ฉากเมื่อครู่ทำให้ไคลน์หวนนึกถึงเรื่องราวความรักจากทาลิมเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
เพื่อนชนชั้นสูงของเขาดันไปมีความรักต้องห้ามกับสามัญชนจนถึงขั้นหวังแต่งงาน แต่เนื่องจากสถานะทางสังคม การแต่งงานจึงไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ทาลิมเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้มาก จนถึงขั้นเปรยออกมาว่า อยากจ้างมือปืนสักคนมาฆ่าทิ้ง แต่สุดท้ายกลับลงเอยด้วยการ ทาลิมเป็นฝ่ายเกลี้ยกล่อมจนฝ่ายหญิงยอมจากไปเอง
หรือตัวเอกของเรื่องดังกล่าวจะเป็นองค์ชายเอ็ดซัค·ออกัสตัส? ทุกปัจจัยสอดคล้องกันอย่างลงตัว ในฐานะองค์ชาย การสมรสกับสามัญชนไม่ต่างอะไรกับเป็นกบฏแผ่นดิน นับตั้งแต่อาณาจักรโลเอ็นก่อตั้ง ยังไม่เคยมีทายาทสืบสายเลือดคนใดสมรสกับสามัญชนมาก่อน อย่างน้อยก็ต้องบุตรสาวขุนนางบรรดาศักดิ์สูง… จากบทสนทนาเมื่อครู่ องค์ชายเอ็ดซัคพาตัวสตรีสามัญชนคนนั้นกลับมายังคฤหาสน์อีกครั้ง แถมยังกักบริเวณเพื่อเป็นการทำโทษ? นี่คือความรักจริงหรือ…
ทันใดนั้น เรื่องราวระหว่างองค์ชายบ้าอำนาจและดอกไม้สีขาวแสนบอบบางพลันผุดขึ้นในหัวไคลน์
ชายหนุ่มมองไปยังวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตารอบตัว พยายามดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันงดงามของช่วงกลางฤดูหนาว
“ทุกทีจะไม่ใช่แบบนี้ หากย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิและหญ้าเขียวเริ่มงอกเงยเมื่อไร ลานกว้างแห่งนี้จะกลายเป็นสุดยอดสนามกอล์ฟ” องค์ชายเอ็ดซัคส่งสาวใช้กลับไป พลางอธิบายชายหนุ่มด้วยมือข้างถือแส้ม้า
“กอล์ฟ?” ไคลน์ทวนคำ ก่อนจะทราบคำตอบด้วยตัวเองในไม่กี่อึดใจถัดมา
เอ็ดซัดส่งสัญญาณมือบอกให้เหล่าองครักษ์ออกไปได้ จึงเหลือเพียงไคลน์และพ่อบ้านชราคอยเดินตามติด
องค์ชายสามแห่งโลเอ็นเดินนำท่ามกลางทุ่งกว้างเหี่ยวเฉาพลางเริ่มอธิบาย
“ถูกต้อง กอล์ฟ กีฬาสำหรับชนชั้นสูงอย่างแท้จริง แม้แต่เจ้าของนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ก็แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัส ถึงเราจะไม่ชอบหน้าโรซายล์นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าจินตนาการสุดบรรเจิดของหมอนั่นทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นมาก เชอร์ล็อก ถ้าเจ้าสามารถค้นหาความลับการตายของทาลิมได้ คฤหาสน์แห่งนี้พร้อมต้อนรับเจ้าเสมอ”
เป็นโรซายล์จริงด้วย… ไคลน์หายใจเข้า
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบ องค์ชายเอ็ดซัคจึงเล่าต่อ
