บทที่ 66 – การหักเหของแสง
ข้าเรสเทีย.. นับตั้งแต่ที่ได้เจอท่านอนาสตาเซียที่งานเลี้ยงนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เพราะตอนนี้กำลังเข้าทดสอบงานแข่งขันเฟสเตอร์รอบสุดท้ายอยู่
การ์ดที่ข้าได้ดูแลคือการ์ดสีเหลือง… และหลังจากผ่านมาเกือบประมาณสองสัปดาห์แล้ว คนเริ่มมีเมจการ์ดกันมากขึ้นก็เลยเริ่มจะหันมาเล็งที่ข้าแล้ว
ก็นะ เพราะเมจการ์ดของข้าจะเป็นระดับเหลือง แต่ที่คนสนใจจริงๆ เพราะการ์ดของข้ามันสามารถเลื่อนขั้นการ์ดอื่นได้ต่างหาก
เพราะเป็นตัวแทนโรงเรียนอะนะ.. เรื่องของกฎของงานแข่งขันนี้ ข้าเข้าใจมันมากพอประมาณแล้ว
ซึ่งเรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ตอนที่อยู่งานเลี้ยงมันมีคนหลายคนที่กล้าดูถูกท่านอนาสตาเซีย… ข้าไม่มีทางยกโทษให้แน่
เพื่อการนั้นแล้ว ข้าต้องเคลื่อนไหวเพื่อท่านอนาสตาเซีย ให้เธอได้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงถึงข้าจะไม่ช่วย ท่านอนาสตาเซียก็คงชนะได้
แต่เพื่อแบ่งเบาภาระของเธอ.. ข้าจะเป็นคนช่วยเธอเอง.. แน่นอนว่าชัยชนะสำหรับข้าหรือโรงเรียนของข้านั้นมันไม่สำคัญอะไรเลย
แรกเริ่มเดิมทีที่ข้าเข้าเรียนโรงเรียนโรเซ่ก็เพราะท่านอนาสตาเซีย.. แล้วทำไมข้าต้องสนเรื่องพวกนั้นด้วย
เอาเถอะ.. ถึงการที่อยู่ในโรงเรียนได้มันจะทำให้ข้าสามารถพบกับท่านอนาสตาเซียแบบนี้ได้ก็เถอะ
แต่งานเลี้ยงครั้งนี้.. ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ต้องทำให้ท่านอนาสตาเซียชนะให้ได้.. เพราะแบบนั้นข้าในตอนนี้เลยแอบดูท่านอนาสตาเซียอยู่ห่างๆ
อันที่จริงผ่านมา 13-14 วันแล้ว ข้าพึ่งรู้ว่าท่านอนาสตาเซียนั้นอยู่เขตเดียวกันกับข้า นั่นก็คือเขตที่ 2 และเมื่อเป็นแบบนั้นข้าก็สามารถช่วยท่านอนาสตาเซียได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
ทันทีที่ท่านอนาสตาเซียออกจากเขตที่ตัวเองต้องปกป้องการ์ดแล้ว.. ข้าก็มุ่งหน้าไปยังที่ที่ท่านอนาสตาเซียต้องปกป้อง
ซึ่งมี Puzzle ที่ขวางกั้นอยู่.. และพอข้ามองจากด้านนอกก็เห็นว่าการ์ดที่อยู่ด้านในมีการ์ดสีทองของท่านอนาสตาเซียอยู่
ข้ายิ้มออกมา..
