904 เหยียบย่ำกลืนกิน
“นายพูดถูก” หูเหมยพูด“ฉันเห็นสีหน้าของมันนิดนึงด้วย”
“ใช่ มันทําท่าเหมือนกําลังเห็นแมวอยู่เลย”เจี๋ยจื้อจายพูด
“ว่ากันว่าความจริงแล้วหนูฉลาดมาก”หูเหมยพูด“มันอาจจะตกใจกลัวตอนที่นายจับมันมาก็ได้มันเลยเกิดความกลัวฝังใจพอมันเห็นหน้านายอีกครั้งมันก็เลยกลัวขึ้นมา”“จริงเหรอ?”เจียจื้อจายถาม
“จริงสิ” หูเหมยตอบ
“ฉันจะถอยออกไปก่อน”เจี๋ยจื้อจายพูด“เธออยู่ที่นี่ แล้วคอยเฝ้ามันเอาไว้นะว่ามันยังกลัวอยู่รึเปล่า”
หลังจากพูดเสร็จ เจี๋ยจื้อจายก็ลุกขึ้นยืนและถอยห่างออกมา หูเหมยยังคงอยู่ที่เดิมหนูเอาแต่วิ่งไปวิ่งมาอยู่ภายในกรงมันใช้ฟันกัดกรงเหล็กพยายามจะทําลายกรงออกมามันยังคงดูหวาดกลัวและตื่นตระหนกและพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดออกไป
“มันกลัวจริงๆเหรอ?” หูเหมยถาม
“เธอลองถอยออกมา แล้วดูปฏิกิริยาของมันอีกที” เจี๋ยจื้อจายพูดเสียงเบาจากทางด้านหลังของเธอ
หูเหมยเดินถอยไปทางประตูและหันกลับไปมองหนู แล้วความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นหนูสงบลง
มันไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่ามันจะยังเดินไปรอบๆกรงแต่ก็เป็นแค่การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติเท่านั้นไม่ใช่การวิ่งไปมาเหมือนก่อนหน้านี้
“จริงด้วย!” หูเหมยอุทานด้วยความแปลกใจ “อะไรอยู่ในยาที่เชียนเชิงให้พวกเราดื่มกันแน่?”
“ขนาดหนูยังกลัว เฮ้อ ตอนนี้พวกงูคงจําศีลกันหมดแล้ว” แววตาของเจี๋ยจื้อจายกรับกรอกไปมาในตอนที่เขาใช้ความคิดอยู่
“นายเลิกหาเรื่องใส่ตัวได้แล้ว” หูเหมยพูด
“ฉันไม่ทําหรอก” เจี๋ยจื้อจายพูด “ฉันแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น เธอไม่ต้องห่วงยิ้มหน่อยสิ”
เขากลับได้รับการกรอกตาจากอีกฝ่ายแทน
“ภรรยา ฉันรู้สึกว่าเธอยิ่งสวยวันสวยคืน ผิวของเธอก็เนียนนุ่มขึ้นด้วย”เจี๋ยจื้อจายพูด
“ใช่ ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน” หูเหมยพูด มันไม่ใช่แค่ค่าพูดป้อยอจากเจี๋ยจื้อจายร่างกายของเธอเกิดการเปลี่ยนแปลงมันเหมือนกับการได้ย้อนวัยเธอรู้สึกรู้สึกมีแรงมากขึ้นและอ่อนกว่าวัยภายนอกผิวพรรณของเธอดีขึ้นรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าที่ต้องใช้เครื่องสําอางปกปิดก็หายไปและผมขาวที่ซ่อนตัวอยู่ก็กลับกลายเป็นสีดํา นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน
ไม่มีใครไม่ชอบความเยาว์วัย ถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันก็ตามที จิตใจที่เปลี่ยนไปก็มีส่วนสาเหตุสําคัญที่สุดก็คือการที่พวกเขาได้ฝึกบ่มเพาะกับหวังเย้า
“การมาอยู่ที่นี่นัว่าเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมที่สุด!” เจี๋ยจื้อจายพูด
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครน่ะ?”