“ถึงโรซายล์จะมีมุมน่าศึกษามากมาย แต่เราไม่ชอบวิธีปฏิบัติต่อสตรีของมัน เข้าใจว่าเป็นธรรมเนียมของขุนนางอินทิส แต่เรารับไม่ได้และรู้สึกขยะแขยงอย่างมาก พวกมันมักมากในกามและเสพติดความหรูหราเกินไป”
เอ็ดซัคจ้องลำธารพร้อมกับกล่าวด้วยถ้อยคำปรัชญาเกินอายุ
“เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกไม่ได้อัจฉริยะทุกด้านเหมือนกับโรซายล์ ดังนั้น แก่นสำคัญของชีวิตคือการตามหาความถนัดและสิ่งรักของตัวเองให้พบ จากนั้นก็ทุ่มเททั้งหมดไปกับมันโดยห้ามหันหลังหรือย่อท้อต่ออุปสรรคเด็ดขาด”
เมื่อพูดจบ เอ็ดซัคกล่าวต่อด้วยเสียงล่องลอยพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
“แต่ไหนแต่ไร เราเคยคิดว่าตัวเองตกหลุมรักบุตรสาวของเอิร์ลฮอลล์มาตลอด เธอผู้นั้นมีรูปโฉมสมบูรณ์แบบ กิริยามารยาทไร้จุดตำหนิ เป็นบุตรีแห่งตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ ทรัพย์สมบัติมั่งคั่งเพียบพร้อม และมีบิดาเป็นผู้ทรงอิทธิพลของอาณาจักร เธอผู้นั้นคู่ควรกับองค์ชายทุกคนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ปัจจุบันเราเริ่มตระหนักแล้วว่า ความรักอันแท้จริงต้องเปลี่ยนให้โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพู ต้องคิดถึงเธอคนนั้นทั้งวันไม่เว้นแม้กระทั่งยามฝัน เป็นสายสัมพันธ์ทางวิญญาณชนิดพิเศษ ต้องเจอกับตัวเท่านั้นจึงจะเข้าใจ ฮะฮะ! เรามิได้หมายความว่ามิสฮอลล์บกพร่องด้านใด เพียงแต่เราไม่ได้เกิดความรู้สึกรักหรือชอบเธออีกแล้ว”
องค์ชาย วิธีการพูด โทนเสียง สีหน้าท่าทางของคุณ ทำไมถึงได้เหมือนกับทาลิมขณะก่อนตายนัก… ได้โปรดอย่าล้มลงและหัวใจวายตรงนี้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น ถึงผมจะกระโดดแม่น้ำทัสซอคเพื่อพิสูจน์มลทินก็คงไม่มีใครเชื่อ… ยิ่งไปกว่านั้น การได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่ยิ่งทำให้เราถอนตัวจากเรื่องนี้ยากขึ้น… คิดจะบังคับให้เราลงเรือลำเดียวกันสินะ…
ไคลน์เริ่มเกิดความกลัวอย่างไม่มีเหตุผล
ชายหนุ่มกระแอมและรีบเปลี่ยนหัวข้อ
“องค์ชาย บุคคลระดับท่านย่อมมีบริวารมากมาย และหลายคนคงเต็มใจสืบหาสาเหตุการตายของทาลิม เช่นนั้นแล้ว กระหม่อมจึงไม่เข้าใจว่าทำไมองค์ชายถึงต้องเจาะลงเลือกนักสืบเอกชนปลายแถวด้วย”
เอ็ดซัคส่ายหัว
“ในฐานะองค์ชาย เรามีพลังอำนาจมากพอๆ กับการขาดอิสรภาพ รอบตัวเรามีสายตาจับต้องนับไม่ถ้วน คงให้บริวารออกไปทำงานลับไม่ได้หรอก ในทางกลับกัน เจ้าคือยอดนักสืบผู้ปราดเปรื่อง สนิทสนมกับทาลิม และยังเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ขณะเขาเสียชีวิต ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเจ้าแล้วจริงไหม ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตราย อย่างน้อยเราก็รับประกันความปลอดภัยให้เจ้าได้”