“สมกับเป็นท่านอนาสตาเซียจริงๆ.. การ์ดที่โผล่ออกมาเป็นการ์ดปลอมสินะ เพราะการ์ดทองที่แสดงให้เห็นเหมือนจะเป็นการใช้เวทลวงตาเฉยๆ”
แน่นอนข้ารู้ว่าแผนของท่านอนาสตาเซียไม่ได้มีแค่นี้หรอก บางทีคงมีอะไรลึกกว่านี้แค่ข้าเดาไม่ออกก็เท่านั้นเอง
แต่อย่างไรก็ตามที่รู้ตอนนี้ก็คือการ์ดของท่านอนาสตาเซียอยู่กับตัวของท่านอนาสตาเซียเอง ถึงจะไม่รู้ว่าท่านอนาสตาเซียแก้ Puzzle ตัวเองได้ไงเร็วขนาดนี้
อ้อ.. ในความจริงแล้ว Puzzle ประจำตัวของตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ได้ในวันเดียว แต่ตอนที่งานแข่งขันนี้เริ่มท่านอนาสตาเซียก็เริ่มแผนตัวเองทันที
นั่นหมายความว่า Puzzle ประจำตัวของเธอมันไม่ได้ยากสำหรับเธอเลย.. และนั่นก็ยังเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมคนส่วนใหญ่ไม่พกการ์ดไว้กับตัวเอง
เพราะต้องมานั่งวิเคราะห์ Puzzle ประจำตัวอยู่หลายวัน.. ซึ่งหากใช้เวลาพวกนี้ในการไปไล่แก้ Puzzle เพื่อเก็บการ์ดยังไงก็คุ้มกว่า
อีกอย่างนอกจากนี้การ์ดถ้าเก็บไว้กับตัวมีโอกาสต่อสู้แพ้ แล้วการ์ดตกนั่นเอง จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับคนทั่วไป
แต่ท่านอนาสตาเซียนั้นแข็งแกร่ง เพราะงั้นเลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวล.. แต่ก็นะ แผนของท่านอนาสตาเซียไม่ได้มีแค่นี้หรอก
เธอกำลังซ้อนแผนคนอื่นอยู่.. เพราะนักเรียนคนอื่นก่อนที่จะออกไปจากเขต Puzzle ของตัวเองพวกเขาจะวางกับดักบางอย่างเอาไว้
เพื่อทำให้คนอื่นที่เพ่งเล็งมายัง Puzzle ของตัวเอง ไม่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
แต่ท่านอนาสตาเซียไม่ทำแบบนั้น.. แน่นอนว่าไม่มีทางที่เธอจะไม่ทำเพราะไม่รู้เรื่องนี้แน่
แต่ที่เธอไม่ทำก็เพื่อเชื้อเชิญต่างหาก.. และถ้าหากเป็นคนที่ฉลาดหน่อยก็จะรู้ว่าตัวเองโดนซ้อนแผนอีกที..
นั่นคือการที่เปิด Puzzle ไว้แบบนี้เลย สำหรับคนธรรมดาก็คงจะมองว่าท่านอนาสตาเซียโง่ แล้วก็แก้ Puzzle ทั้งแบบนั้น
แต่ถ้าฉลาดหน่อยก็พอจะรู้ว่าการ์ดที่อยู่ใน Puzzle ไม่ใช่การ์ดจริงๆ.. ใช่แล้ว การ์ดที่อยู่ใน Puzzle ของท่านอนาสตาเซียคงเป็นการ์ดอะไรสักอย่างที่ทำงานอัตโนมัตินั่นแหละ
ถ้าหากมีคนมาหยิบมันคงโดนกับดักนั่นเอง.. เพราะการไม่วางการป้องกันด้านหน้าอะไรไว้มันก็เหมือนการเชื้อเชิญ.. เชื้อเชิญเข้าไปโดนกับดักน่ะ
ต่อให้การ์ดใบนั้นไม่ใช่การ์ดกับดักจริงๆ ก็ตามแต่ก็ไม่มีคนกล้าเสี่ยงเสียเวลาหลายชั่วโมงเพื่อแก้ไปโดนสิ่งที่อาจจะเป็นกับดักอย่างแน่นอน
กล่าวคือมันคือการบลัฟนั่นเอง… แล้วต่อให้มีคนแก้แล้วขโมยการ์ดไปก็ตาม การ์ดที่อยู่ตรงนี้ก็เป็นการ์ดปลอมนั่นเอง
นี่มันคือ..แผนที่เล่นกับความคิดคนอื่นนั่นเอง..
