จิ่วเยี่ยกล่าว “จะให้เขาตายอย่างง่ายดายนักไม่ได้”
ดวงตาสีฟ้าอันเยือกเย็นนั้นได้ส่องประกายอันเย็นเฉียบออกมา ผู้ที่มีจิตใจคิดเพ้อฝันกับซี ไหนเลยจะให้เขาตายได้อย่างสุขใจนัก
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ก็ใช่!”
การที่จะให้คนผู้หนึ่งตายอย่างไม่ง่ายดายนั้น มันช่างเป็นเรื่องง่ายดายเสียจริงสำหรับมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีได้นำของออกมาจำนวนไม่น้อยในทันที
เหยียนเซี่ยฉีกล่าวขึ้น “เฉียนซี ข้าสามารถช่วยเจ้าได้หรือไม่เล่า! เจ้าหมอนี่เองก็บีบบังคับข้า ข้าจะไม่ปล่อยเขาไปแน่”
“เช่นนั้นก็ยกให้เจ้าแล้ว!”
มู่เฉียนซีได้บอกนางถึงวิธีการใช้พิษอยู่หลายชนิด จากนั้นก็ได้ทำตัวเป็นเถ้าแก่ที่ไม่สนใจกิจการร้านรวง
ไม่นานนักนายน้อยหู่ก็ได้ร้องโหยหวนออกมาพลางตะโกนว่า “ให้ข้าตายเถอะ! ให้ข้าตายไปเถอะ!”
ในตอนนี้เขาได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วถึงสำนวนที่ว่า ยอมที่จะล่วงเกินผู้ต่ำต้อยชั่วช้า แต่จะมิกล้าจะไปล่วงเกินสตรีเพศ
เจ้าเมืองเหยียนเองก็จนปัญญา บุตรสาวของตนนั้นอยู่กับเจ้าเด็กร้ายกาจเช่นเย่เฉินนานไปเสียจนทำให้เสียคนไปหรือไม่!
โรงเตี๊ยมทั้งโรงได้กลายเป็นซากปรักหักพัง แน่นอนว่าคืนนี้คงจะต้องไปนอนพักที่อื่น ในตอนนี้เองก็ได้มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
ผู้ที่เข้ามาผู้แรกนั้นก็คือท่านเจ้าเมืองชาง เมื่อเขามองเห็นมู่เฉียนซีดวงตาของเขาก็เกิดประกาย
“ที่แท้ท่านอยู่ที่นี่นี่เอง! ข้าหายดีแล้วและกำลังต้องการตามหาตัวท่านเพื่อขอบคุณอยู่พอดี!”
ต่อจากนั้น หัวหน้าโรงประมูลชางหมางเองก็ได้เข้ามา
เขาเอ่ยขึ้น “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ พวกที่หลงเหลืออยู่นั้นได้ถูกจัดการไปหมดสิ้นแล้ว เพียงแต่ว่าผู้หญิงนางนั้นได้หนีไปเสียแล้ว และข้าได้เหลือผู้รอดชีวิตเตรียมเอาไว้ มิทราบว่าท่านต้องการที่จะสอบปากคำหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ฆ่ามันไปให้หมดเถิด! ถามพวกนั้นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
“ขอรับ!”
ท่านเจ้าเมืองชางมองไปทางหัวหน้าโรงประมูลอย่างไม่พอใจ เขากำลังต้องการที่จะพูดคุยกับท่านผู้ยิ่งใหญ่! แต่เจ้าหมอนี่กลับเข้ามาขัด!
หัวหน้าโรงประมูลมองไปยังโรงเตี๊ยมที่ได้กลายเป็นซากปรักหักพังแล้วกล่าว “ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่ท่านเข้าพัก แต่ในตอนนี้มันไม่สามารถที่จะพักได้แล้ว ถ้าหากว่าท่านไม่รังเกียจที่โรงประมูลชางหมางในตอนนี้มีความรกรุงรังอยู่บ้างละก็ พวกท่านสามารถไปพักที่โรงประมูลชางหมางในคืนนี้ได้”
ท่านเจ้าเมืองชางกล่าวขึ้น “โรงประมูลของพวกเจ้ามีอะไรดีให้เข้าพัก? หรือไม่ก็ท่านจะไปพักที่จวนเจ้าเมืองของข้า ข้าจะให้คนจัดการเก็บกวาดให้เป็นที่เรียบร้อยอย่างแน่นอน”
หัวหน้าโรงประมูลกล่าว “เจ้าเมืองชาง ท่านเหล่านี้มีบุญคุณในการช่วยชีวิตข้า เจ้าอย่าได้มาแย่งตัวกับข้าเลย”
ท่านเจ้าเมืองแค่นเสียงเย็นชา “ท่านผู้ยิ่งใหญ่มีบุญคุณในการช่วยชีวิตเจ้าคนเดียวงั้นรึ? ถ้าหากว่าไม่มีท่านผู้ยิ่งใหญ่อยู่ ข้านั้นคงจะต้องพิษตายไปตั้งนานแล้ว ข้าเป็นเจ้าเมือง เจ้าห้ามมาแย่งตัวกับข้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “อย่างไรเสียก็ไปที่โรงประมูลชางหมางก่อนเถอะ! ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ท่านเจ้าเมืองเชื้อเชิญ!”