“ฉันเอง”
“ศิษย์พี่?”
จงหลิวชวนเข้าไปในบ้านของพวกเขา
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” เจี๋ยจื้อจายถาม
“เอ่อ เย็นนี้นายว่างไหม?” จงหลิวชวนถาม
“อืม ว่างสิ” เจี๋ยจื้อจายพูด “มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันอยากชวนพวกนายไปกินข้าวเย็นที่บ้านของฉัน”จงหลิวชวนพูดในช่วงนี้เขารับค่าชวนมาทานอาหารที่บ้านของเจี๋ยจื้อจายอยู่ตลอดแต่เขาไม่เคยเชิญสองสามีภรรยาไปทานข้าวที่บ้านของเขาเลยสักครั้งเขาคิดเรื่องนี้มาได้สักพักแล้วในเมื่อมันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และจงอันซิ นก็อยู่ที่บ้านมันจึงเหมาะกับการรวมตัวกัน
“ได้สิ!” เจี๋ยจื้อจายปรบมือ
“ฉันจะเอาเหล้าไปด้วยสักสองขวด”
“ฉันจะไปช่วยทํากับข้าวเอง” หูเหมยพูด
“ไม่ต้องหรอก พวกนายเป็นแขกของฉัน ฝีมือทํากับข้าวของฉันก็นับว่าไม่เลว”จงหลิวชวนพูดเพื่อดูแลน้องสาวของเขาเขาจึงต้องพัฒนาฝีมือการทําอาหารของตัวเองให้ดีขึ้น
“ก็ได้ เป็นอันตกลง”
“ฉันจะไปชวนเชียนเชิงก่อน”จงหลิวชวนไปที่คลินิก ในคลินิกไม่มีคนไข้พอดี
“คืนนี้เหรอครับ? ได้สิ” หวังเย้าพูด
เรื่องเป็นอันเรียบร้อย จงหลิวชวนจึงกลับไปเตรียมอาหารที่บ้าน
ไม่นานก็เริ่มค่ํา หวังเย้าน่าเอาเหล้าชั้นดีหนึ่งขวดและเป็นย่างจากปักกิ่งติดมือมาด้วย “โอ้เหล้าที่เชียนเชิงเอามาเป็นของดีนี่!”ในฐานะของคนที่ชื่นชอบของมึนเมาเจี๋ยจื้อจายที่เห็นเหล้าที่หวังเย้าเอามาด้วยก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเหล้าชั้นดี
“ที่บ้านยังมีอีกเยอะเลยล่ะ” หวังเย้าพูด “ผมไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่ ช่วงนี้ พ่อของผมก็ดื่มน้อยลงแล้วด้วยถ้าพวกคุณอยากดื่มก็มาเอาที่บ้านผมได้ตลอดเลยนะ”
“จะทําแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ?” เจี๋ยจื้อจายถาม ตั้งแต่ที่เขาได้ฝึกกับหวังเย้า ปริมาณเหล้าที่เขาดื่มในช่วงนี้ก็ลดน้อยลงไปมากเมื่อเขาเริ่มชอบสิ่งหนึ่งงานอดิเรกอื่นๆที่ท่าอยู่ก็ค่อยๆลดน้อยลงไป
การบ่มเพาะเป็นสิ่งเสพติด
หลังจากที่ไม่ได้เห็นเธอมาสักพัก จงอันซีนก็สูงขึ้นเล็กน้อยและดูโตเป็นสาวขึ้นอย่างที่พูดกัน
ว่า เด็กสาวจะเปลี่ยนไปเมื่อพวกเธอโตขึ้น เธอสวยขึ้นมาก
เธอยังคงเป็นเด็กที่เชื่อฟังเหมือนเดิม เธอเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าไปช่วยพี่ชายทําอาหารก่อนและนําอาหารออกมาเสริฟ ด้วยตัวเอง เมื่ออาหารถูกนําขึ้นโต๊ะจนครบแล้วเธอก็ทานอาหารและจากนั้นก็กลับเข้าไปทําการบ้านอยู่ในห้องของตัวเอง
“นายมีน้องสาวที่ดีนะ”เจี๋ยจื้อจายพูด
“ใช่”
ศิษย์ทั้งสามและหนึ่งอาจารย์กินดื่มและพูดคุยไปจนถึงสามทุ่ม
หวังเย้ากลับไปที่บ้าน ก่อนจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
“ขอบคุณนะ ศิษย์พี่” เจี๋ยจื้อจายพูด
“ด้วยความยินดี” จงหลิวชวนพูด “เดินระวังด้วยล่ะ”
“ได๋ แล้วพรุ่งนี้มาที่บ้านของฉันนะ!”