สมแล้วที่เป็นท่านอนาสตาเซีย.. ถึงจะไม่รู้ว่าถ้าลงทุนบลัฟใส่ขนาดนี้แล้วทำไมไม่ซ้อนแผนอีกขั้นแล้วก็ล่อคนมาติดกับดักแล้วจัดการจะได้การ์ดจากคนอื่นด้วยก็เถอะนะ
เอาล่ะ งั้นมาเริ่มแผนของข้ากันดีกว่า.. แผนของข้าที่คิดมาโดยเฉพาะก็คือจัดการกับตำแหน่งของเขต Puzzle ท่านอนาสตาเซียซะใหม่
ในความเป็นจริงแล้ว เมจ การ์ด เป็นของที่มีหลายแบบหลายประเภท.. ซึ่งมันมีมากมายทั้งอยู่ใน Puzzle บนพื้นดิน..ใต้ดินหรือบนอากาศ
เมจการ์ดทั้งหมดในการแข่งขันนั้นมีมากมายจนไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอ..
และเมจการ์ดนั้นจัดตามระดับจากต่ำไปสูงตามนี้
ดำ, แดง, ส้ม, เหลือง, ทอง..
ระดับพวกนี้ไม่ใช่แค่การจัดอันดับคะแนน.. แต่รวมถึงจัดอันดับของพลังโจมตีหรือทำลายล้างของการ์ดด้วยนั่นแหละ
กล่าวคือการ์ดดำจะมีพลังทำลายล้างหรือโจมตีที่น้อยมากเมื่อเทียบกับระดับที่สูงกว่า.. แน่นอนว่าฟังดูแล้วคงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
แต่ว่า.. ก็อย่างที่บอกอันดับต่ำไปสูงของการ์ดจำแนกด้วยคะแนน..และพลังโจมตี.. แล้วอย่างอื่นที่ไม่ใช่พลังโจมตีล่ะ..
ถูกต้องแล้ว.. ไม่ว่าจะเป็นเทเลคิเนซิสอย่างการย้ายสิ่งของโดยไม่สนน้ำหนัก.. อะไรแบบนั้นก็นับว่าเป็นแค่การ์ดระดับแดงหรือส้มเท่านั้น
แน่นอนว่าเทเลคิเนซิสพวกนี้ใช้โดยตรงกับสิ่งมีชีวิตไม่ได้.. แต่ก็ลองนึกสภาพว่าตัวเองใช้เทเลคิเนซิสยกก้อนหินขนาดหนึ่งตันขึ้นไปบนฟ้าจนสายตามองไม่เห็น
พอถึงเวลาแล้วก็ใช้มันลากลงมาอย่างรวดเร็ว แค่นี้มันก็กลายเป็นดาวตกขนาดย่อมได้เลย.. แต่อย่างที่บอกการ์ดถ้าใช้แล้วจะหายไป
ดังนั้นการจะทำแบบที่ข้าพูดไปมันก็ทำได้แค่ครั้งเดียวไม่พอ เราต้องถือการ์ดอยู่ตลอดเพราะเราต้องใช้งานการ์ดตลอดนั่นเอง ถ้าเลิกควบคุมละก็การ์ดจะหายไป
แต่อย่างที่บอกเมื่อกี้คือการยกตัวอย่าง.. เพราะการ์ดแบบนี้มันก็มีเหมือนกัน.. การ์ดสีแดงในมือข้า
การ์ดที่จะเปลี่ยนคุณสมบัติความหนาแน่นของอากาศโดยรอบให้แปลกไป.. เอาง่ายๆ ก็เหมือนสร้างน้ำหรือแก้วขึ้นมารอบ Puzzle ของท่านอนาสตาเซียนั่นแหละ
ด้วยเหตุนี้ค่าดัชนีการหักเหของแสงจึงมีคุณสมบัติที่ไม่เท่าแสงที่เคลื่อนที่ผ่านตัวกลางอากาศแบบปกติ มันจะเหมือนกับแสงไปกระทบกับแก้วจนเกิดการหักเหของแสงขึ้น
แน่นอนว่ามันไม่เพียงพอที่จะลบของที่อยู่ด้านในให้หายไปได้หรอก แต่ข้าก็ใช้การ์ดอีกใบที่มีคุณสมบัติในการทำให้แบบเดียวกัน แต่อยู่รอบนอกอีกทีหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ความหนาแน่นของตัวกลางที่แสงส่องผ่านก็จะไม่เท่ากัน ทำให้แสงส่องเข้าไปด้านในไปถึง.. อย่างน้อยก็เหมือนมองทะลุไปด้านหลังเลย