เมื่อถูกปฏิเสธท่านเจ้าเมืองก็รู้สึกใจหายวาบ!
“ในเมื่อท่านต้องการที่จะไปโรงประมูล ข้าเองก็จะไม่บังคับ ในตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว สำหรับวันพรุ่งนี้ข้าได้เตรียมของบรรณาการชุดใหญ่เอาไว้เพื่อเตรียมไปขอบคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่ทุกท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
จากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้ไปพักอยู่ที่โรงประมูลชางหมาง ที่ภายในโรงประมูลชางหมางยังมีพื้นที่ส่วนอื่นอยู่อีก ห้องที่อยู่ด้านในนั้นมิได้ด้อยไปกว่าห้องชั้นดีของโรงเตี๊ยม
หัวหน้าโรงประมูลกล่าวขึ้น “ทุกท่านพักผ่อนก่อนเถอะ! วันนี้ต้องขอบคุณที่ได้ทุกท่านลงมือ พรุ่งนี้ข้าค่อยมารบกวนใหม่!”
“ที่ด้านหลังมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติอยู่ ถ้าหากว่าพวกท่านเหนื่อยล้าสามารถที่จะไปแช่ได้ มันสามารถที่จะฟื้นฟูพลังชีวิตขึ้นมาได้ไม่น้อย”
หลังจากที่จิ่วเยี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ได้กอดตัวมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วกล่าวขึ้น “เช่นนั้น นำทางไปเถิด!”
“ขอรับ!”
ในตอนนี้มู่เฉียนซีทำได้เพียงแอบขบฟันเอาไว้แน่น หากรู้ว่าหัวหน้าโรงประมูลจะปากมากเช่นนี้ตั้งแต่แรกคงได้ทำการปิดปากเขาไปแล้ว!
พูดถึงเรื่องน้ำพุร้อนอะไรกัน!
ตอนนี้ก็ประจวบเหมาะนัก!
ช่างเป็นการมอบสถานที่ในการทำผิดให้แก่ใครบางคนอย่างสมบูรณ์
เมื่อมาถึงน้ำพุร้อน หัวหน้าโรงประมูลก็ได้ถอยออกไปอย่างรู้กาลเทศะ อีกทั้งยังได้กำชับเอาไว้ว่าอย่าให้ผู้ใดไปรบกวน
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ข้าทำเอง!”
“ซีเหนื่อยแล้ว ข้าจะทำเอง!”
การต่อสู้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการต่อสู้ข้ามขั้นนั้น พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีได้ถูกสูบไปใช้เสียจนแทบหมดสิ้น
แต่ทว่า…
“ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณจะมีเหลือไม่เท่าไร แต่พลังกายนั้นยังคงมีเหลืออยู่!”
แสงสลัววาบผ่านในดวงตาของจิ่วเยี่ย เขากล่าว “ใช่แล้ว! ซียังมีพลังกายอยู่!”
มู่เฉียนซีแทบที่จะกัดลิ้นของตัวเองเสีย นางกำลังพูดอะไรอยู่?
“หวงจิ่วเยี่ย เจ้าฉวยโอกาสตอนผู้อื่นมีภัย!”
“ข้าผิดไปแล้ว พลังวิญญาณและพลังกายของข้าหมดสิ้นไปตั้งนานแล้ว เจ้าอย่าได้ก่อเรื่องเลย!”
“……”
มู่เฉียนซีทั้งด่าทอและร้องขอ แต่ว่ามันมีประโยชน์หรือ?
มันไร้ประโยชน์!
“หยกเย็นศักดิ์สิทธิ์เล่า! รีบนำหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์ออกมาลดอุณหภูมิของเจ้าเดี๋ยวนี้!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงดัง
“มันอยู่ในมิติ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้มัน!” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
มู่เฉียนซีแทบจะทรุดตัวลง “ใครบอกว่าไม่จำเป็นเล่า! ข้ารู้สึกว่ามันจำเป็นเป็นอย่างมากเข้าใจหรือไม่?”
เมื่อแช่น้ำพุร้อนไปรอบหนึ่ง มู่เฉียนซีกลับรู้สึกเหนื่อยเสียยิ่งกว่าผ่านการต่อสู้อย่างต่อเนื่องถึงสามครั้งเสียอีก นางไม่รู้ว่านางได้ถูกจิ่วเยี่ยอุ้มกลับไปที่ห้องตั้งแต่เมื่อไร
ทำให้วันต่อมาในตอนที่ท่านเจ้าเมืองกับหัวหน้าโรงประมูลมาเยี่ยมเยียนมู่เฉียนซี นางจึงยังไม่ตื่นขึ้นมา
พวกเขาทั้งสองได้ถูกกู้ไป๋อีผู้ซึ่งมีใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกขวางเอาไว้ที่ตรงประตูทางเข้า เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “คุณหนูใหญ่ยังไม่ตื่น ไม่ว่าใครก็ตามจะรบกวนไม่ได้!”