องค์ชาย คำสัญญาเช่นนี้เปราะบางพอๆ กับกระดาษเช็ดก้น… ไคลน์รำพัน
หลังจากได้ฟังองค์ชายเล่าความลับออกมามากมาย ไคลน์ตระหนักได้ว่า หากตอบปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว ตนคงไม่ได้กลับออกจากคฤหาสน์กุหลาบแดงแห่งนี้แน่ ชายหนุ่มถอนหายใจสั้นหนึ่งครั้งและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ว่ากันตามตรง กระหม่อมเองก็โกรธแค้นและสงสัยในปริศนาการตายของทาลิมไม่น้อยไปกว่าองค์ชาย เพียงแต่โลกความจริงอันโหดร้ายทำให้กระหม่อมต้องยับยั้งตัวเอง”
ได้ยินเช่นนั้น เอ็ดซัคเผยรอยยิ้ม
“เจ้าต้องการให้เราช่วยเรื่องใด”
“เส้นผมของทาลิม ถ้าเป็นเศษเนื้อหรือเลือดได้ยิ่งดี รวมถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน” ไคลน์แจกแจงรายละเอียด
“ตกลง สิ่งเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังบ้านของเจ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” เอ็ดซัคไม่ขัดข้อง เพียงซักถามเพิ่มเติมด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “แค่นี้เองหรือ?”
ไคลน์ไม่มัวอ้อมค้อม
“ต้องรอกระหม่อมสอบสวนเบื้องต้นเสียก่อน จึงค่อยเริ่มกำหนดแนวทางการสืบสวนในภายหลัง แล้วก็อีกหนึ่งเรื่อง กระหม่อมต้องการวิธีลับในการติดต่อกับองค์ชาย การให้นักสืบเอกชนเดินทางเข้าออกคฤหาสน์หลวงคงไม่ใช่เรื่องดีนัก”
เอ็ดซัคพยักหน้ารับทันทีประหนึ่งเตรียมคำตอบไว้นานแล้ว
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เราให้ใครบางคนเช่าบ้านหลังติดกับเจ้าไว้แล้ว อาคารหมายเลข 13 ถนนมินส์ หากเจ้าต้องการติดต่อเรา ให้เขียนรายละเอียดรวมถึงวันเวลานัดหมายไว้ในกระดาษและหยอดลงกล่องจดหมายของบ้านข้างเคียง ในส่วนของรางวัล เจ้าคงทราบอยู่แล้วว่าเราไม่ใช่คนตระหนี่ ถึงการสืบสวนจะคว้าน้ำเหลว แต่เราจะตอบแทนตามปริมาณการลงแรงพยายาม และถ้าประสบความสำเร็จ ขอสัญญาว่าเจ้าจะได้รับเงินก้อนโตชนิดสบายไปทั้งชีวิต เพียงพอสำหรับเกษียณจากงานได้ทันที”
อุปนิสัยขององค์ชายสามช่างเด็ดเดี่ยวและตรงไปตรงมา… เงินเกษียณคงประมาณสามพันปอนด์กระมัง…
ไคลน์ถอนหายใจ
“เข้าใจแล้วครับ ขอให้ดวงวิญญาณของทาลิมสถิตอยู่ในดินแดนแห่งพายุสายฟ้าของพระองค์ท่านตลอดไป” ชายหนุ่มโค้งคำนับ
เอ็ดซัคพยักหน้ารับและสั่งพ่อบ้านชรา
“ส่งนักสืบโมเรียตี้กลับถนนมินส์”