แต่แค่นั้นยังไม่พอ ข้าทำซ้อนไปมาหลายชั้น จนในที่สุดเขต Puzzle ของท่านอนาสตาเซียก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แน่นอนว่ามันแค่การหักเหของแสง ถ้ามีคนเดินผ่านมาทางนี้ แล้วเดินเข้าไปในเขตที่ว่าก็คงรู้สึกหนืดๆ และคงดูออกทันที
แต่ถ้ามองอยู่ห่างๆ หรือใช้ตรวจจับเวทมนตร์ก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าที่ข้าใช้ไม่ใช่เวทมนตร์ และต่อให้มีคนค้นหาคุณสมบัติลวงตาของการ์ดด้วยการ์ดใบอื่น ก็ไม่มีทางหาที่นี่เจอ เพราะมันไม่ใช่การลวงตาแต่เป็นการหักเหของแสง
เป็นวิทยาศาสตร์นั่นแหละนะ.. แต่อย่างที่บอกถ้ามีคนเดินผ่านก็คงเจอทันที เพราะงั้นข้าก็เลยใช้การ์ดใช้เวทมนตร์สร้าง Puzzle เลียนแบบขึ้นมา
อย่างที่บอกว่าข้าควบคุมสสารต้นกำเนิดได้ และแน่นอนว่าสสารต้นกำเนิดนี้เป็นสสารของสิ่งมีชีวิต.. หรือง่ายๆ ก็คือเป็นสสารที่ใช้เปลี่ยนเป็นรูปธรรมที่เป็นสารอินทรีย์ได้อย่างเดียวก็จริง
แต่ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนมีธาตุเหล็กในร่างกาย.. ซึ่งจะได้รับมาจากสารอาหาร และสิ่งที่ข้าสามารถสร้างได้คือสิ่งมีชีวิตโดยตรงก็จริง
แต่ร่างกายเราไม่ได้มีแค่สารอินทรีย์ที่ทำให้ดำรงอยู่ได้นั่นเอง แต่ยังมีอนินทรีย์แทรกซ้อนอยู่มากมายเช่นกันและเป็นองค์ประกอบหลักของสิ่งมีชีวิต
และข้าก็สามารถควบคุมสสารต้นกำเนิดที่เป็นต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตทั้งปวงได้ สรุปคือตัวข้าสามารถควบคุมสารอนินทรีย์ได้บางชนิดที่อยู่ในร่างกายมนุษย์
และนั่นรวมถึงธาตุเหล็กในร่างกายนั่นเอง.. และข้าก็ใช้ธาตุเหล็กเหล่านั้นประกอบเป็นวัตถุที่สร้าง Puzzle แบบเดียวที่กับของท่านอนาสตาเซีย
ใช้เวทมนตร์สร้างพื้นที่ที่คล้ายกันขึ้นมาแล้วก็สร้างเป็น Puzzle ที่เกิดจากพลังของข้าเอง นอกจากนี้ยังใช้การ์ดบาเรียล้อมสถานที่ที่เป็นภาพลวงตาและที่นี่เอาไว้
กล่าวคือคนจะเดินเข้าเขตนี้ไม่ได้อีกต่อไปนั่นเอง นอกจากคนที่กำหนดอะนะ.. แน่นอนว่าท่านอนาสตาเซียคือคนที่เข้าได้
แน่นอนว่าไอ้บาเรียนี่มีวิธีถอนออกมากมายเช่นกันเพราะเป็นบาเรียจากการ์ดระดับต่ำๆ แต่ถ้ามีบาเรียกันอยู่อย่างน้อยคนที่จะมาแก้ Puzzle คงจะตรวจ Puzzle ก่อนทำลายบาเรียแล้วแก้อะนะ
เพราะถ้าทำลาย เจ้าของการ์ดก็รู้ทันทีแน่.. นอกจากนี้วิธีนี้เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ทำ คนที่ไม่ทำคงมีแค่ท่านอนาสตาเซียนี่แหละ… แผนล่อเสื้อเข้าบ้านของเธอละมั้ง