ท้ายที่สุด ทั้งท่านเจ้าเมืองและหัวหน้าโรงประมูลจึงทำได้แต่เบิกตาจ้องหน้ากันอยู่ในจวนเท่านั้น
ท่านเจ้าเมืองถามขึ้น “เจ้าเฒ่า เจ้าว่าคนพวกนั้นสรุปแล้วเป็นใครกันแน่? เหตุใดพวกมันถึงได้เลวร้ายขนาดนั้น!”
หัวหน้าโรงประมูลกล่าว “เจ้าเมืองชาง ข้าเองก็ไม่รู้! เกรงว่าคงจะมีแต่ท่านผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่พอจะรู้เรื่องอยู่บ้างกระมัง!”
“ดูแล้ว คงทำได้เพียงแต่รอให้นางตื่นขึ้นมาเท่านั้น!”
ปรากฏว่าเมื่อถึงยามบ่าย ท่านเจ้าเมืองก็ได้กินข้าวที่นี่เป็นมื้อที่สองภายใต้ความรังเกียจของผู้เป็นเจ้าบ้าน แต่มู่เฉียนซีก็ยังมิตื่นขึ้นมา
ท่านเจ้าเมืองรู้สึกสงสัย “ท่านกู้ คุณหนูมู่ป่วยหรือไม่! ทำไมถึงยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก”
กู้ไป๋อีกล่าวตอบ “มิใช่!”
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว จิ่วเยี่ยที่อยู่ด้านข้างนั้นใกล้ชิดนางเป็นอย่างมาก
ภาพของบุรุษผู้งดงามปรากฏอยู่ตรงด้านหน้าของนาง ต้องยอมรับเลยว่าจิ่วเยี่ยในตอนที่สงบนิ่งอยู่นั้นช่างงดงามน่าหลงใหลอย่างยิ่ง ทำให้ผู้ได้พบเห็นจิตใจสั่นคลอนมิเป็นตนเอง
มู่เฉียนซีก็ได้มองดูอยู่เช่นนี้ ไม่นานนักเขาก็ได้เปิดเปลือกตาทั้งสองข้างขึ้นแล้วกล่าว “ซีชอบมอง!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดมากไปแล้ว! ข้าก็เพียงแค่รู้สึกว่าเจ้าในตอนหลับนั้นค่อนข้างที่จะไร้พิษภัยและรังแกได้ง่าย!”
“เช่นนั้นมารังแกเถอะ!” จิ่วเยี่ยหลับตาทั้งสองข้างลง
มู่เฉียนซีกลอกตาขาวจากนั้นก็กระโดดลงจากเตียง!
“จิ่วเยี่ย! เจ้าเห็นข้าเป็นไอ้โง่ละสิ! เห็นกันอยู่ว่าเจ้าได้ตื่นขึ้นมาแล้ว หากข้ากล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ผู้ที่โชคร้ายนั้นจะต้องเป็นข้าอย่างแน่นอน ข้าไม่ติดกับหรอก!”
ทันใดนั้นร่างของจิ่วเยี่ยก็ได้มายืนอยู่ที่ด้านหลังของมู่เฉียนซี “ให้ข้าทำให้!”
บนมือนั้นได้ปรากฏชุดกระโปรงของสตรีขึ้นมาชุดหนึ่ง “อย่าได้คิดว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะไม่โกรธ ข้าเองมีมือมีเท้า ข้าทำ…”
มู่เฉียนซีได้ถูกจิ่วเยี่ยกอดม้วนเข้าในทันที นางยังไม่ทันที่จะกล่าวจบ ริมฝีปากก็ได้ถูกอุดเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้นางยิ่งรู้สึกเข่าทรุดหนักลงไปกว่าเก่าอีกก็คือ จิ่วเยี่ยกลับสามารถพัวพันปล้นชิงไปได้พร้อมกับสวมใส่เสื้อผ้าให้แก่นาง
มู่เฉียนซีเบิกตากว้างโพรง นึกอยากที่จะให้เขาสวมใส่ให้เร็วกว่านี้อีกหน่อย แต่ปรากฏว่าความรวดเร็วในการสวมใส่นั้นเชื่องช้าราวกับหอยทากก็มิปาน!
“อื้อ!” มู่เฉียนซีคิดที่จะขัดขืน แต่มันก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
“หู่ว!” ในที่สุดมันก็จบสิ้นลง มู่เฉียนซีสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่
คนบางคนที่ทำให้นางโกรธนั้นกลับถามนางด้วยท่าทีอย่างคนถามหาคำชมเชยว่า “ซีคิดว่าข้าทำเป็นเช่นไรบ้าง?”