จงหลิวชวนยิ้ม แต่ไม่ได้ให้ค่าตอบ
เจียจื้อจายดื่มไปมาก เขาสะอึกในตอนที่เดินกลับไปพร้อมโอบภรรยาเอาไว้ในอ้อมแขน
“มืออยู่นิ่งๆหน่อยสิ” หูเหมยพูด “นายวางมือไว้ตรงไหนกัน? อันซินกําลังมองพวกเราอยู่นะ”
โอ้! เจี๋ยจื้อจายท่าตัวเชื่อฟังในทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นอันซินกับพี่ชาย
ของเธอยืนอยู่ที่ประตูบ้านเพื่อส่งพวกเขา
“บาย อันชิน”
“บายค่ะ พี่ชายกับพี่สะใภ้
“จุ๊ๆ น้องสาวของเรา!”
“ที่รัก เรามีลูกสาวกันดีไหม?”
“อะไรก็ได้”
“ฮ่ๆๆ”
พระจันทร์เสี้ยวส่องแสงสว่าง มันเป็นค่ําคืนที่เงียบสงัด
เสียงท่องคัมภีร์ดังอยู่บนเนินเขาหนานชานไปจนกระทั่งห้าทุ่ม
เช้าของวันถัดมามีเกล็ดหิมะโปรยลงมาจากท้องฟ้า
หิมะกําลังตก
แต่มันไม่ได้หนาวเย็นมากนัก
บนเนินเขาตงชาน คนทั้งสามกําลังนั่งขัดสมาธิในขณะที่กําลังฝึกฝนอยู่
ซี้ดด ฟู่ววว
หวังเย้าที่ยืนอยู่บนที่สูงกําลังมองท้องฟ้า
เมื่อการสั่งสอนลูกศิษย์ทั้งสามเสร็จสิ้น เขาก็เรียกพวกเขามา
“วันนี้ ผมจะสอนบางอย่างให้กับพวกคุณ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาสอนท่าเท้าให้พวกเขา ซึ่งเป็นท่าที่ได้มาจากตําราหมัดมวยโบราณ“เหยียบย่ำกลืนกิน”หลังจากเชี่ยวชาญแล้ว ความเร็วของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้นและทําให้การเคลื่อนไหวในพื้นที่เล็กแคบมีความยืดหยุ่นสูงขึ้นเพียงแต่ท่าเท้านั้นมีความซับซ้อนเล็กน้อย
หวังเย้าเริ่มจากการอธิบายขั้นพื้นฐานทั้งสามเคยเรียนกังฟูมาก่อน พวกเขาจึงนับว่ามีพื้นฐานอยู่ก่อนแล้วมันไม่ใช่เรื่องยากสําหรับพวกเขาในการเริ่มต้นเรียนวิชานี้เรียนรู้ได้ง่ายแต่เชี่ยวชาญได้ยาก มันจําเป็นต้องหมั่นฝึกฝน
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน” หวังเย้าพูด
ทั้งสี่ลงจากเขาไปพร้อมกัน หวังเย้าเปิดคลินิกเหมือนอย่างทุกวัน
ไหลออกไปหลายพันไมล์ ในเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ําแยงซีเจิ้งเหว่ยจวินมีนัดกับ
ชายวัยสี่สิบในห้องโถง เขาสวมแว่นตาและรักษารูปร่างของตัวเองได้เป็นอย่างดีเขาคือคนที่
มีหน้าที่รับผิดชอบช่องทางการกระจายสินค้าทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในดจังหวัด
เมื่อยาตัวใหม่ถูกผลิตออกมา ขั้นตอนต่อไปก็คือการขาย เขาจึงมาที่นี่พร้อมกับสินค้าทดลอง
“ยาตัวใหม่เหรอครับ?” ชายวัยกลางคนมองดูซุปเสี่ยวเผยหยวน
“ใช่ครับ”
“มันผลิตจากบริษัทหนานชานเภสัช เป็นบริษัทของคุณใช่ไหมครับ?” ชายวัยกลางคนถาม
“ใช่ครับ”
“มันคุ้มแล้วเหรอครับ ที่ยอมทิ้งอํานาจทั้งหมดในมือและไปเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ศูนย์?”ชายวัยกลางคนถาม
“มันคุ้มครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “ผมได้มามากพอแล้ว การเริ่มใหม่ก็ไม่ถือว่าแปลกอะไร”“ในเมื่อคุณมาหาผมแล้วผมก็จะช่วยคุณ”ชายวัยกลางคนพูด“จําไว้นะครับมิตรภาพก็ส่วนมิตรภาพธุรกิจก็ส่วนธุรกิจและธุรกิจก็มีกฎของมันอยู่คุณเข้าใจกฎของผมไหมครับ?” “เข้าใจครับ”เจิ้งเหว่ยจวินตอหนึ่ง
“ดีครับ เอาสินค้าทดลองกับสินค้าจํานวนเท่านี้ให้กับผม”
“ได้ครับ”
ยาชุดแรกถูกขายออกไปแล้ว แต่เขาไม่กล้าผ่อนปรนแม้แต่น้อย ตอนกลางวันเขาไปอีกที่
ในเวลาเดียวกัน หวังเย้าที่อยู่ในหมู่บ้านห่างออกไปไกลหลายพันไมล์ก็ได้ขายซุปเสี่ยวเผยหยวนขวดแรกออกไปแล้วเช่นกัน
“บริษัทหนานชานเภสัช? ยาขวดนี้เป็นของบริษัทยาที่อยู่ในเมืองใช่ไหม?” คนไข้ถาม“ครอบครัวของฉันอยู่ใกล้กับโรงงานนั้นพอดี”
“ใช่ครับ”
“หมอหวังยาตัวนี้…”
“ไม่ต้องห่วงครับ” หวังเย้าพูด “ยาตัวนี้ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามีปัญหาก็ให้คุณมาหาผมได้เลย”ปัญหาของชายชราก็คือร่างกายอ่อนแอ ยาตัวนี้เหมาะกับอาการของเขาพอดี
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ขอบคุณนะ” เขารีบพูด
“เดินระวังๆนะครับ”
ยาตัวนี้มีส่วนผสมของสมุนไพรป่าและถูกผลิตออกมาพร้อมกันเป็นจํานวนมากแต่มันไม่ได้
แพงเลย ราคาของมันอยู่ที่ 30 กว่าหยวนเท่านั้น ราคาที่หวังเย้าขายไปก็คือราคาต้นทุน
ตอนกลางวัน หวังเจ๋อเชิงได้พาหวังยี่หลงมาที่คลินิก
“ท่าไมวันนี้ถึงว่างได้ล่ะครับ?”
“มันเป็นวันเสาร์อาทิตย์ ฉันก็เลยได้หยุดน่ะสิ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“โอ้ นั่งก่อนครับ” หวังเย้าพูด
เขาจับดูชีพจรของหวังยี่หลงสีหน้าและสภาพจิตใจของชายชราถือว่าดีมาก