องค์ชาย งานเลี้ยงอาหารกลางวันมือหรูหราของผมอยู่ไหน? คุณกำลังให้นักสืบคนหนึ่งออกไปเสี่ยงตาย แต่ไม่คิดแสดงน้ำใจสักหน่อยหรีอ… ช่างเถอะ องค์ชายคงมีกิจกรรม ‘อย่างว่า’ ต้องทำในช่วงสายกระมัง…
ไคลน์เหน็บแนมในใจ
ชายหนุ่มเดินตามพ่อบ้านชราออกมาทางประตูหน้าและรับปืนกับซองรักแร้คืน
…
อาคารหมายเลข 15 ถนนมินส์ ไคลน์ยืนริมมุขหน้าต่างพลางจ้องมองรถม้าซึ่งมีตราประจำตระกูลออกัสตัสแล่นออกไป
เชอร์ล็อก·โมเรียตี้คงถูกสั่งเก็บทันทีถ้าสืบเรื่องนี้จนล้ำเส้น… ใครจะไปรู้ บางทีอาจมีคนกำลังจับตามองเราอยู่ก่อนแล้ว… ไม่สิ อาจยังไม่ถึงเวลา เพราะเรายังไม่เริ่มลงมือ…
ไคลน์ขมวดคิ้วพลางยืนนิ่ง
ในวินาทีนี้ มันต้องการเลื่อนลำดับกลายเป็นผู้ไร้หน้าโดยเร็ว
เราคงแบมือรอให้จิตแห่งจักรกลสำรวจสุสานอามุนด์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องพยายามขวนขวายหาตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ไปพร้อมกัน เพราะไม่มีทางทราบเลยว่าพวกเขาจะตัดสินใจเริ่มปฏิบัติการตอนไหน อาจนานหลายเดือนหรือเป็นปี… มีโอกาสเป็นแบบนั้นสูงมาก พวกเขาสามารถผลัดเวรไปคอยคุ้มกันหน้าสุสานตลอด ขณะเดียวกันก็ให้อีกหน่วยเข้าไปสำรวจจนกว่าจะมั่นใจจึงค่อยเริ่มปฏิบัติการ…
เราคงรอนานขนาดนั้นไม่ได้…
ไคลน์ตัดสินใจหนักแน่นหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนทุกมุมมอง
14:45 นาฬิกา ชายหนุ่มหยิบหนังสือพิมพ์ปึกหนึ่งเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมจัดชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์
15:00
หลังจากถูกแสงสีแดงอาบร่าง ออเดรย์มองไปรอบตัวด้วยอารมณ์สดใส
ย้อนกลับไปเมื่อคืน เธอได้รับสูตรโอสถลำดับ 7 นักจิตบำบัด ซึ่งตนปรารถนามาแสนนาน อารมณ์ของเด็กสาวจึงกำลังซับซ้อน มีทั้งตื่นเต้น กระสับกระส่าย และโล่งใจ
เหนือสิ่งอื่นใด สมาคมแปรจิตมอบสูตรโอสถให้ออเดรย์ฟรีโดยไม่ต้องใช้คะแนนผลงานแลก อ้างว่าไว้ค่อยตอบแทนในภายหลัง
พวกมันมั่นใจโดยไม่เคลือบแคลง บุคคลระดับบุตรีแห่งเอิร์ล ออเดรย์·ฮอลล์ ย่อมมีความสามารถในการ ‘ตอบแทน’ เหนือจินตนาการคนทั่วไป
วันนี้ไม่มีสมาชิกใหม่…
เด็กสาวยืนยันหลังจากกวาดสายตามองไปรอบโต๊ะหนึ่งหน ตามด้วยการลุกขึ้นและจับชายกระโปรงทำท่าคำนับ
“ทิวาสวัสดิ์ มิสเตอร์ฟูล~ ทิวาสวัสดิ์…”
เสียงสดใสร่าเริงของหญิงสาวได้ทำลายความเงียบงันอันเป็นบรรยากาศปรกติของห้วงมิติเหนือสายหมอก และยังช่วยให้ไคลน์ ผู้กำลังหดหู่จากเหตุการณ์บนโลกความจริง ผ่อนคลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย
มันพยักหน้ารับแผ่วเบาเป็นเชิงทักทายสมาชิกชุมนุมทุกคน
