ตอนนี้มีผู้คนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคนรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ตัวนางและต้องการที่จะฆ่านางให้ตาย
พวกเขาเฝ้าล้อมด้านในสามชั้นและด้านนอกอีกสามชั้นเช่นนี้ ไม่มีช่องโหว่ให้นางหลบหนีเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกําหมัดแน่น คราวนี้นางคงทําได้เพียงต่อสู้เท่านั้นแล้ว
“มังกรวารีพิฆาต!” มังกรวารีเย็นยะเยือกพุ่งออกมาและเปิดฉากของการต่อสู้ครั้งนี้
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้แบบกลุ่ม อีกทั้งยังเป็นคู่ต่อสู้ที่มีพลังการต่อสู้ไม่ด้อยไปกว่านางมากนัก พิษจึงเป็นอาวุธสังหารที่ดีที่สุด
“แค่ก แค่ก แค่ก! ระวังพิษของหมอนี่ด้วย”
“อย่าได้ต้องกลลวงเข้า!”
การโจมตีที่บ้าคลั่งพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี พวกเขาต้องการให้มู่เฉียนซีตายท่ามกลางการทิ้งระเบิดอันบ้าคลั่งนี้
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ตูม! มู่เฉียนซีใช้ความเร็วสูงสุดในการป้องกัน
“ทักษะโยวหลัว!”
“บัวแดงพิฆาต!”
“……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการทิ้งระเบิดอันบ้าคลั่งของพวกเขา มู่เฉียนซีทําได้เพียงใช้พละกําลังทั้งหมดปล่อยกระบวนท่าออกมา
คนแล้วคนเล่าล้มลง แต่กลับมีคนหลังตามมาโจมตีนางอย่างต่อเนื่อง
การต่อสู้แบบหมุนเวียนเช่นนี้ แม้ว่ามู่เฉียนซีจะมียาเม็ดอีกมากมายเพียงใดแต่นางก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ราวกับคนบ้าเช่นนี้ หน้าผากของมู่เฉียนซีก็เต็มไปด้วยเหงื่อ นางต้องสู้จนสุดความสามารถ!
ตูม!
จนกระทั่งสุดท้าย เม็ดยาที่เติมพลังวิญญาณให้กับนางก็ได้กลายเป็นน้ำน้อยที่แพ้ไฟไปเสียแล้ว คู่ต่อสู้ของนางกลับยังเหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่ง
หัวหน้าตัวเล็กนามว่าปู่ ๆ พุ่งออกมา “สาวน้อย คราวที่แล้วข้าไม่ได้ฆ่าเจ้าในการโจมตีเดียว แต่ครั้งนี้ข้าจะ…”
หลบ!
ความเร็วของเจ้าตัวเล็กนี่รวดเร็วมากจนมิอาจหลบได้!
ในตอนนั้นเอง เงาดําเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเร็วกว่าเจ้าหัวหน้าตัวเล็กนี่ มันพูดอย่างเย็นชาว่า “หยุดนะ พวกเจ้าอยากทําผิดกฎหรือไง?”
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาช่วยเอาไว้จะเป็นหนูทะเลทรายตัวน้อยที่นำทางมาตัวนั้น
ปัง! มู่เฉียนซีที่เหนื่อยล้าก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางล้มลงไปในทันที
เงาร่างสีขาวพุ่งเข้ามาและจับนางไว้
ทุกคนมองไปที่ชายหนุ่มที่สง่างามตรงหน้าพวกเขาด้วยความประหลาดใจ ชายในชุดขาวผู้เย็นชาราวกับหิมะบนยอดเขา เขานั้นเข้ากันกับเมืองเฮยตูแห่งนี้ไม่ได้เลยสักนิด
หัวหน้าปู่ผู้นั้นที่ถือได้ว่าเป็นคนเก่าแก่แห่งเมืองเฮยตูนี้ เมื่อเขาเห็นร่างสีขาวนั่นดวงตาของเขาก็หดแคบลง
เขาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “กู้…ท่านกู้…ท่าน…ท่านกลับมาแล้วหรือ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาอันเย็นชาของกู้ไป๋อี ขาทั้งสองข้างของเขาก็สั่นระริก “ข้า…ข้าไม่รู้ว่าท่านรู้จักกับนาง ข้า…”
กระบี่เฉียนหานสีฟ้าเงินพุ่งออกมา และวงล้อจันทราสีเงินก็ผ่าคนผู้นี้ออกเป็นสองซีก
ความโหดร้ายและเย็นชาทําให้พวกที่ตามล่ามู่เฉียนซีจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่อาจยั่วยุชายผู้นี้ได้
หนูทะเลทรายตัวน้อยกล่าว “คิดไม่ถึงว่าท่านกู้จะมีเวลาโกรธจนหน้าแดงเช่นนี้ด้วย! แปลกมาก”
กู้ไป๋อีทำราวกับไม่ได้ยินที่หนูทะเลทรายพูด และพามู่เฉียนซีไปยังป้อมปราการสีดําใจกลางเมืองเฮยตู
มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาบนเตียงขนาดใหญ่สีดำ นางมองไปยังดินแดนแห่งความเพ้อฝันที่ไม่คุ้นเคยนี้ หลังจากที่นางเป็นลมไปใครกันที่พานางมาที่นี่?
