นอยากเห็นว่าเขาจะทนได้นานแค่ไหนหรือ เขาอยากรู้ว่าพวกนั้นต้องการทำอะไรกันแน่
ตอนนี้ หนานกงเยี่ยนมั่นใจแล้วว่าคนพวกนั้นไม่ได้ต้องการชีวิตของเขาอย่างแน่นอน ถ้าพวกนั้นหมายหัวเขา เขาคงจะตายไปนานแล้วแทนที่จะถูกนำมาขังไว้ที่นี่
ตราบใดที่พวกนั้นไม่คิดจะฆ่าเขาก็ไม่มีปัญหา
ผ่านไปเกือบเจ็ดวันนับตั้งแต่หนานกงเยี่ยนหายตัวไป หนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ ไม่ได้ข่าวอะไรเลย
แม้หนิงเมิ่งเหยาจะไม่พูดอะไร แต่สีหน้ากังวลของนางก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เฉียวเทียนช่างถอนหายใจแผ่วเบา แล้วเอื้อมมือไปแตะแก้มหนิงเมิ่งเหยา “อย่ากังวลไปเลย ข้าขอให้เสี่ยวชีค้นหาฝั่งนั้นแล้ว”
ในเมื่อทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปเหมียวเจียง แม้จะหายตัวไปก่อน แต่ก็ย่อมเกี่ยวกับเหมียวเจียงแน่นอน
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ นางยกมือขึ้นนวดหน้าผากตัวเอง แล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เทียนช่าง ให้คนไปสืบหาคนที่มาจากเหมียวเจียงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ถ้าหาพวกเขาพบแล้วให้ฆ่าพวกเขาโดยไม่ต้องปรานี”
นางอยากเห็นว่าสุดท้ายแล้ว ใครกันที่จะต้องร้อนรน
เฉียวเทียนช่างยิ้มแล้วผงกศีรษะ “ข้าออกคำสั่งไปแล้ว อันที่จริงก็มีที่เจอตัวบ้างแล้วด้วย”
แม้ว่าจะเป็นเรื่องเมื่อสิบปีที่แล้วและต้องใช้เวลาสืบเรื่องพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดสำหรับเฉียวเทียนช่างและพวกของเขา
หนิงเมิ่งเหยาวางใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ดีจริงที่มีเจ้าอยู่ด้วย”
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเฉียวเทียนช่างคอยช่วยเหลืออยู่เคียงข้างนางตลอดหลายวันมานี้ คอยแนะนำนาง นางคงจะตั้งสติไม่ได้
“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร” หนานกงเยี่ยนดีกับนางเพียงใดเขาเห็นด้วยตาตัวเองมาตลอด ไม่ต้องพูดถึงหนิงเมิ่งเหยาว่าตอนนี้จะรู้สึกเช่นไร