บทที่ 63 – ตัวบัคชัดๆ
ในขณะที่เซเลน่าส่อใต้กางเกงของรูปปั้นเธอก็สร้างเวทแสงขึ้นมายิงเข้าไปในนั้นทำให้ปัดเป่าความมืดในนั้น
ก่อนที่เธอจะเริ่มสร้างแสงขึ้นรอบๆ ตัวของรูปปั้นเพื่อที่จะลบเงาของรูปปั้นซึ่งเกิดจากแสงจันทร์ที่เจ้าตัวพึ่งสร้างขึ้นมาอีกที
พอฉันเห็นภาพนี้ก็เลยมั่นใจขึ้นมาทันทีว่า เจ้าตัวหาวิธีแก้ Puzzle ได้แล้วแน่ๆ และต่อให้ฉันไม่ได้ฉลาดแต่ก็พอจะเดาออกแล้วว่าคำใบ้ในศิลาหมายถึงอะไร
จันทราคือพิษร้าย ตะวันคือพลัง หมายถึงว่าต้องใช้แสงปัดเป่าความมืดตอนราตรีสินะ.. ก็ถ้าให้เป็นตอนกลางวันอย่างเดียวเขาคงไม่เขียนจันทรามาด้วย
กล่าวคือสิ่งที่ศิลาอยากให้ทำก็คือการทำให้พิษร้ายกัดแทะนักรบ และแสงสว่างก็จะกลายเป็นพลังของนักรบเพื่อต่อกรกับพิษร้าย
พอฉันเข้าใจหนึ่งบรรทัดแล้ว แสงสว่างที่เจิดจรัสสว่างพร่างพราวก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในรูปปั้นยักษ์และในวินาทีเดียวกัน
ร่างกายของมันก็เรือนรองออกมาราวกับเป็นดวงตะวันอย่างนั้น… ยังไม่ทันไรแสงสว่างที่พร่างพราวก็ควบแน่นรวมไปที่ดวงตาทั้ง 6 ของรูปปั้น
ฉันดูเหตุการณ์เงียบๆ ส่วนเจ้าอเล็กซานก็ยืนเอ๋อแดกไปแล้ว ตอนแรกเจ้าตัวจะแสดงด้านเท่ๆ ให้เซเลน่าเห็น แต่กลายเป็นว่าทำอะไรไม่ได้แทนซะงั้น
สิ่งที่เขาทำตอนนี้มีแค่ยืนงงอยู่ตรงนั้น…
“ลูซิเรีย”
“หือ..?”
“ได้เวลาแล้ว… ฉันนับถอยหลังแล้วเธอจัดการนะ”
“เข้าใจแล้ว”
ฉันพูดแบบนั้น ในขณะที่ทุกคนสนใจแต่รูปปั้นหินฉันก็จะใช้โอกาสนี้แย่งเอาการ์ดของเจ้าอเล็กซานอย่างรวดเร็ว
แน่นอนฉันเตรียมการ์ดที่ใช้ปลอมตัวเป็นคนอื่นไว้แล้ว ในตอนนี้ที่เซเลน่ากำลังแก้ Puzzle อยู่ฉันเองก็เริ่มนับถอยหลังเพื่อเป็นสัญญาณให้ลูซิเรีย
เสียงทุกอย่างเหมือนกับเงียบลงสมาธิฉันพุ่งสูงขึ้น ฉันหยิบการ์ดระดับสีดำขึ้นมาแล้วใช้มันทันที ตอนนี้ร่างกายฉันก็ถูกเปลี่ยนไปจนไม่ใช่คนเดิม
เรื่องการ์ดฉันไม่เสียดายหรอก… ถึงมันจะเป็นคะแนนที่สำคัญและคนอื่นแทนที่จะใช้การ์ดคงใช้เวทมนตร์แทนนั่นแหละ
แต่ฉันใช้เวทมนตร์ไม่ได้นี่น่า อีกอย่างแบบนี้แหละดีแล้ว.. ฉันนับถอยหลังจนครบพร้อมกับพูดขึ้น
“ตอนนี้แหละ”
ซึ่งเป็นจังหวะพร้อมกับที่ฉันตะโกน ลูซิเรียยิงเวทพรางตาออกไปทันที กลุ่มก้อนหมอกฝุ่นสีดำพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่แม้แต่ฉันกับคนอื่นตามไม่ทัน
และพริบตาที่มันตกกระทบกับพื้น ฝุ่นละอองที่ทำให้สัมผัสทุกอย่างถูกปิดกั้นแตกกระจายออกไปทันที
“ปัง!”
“อะไร–?”