เจ้าหนูทะเลทรายน้อยนั่นก็ดูเหมือนจะไม่สามารถลากนางมาได้!
เมื่อประตูถูกเปิดออก มู่เฉียนซีก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเดินเข้ามาจากนอกประตู
มู่เฉียนซีเห็นชายหนุ่มผู้สง่างามและเย็นชาผู้นั้น นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวไป๋ เจ้า…เจ้าเข้าไปในเมืองเฮยตู?”
กู้ไป๋อีกล่าว “ข้าออกจากทะเลทรายดำไม่ได้ จึงทําได้เพียงเข้ามาที่นี่เท่านั้น ผู้ที่เคยเข้ามาในเมืองเฮยตูแล้ว และยังอยากที่จะเข้ามาเป็นครั้งที่สอง ยังมีหนทางอื่น?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ทําไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้?”
กู้ไป๋อีตอบ “หากคุณหนูใหญ่ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ ข้าก็คงไม่คิดจะปรากฏตัวเช่นกัน”
“เจ้าต้องการให้ข้าฝึกฝนด้วยตัวเองหรือ?” มู่เฉียนซีถาม
“ขอรับ!” กู้ไป๋อีพยักหน้า
“อันตรายของเมืองเฮยตูนี้เกินกว่าที่ข้าจะจินตนาการได้ ดูเหมือนว่าจะทําให้เจ้าต้องผิดหวังแล้ว สุดท้ายแล้วก็ต้องให้เจ้าลงมือช่วย มิเช่นนั้นข้าคงตายแน่” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความหงุดหงิด
“ไม่ใช่ว่าข้าช่วยเจ้าไว้ แต่เป็นเพราะเจ้าทําการทดสอบเข้าเมืองครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว พวกเขาไม่อาจลงมือกับเจ้าได้แล้ว” กู้ไป๋อีกล่าว
“การทดสอบแรก? ว่าไงนะ?” มู่เฉียนซีตะลึงงัน
“การทดสอบแรกคือการเข้าไปในเมืองและฆ่าคนหนึ่งร้อยคน โดยหลังจากฆ่าคนหนึ่งร้อยคนแล้ว ก็จะไม่มีใครในเมืองสามารถโจมตีเจ้าได้อีก” กู้ไป๋อีกล่าว
“มิน่าล่ะพวกเขาถึงไม่ยอมพูดถึงกฎเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมตอนหลังพวกเขาถึงพูดแต่ในสิ่งที่พวกเขาพูดได้…” มู่เฉียนซีพึมพํา
กู้ไป๋อีจนปัญญา เดิมทีไม่คิดจะให้นางรู้ว่าเขามา แต่เขากลับทนเห็นสาวน้อยผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนถนนและปล่อยให้คนที่ทําร้ายนางยังมีชีวิตอยู่ดีไม่ได้
ลมกระโชกแรงพัดมาจากประตู มู่เฉียนซีอึ้งไปเล็กน้อย
นางมองไปที่กู้ไป๋อีแล้วกล่าวว่า “ร่างกายของเจ้ามีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงมาก เจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า?”
มู่เฉียนซีอยากจะลุกขึ้นมาดูอาการบาดเจ็บนี้ แต่กู้ไป๋อีกลับเดินเข้ามาและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่เมื่อครู่ข้าเพียงแต่ฆ่าพวกที่ไม่มีตาไปก็เท่านั้นเอง คุณหนูใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บให้สบายใจเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าวางใจเถอะ! เพียงไม่นานข้าก็จัดการกับอาการบาดเจ็บนี้ได้แล้ว”
มู่เฉียนซีรักษาอาการบาดเจ็บของนางให้หายดีภายในเวลาหนึ่งวัน และได้พบว่าตนเองอยู่ในป้อมปราการสีดำแห่งหนึ่ง
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “เสี่ยวไป๋ เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่หรือ?”
“ใช่?”
มู่เฉียนซีถามว่า “เสี่ยวไป๋ การเข้าไปในเมืองเฮยตู คงไม่ใช่แค่เพื่อฆ่าคนร้อยคนเท่านั้นกระมัง! แม้ว่าการต่อสู้แบบกลุ่มจะอันตรายมาก แต่หากเป็นเช่นนั้น มันก็ยังไม่สมกับข่าวลือความอันตรายของเมืองเฮยตูเลย?”
กู้ไป๋อีกล่าว “ฆ่าคนหนึ่งร้อยคน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
“คุณหนูใหญ่ตามข้ามา”
กู้ไป๋อีนําทางไปด้านหน้า และมาถึงจุดสูงสุดของป้อมปราการ
เมื่อมองออกไป เมืองเฮยตูทั้งเมืองก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
มีป้อมปราการสิบสองแห่งที่สูงเหมือนกันกับป้อมปราการของกู้ไป๋อี้ และหอคอยอีกสามหลังที่สูงกว่าป้อมปราการนี้
กู้ไป๋อีกล่าว “หอคอยทั้งสามแห่งนี้เรียกว่าหอคอยแห่งความตาย หอคอยโลหิต และหอคอยทมิฬ”
“เมื่อฝ่าไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยแห่งความตาย เจ้าจะได้รับตําแหน่งจักรพรรดิ มีเพียงผู้ที่ได้รับตําแหน่งจักรพรรดิเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ออกจากเมืองเฮยตู มิเช่นนั้นจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ตาม”
“เมื่อฝ่าไปถึงจุดที่สําคัญที่สุดของหอคอยโลหิต เจ้าจะได้รับตําแหน่งมหาจักรพรรดิ”
“และเมื่อถึงจุดสูงสุดของหอคอยทมิฬ เจ้าก็จะกลายเป็นตําแหน่งอันสูงส่งอย่างราชทินนาม ตำแหน่งราชทินนามนั้นไม่เหมือนกับตําแหน่งอื่น ๆ เพราะมันมีเพียงสิบสองที่เท่านั้น”
ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววตื่นตะลึง “หรือว่า? หรือว่าเสี่ยวไป๋เจ้าได้รับตำแหน่งอันสูงส่งนี้?”
กู้ไป๋อีกล่าว “สิบกว่าปีก่อนข้าได้รับตำแหน่งราชทินนามแล้ว”
มู่เฉียนซีเอ่ยถามขึ้นว่า “แล้วเจ้าใช้เวลากี่ปี?”
“สิบสองปี”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ “สิบสองปี?”
“เมืองเฮยตูเป็นสถานที่ลึกลับ เวลาที่นี่จะแตกต่างจากข้างนอก แม้ว่าในนี้เวลาจะผ่านไปสิบสองปี แต่ข้างนอกผ่านไปเพียงแค่สิบสองวันเท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปท้าประลองกับหอคอยแห่งความตาย”
กู้ไป๋อีพยักหน้า “ได้ พรุ่งนี้หนูทะเลทรายน้อยผู้นําทางจะมารับเจ้า วันนี้คุณหนูใหญ่พักผ่อนก่อนเถอะ”
วันรุ่งขึ้นหนูทะเลทรายน้อยผู้นําทางก็มาจริง ๆ มันยิ้มและกล่าวว่า “ตามข้ามา! เดี๋ยวข้าจะนําเจ้าเข้าไปในหอคอยแห่งความตาย”
มู่เฉียนซีพยักหน้า “ตกลง!”
ณ ตอนนี้ ชั้นบนสุดของหอคอยทมิฬนั้นได้ถูกบดบังเอาไว้
ชายที่สวมเสื้อคลุมสีดําและใบหน้าของเขาถูกสลักไว้ด้วยลวดลายต่าง ๆ ในดวงตาของเขาฉายแววร่องรอยของความลึกลับ เขามองไปที่ชายผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าและกล่าวว่า “ไป๋อี เจ้ากลับมาที่เมืองเฮยตูอีกครั้งเพื่อเจ้าแมวน้อยตัวนั้นน่ะหรือ?”