ทั้งเซเลน่าและอเล็กซานต่างพากันตกใจ.. แต่ก็ไม่สามารถตามฉันทำ ฉันพุ่งเข้าหาเจ้าอเล็กซานอย่างว่องไว
แต่เจ้าอเล็กซานถึงจะเห็นแบบนั้นก็เป็นคนเก่งพอตัวแม้จะตกใจมันก็รีบกางบาเรียป้องกันออกมาทันที ใช่.. บาเรียกันฝุ่นน่ะนะ
แต่มันกันส้นเท้าฉันไม่ได้หรอกนะเออ นึกถึงความเจ็บแค้นที่ฉันต้องเจอในแต่ละวันตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่พอ
ยังโดนผู้ชายคนนี้แตะเนื้อต้องตัว… ทำเหมือนตัวเองสำคัญ.. กลายเป็นที่หัวเราะของคนทั้งโรงเรียนเพราะมัน
ยิ่งคิดยิ่งกระตุ้นต่อมแห่งความโกรธของฉัน ฝ่าเท้าของฉันกระแทกที่เอวของเจ้าอเล็กซานอย่างรุนแรง แน่นอนว่าเจ้าอเล็กซานก็เป็นนักรบจังหวะที่ถูกฉันถีบ
แม้มันจะร้องออกมาแต่มันก็รีบบิดเอวหลบออกด้านข้าง
“ถีบครั้งเดียวมันไม่พอหรอก!”
ฉันใช้การ์ดอีกครั้ง การ์ดนี้เป็นการ์ดสีดำเหมือนกันเป็นการ์ดเร่งความเร็วจนทะลุขีดจำกัดได้ในเสี้ยววินาที
ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยมาก แต่การที่เร็วทะลุขีดจำกัดนี้แม้จะไม่ได้เก่ง แต่ถ้าเป็นคนที่เร็วอยู่แล้ว.. แล้วใช้การ์ดอีกทีละก็มันจะเป็นความเร็วที่เหมือนกับหายตัวได้
แน่นอนว่าด้วยพลังมนตราที่สกาเล็ตสอนฉันทำให้ฉันมีมนตราที่เพิ่มความเร็วได้ พอผสมกับการ์ด ต่อให้เป็นอเล็กซานก็เถอะ
ฉันหายตัวไปอยู่ด้านหลังของอเล็กซานแล้วก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ามันภายในเสี้ยววินาที และออกแรงถีบหลังมันจนกระเด็นไปด้านหน้า
และการ์ดสีเหลืองก็ปรากฏในมือฉันทันที.. อย่างที่คิดการ์ดประเภทวิญญาณรับใช้ เป็นการ์ดที่ค่อนข้างดีแต่ก็ไม่สุดยอด
เอาเถอะ ฉันรู้ว่าการ์ดใบนี้คือการ์ดประจำตัวเจ้าหมอนั่นก็พอแล้วล่ะ..
“เอาล่ะ รีบถอยกันเถอะ”
ฉันส่งสัญญาณให้ลูซิเรีย แต่ลูซิเรียที่มองมาที่ฉันเธอทำหน้าแปลกๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ฉันไม่ได้ยิน
แม้เวทของหล่อนจะปิดการรับรู้ได้ แต่ก็สร้างข้อยกเว้นได้นั่นเอง ซึ่งฉันเป็นข้อยกเว้นแต่ที่ไม่ได้ยินเพราะอะไรล่ะ….
ฉันค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้น… “รีบ.. หลบ.. เร็ว”
แม้ไม่ได้ยินเสียงแต่ก็อ่านปากว่าแบบนั้น และฉันก็เข้าใจทันทีว่าทำไมไม่ได้ยินเสียงเธอ เพราะข้างหูฉันมีเสียงคำรามที่ดังกึกก้องจนปัดเป่าแม้แต่เวทของลูซิเรีย
และในวินาทีต่อมาร่างกายของฉันก็ถูกกระแทกอย่างรุนแรง สติของฉันแทบจะมืดดับ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวร่างฉันปลิวตามแรงกระแทกกระเด็นไปทางลูซิเรีย
โชคยังดีที่ลูซิเรียกระโดดมารับฉันเอาไว้ได้ทัน แต่ทว่าดวงตาของฉันก็พร่าเลือนไปทุกที
“แค่ก—”
ฉันไอออกมาเป็นเลือด ร่างกายไร้ความรู้สึกไปทั้งหมดเลย ฉันก้มมองไปที่แขนตัวเองซึ่งถูกของบางอย่างปะทะเข้ามันหักจนดูน่ากลัว
รู้สึกปวดเอวแปล๊บๆ บางทีกระดูกซี่โครงเองก็หักไปด้วย .. ฉันหอบหายใจอย่างทรมาน เหมือนลมหายใจของฉันจะลำบากขึ้นมากพอสมควร
ความด้านชาเริ่มหายไปความเจ็บปวดเริ่มจะกลับมาหูของฉันไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของลูซิเรียที่อุ้มฉันอยู่
“ยัยบ้า รีบใช้เวทมนตร์รักษาสิ!”
“ฉัน… ใช้เวทมนตร์ไม่ได้..”
“บ้าบอ แล้วทำไมไม่บอกฉัน? ฉันใช้เวทรักษาไม่ได้นะ!”
“ฉัน…”
ฉันพูดไม่ออก.. นี่ฉันกำลังจะตายเหรอ.. ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้เนี่ยนะ.. ในขณะที่คิดแบบนั้นราวกับว่าภาพที่ฉันไม่เคยเห็นบางอย่างมันลอยขึ้นมาในหัว
“เจน.. ทำไม.. ทำไมเธอถึงทำแบบนี้…”
“ใครน่ะ”
“เธอเป็นแสงสว่างสำหรับฉัน… ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม… ต่อให้เธอฆ่าคนก็ตามที..”
“ฆ่าคน…? พูดเรื่องอะไร..?”
“ฉันไม่ยอมให้เธออยู่คนเดียวอีกแล้ว… ฉันขอโทษนะ”
“เธอเป็นใคร เสียงนี้มันทำไมคุ้นๆ”
“ฉันจะตายไปพร้อมกับเธอ..”
“ตาย… ตาย? ฉันเนี่ยนะ.. ตาย?”
ดวงตาของฉันเบิกขึ้นทันที.. ไม่.. ฉันยังตายไม่ได้ ฉันตายไม่ได้เด็ดขาดฉันดึงเอาหนังสือที่ท่านเลทิเซียให้ออกมา
พร้อมกับฉีกหน้าที่เป็นเวทมนตร์ฟื้นฟูออกมา แน่นอนว่าฉันจำได้ง่าหน้าไหนเป็นหน้าไหนตั้งแต่วันแรกที่ได้รับ
พอฉีกมัน มันก็ทำงานทันที ร่างกายของฉันฟื้นฟูกลับมาภายในพริบตาเดียวความเจ็บปวดเจียนตายปลิวหายไปกับสายลม
อันที่จริงมันตรงกันข้ามเลย ร่างกายฉันรู้สึกเหมือนจะแข็งแรงขึ้น ลูซิเรียที่อุ้มฉันอยู่ก็ตกใจ
“เมื่อกี้มันอะไร…?”
“นั่นสิ..”
แต่ทว่าไม่ทันให้พวกเราทันได้ตั้งตัว เสียงเท้ากระหึ่มดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงอันแหบพร่าของอัศวินอันเกรียงไกรซึ่งเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
และโหดร้าย..
“ความมืด.. คือพิษร้าย ต้องกำจัด!”
ดวงตาของฉันหันไปเจอก็ลมหายใจแทบสำลัก ดวงตาทั้งหกมันจ้องมาที่พวกเราสองคน มือทั้งหกถืออาวุธที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นดาบยักษ์
หอกยักษ์ ค้อนยักษ์ โล่ยักษ์ มืออีกสองข้างที่เหลือถือแส้กับมีดสั้น…
มันยกดาบเล่มใหญ่ขึ้นแล้วก็ฟาดลงมาทางพวกเรา ฉันขยับทันทีกระโดดจับลูซิเรียที่กำลังอึ้งเพราะขนาดของมันกลิ้งหลบออกไปด้านข้าง
ตู้ม! เสียงดังสนั่นไปทั่วแปดทิศ ฉันก้มมองลูซิเรียที่อยู่ด้านล่าง
“เป็นไรไหม..?”
“อะ.. อืม ไม่เป็นไร.. ขอบใจ”
“แต่ว่านะ.. ปัญหาคือเจ้านี่… คงเป็นเพราะเวทมนตร์ของเธอไปขัดพิธีกรรมเปิดเอาการ์ดอะไรเข้าละมั้งเลยปลุกตัวบัคแบบนี้ขึ้นมาได้น่ะ”
ก่อนที่ทันจะได้ตั้งตัว มีดสั้นถูกปามาด้วยความเร็วเหมือนกระสุนปืนใหญ่ ฉันรีบใช้มนตราหลบทันที… ทว่ายังช้าไปเพราะพริบตาต่อมา หอกถูกปามาด้วยความเร็วช้ากว่ามีดสั้น
“บัดซบ”
ฉันฉีกกระดาษอีกครั้งเบื้องหน้ากลายเป็นหลุมสีดำขนาดใหญ่ดูดกลืนหอกเข้าไป แต่ทั้งนี้ลมแหวกอากาศก็ไม่ถูกดูดกลืนเข้าไป
มันซัดเอาร่างของฉันกับลูซิเรียปลิวไปหลายตลบจนกระดูกแทบหัก.. ฉันฉีกกระดาษเพื่อรักษาฉันกับลูซิเรียจะทันที
“ตัวบัคแบบนี้… ใครมันสร้างขึ้นมาในงานแข่งขันของนักเรียนวะ แกสร้างมาให้ท่านเลทิเซียเล่นคนเดียวหรือไง… แบบนี้อย่าว่าแต่สู้เลย แค่หนี.. จะหนียังไงให้พ้นเถอะ!”