ออเดรย์นั่งลงและรีบสำรวจภาษากายของสมาชิกทุกคนอย่างละเอียดตามความเคยชิน จากนั้นก็นำไปเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ในการชุมนุมคราวก่อน
มิสเตอร์แฮงแมนแอบชำเลืองมิสเตอร์ฟูลเล็กน้อยหลังจากคำนับท่าน ตามด้วยการเหลือบมองมิสเตอร์เวิร์ลด้วยสีหน้าเจือความคาดหวัง… คงเพราะเขาเป็นสมาชิกของโบสถ์วายุสลาตัน จึงเข้าถึงรายละเอียดบางส่วนของคดีลอบสังหารดยุคนีแกนได้ ขณะเดียวกันก็ทราบถึงตัวจริงของจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด บางที เขาอาจต้องการทราบข้อมูลมากกว่านี้… การชำเลืองมิสเตอร์เวิร์ลแปลว่ามีความคืบหน้าเกี่ยวกับตะกอนพลังของมนุษย์หมาป่า อาจรวมไปถึงการรวบรวมเส้นผมนากาทะเลลึก…
อารมณ์ของเดอะซันกำลังผ่อนคลายและไม่ตื่นตระหนก หมายความว่าการสอดส่องจากสภาเมืองเงินพิสุทธิ์จบลงแล้ว… เหตุใดเขาถึงมั่นใจว่าตัวเองเป็นอิสระ? หรือถูกเรียกตัวกลับเข้าร่วมทีมสำรวจอะไรนั่นอีกครั้ง?
ฟอร์สกำลังหดหู่แกมผ่อนคลาย…
เธอผ่านการทดสอบของตระกูลอับราฮัมและได้เป็นศิษย์ของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เธอจำใจต้องทำในสิ่งยากจะยอมรับ?
มิสเตอร์เวิร์ลยังคลุมเครือเช่นเคย… คงต้องรอให้เป็นลำดับ 7 หรือ 6 เสียก่อน เราอาจได้เห็นอะไรในตัวเขามากกว่านี้…
และคนสุดท้าย ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ท่านยังคงสง่าผ่าเผยและเปี่ยมด้วยอำนาจบารมีเฉกเช่นทุกครั้ง…
เมื่อห้วงความคิดมากมายในหัวออเดรย์จบลง เธอกล่าวกับสุภาพบุรุษเบื้องหลังม่านหมอกสีเทาหนาทึบ
“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันรวบรวมไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ได้สามหน้า”
เป็นฉบับคัดลอกซึ่งเธอร้องขอมาจากสมาคมแปรจิต แต่เนื่องจากเพิ่งบอกกับครูสอนพิเศษส่วนตัว เอสลันด์ เมื่อคืน อีกฝ่ายจึงเตรียมให้ได้เพียงสามแผ่น
“ต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน” ไคลน์ยิ้ม
ออเดรย์ตอบกลับอย่างซื่อตรง
“ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกับคำตอบในคราวก่อนก็แล้วกันค่ะ”
ขณะกล่าว น้ำเสียงของเด็กสาวแฝงความโอ้อวดเบาบาง
มิสเตอร์แฮงแมนและคนอื่นยังไม่ทราบเรื่องของสภานักสิทธิ์สนธยาเหมือนกับเรา!
น่าอิจฉาจังแฮะ ชักอยากรู้แล้วว่ามิสจัสติสปรึกษาเรื่องใดกับมิสเตอร์ฟูลส่วนตัว… เราคงต้องเขียนจดหมายถึงอาจารย์บ้าง ถามเขาว่ามีไดอารี… เอ่อ ต้องเรียกว่าสมุดบันทึกของจักรพรรดิโรซายล์ บ้างไหม…
ฟอร์สเริ่มกระตือรือร้น
ไคลน์พยักหน้ารับท่ามกลางสายตาเคลือบแคลงจากแฮงแมน
“ไม่มีปัญหา”
ออเดรย์รีบเขียนไดอารีจำนวนสามหน้าและส่งต่อให้มิสเตอร์ฟูล
ไคลน์ก้มศีรษะอ่านด้วยท่านั่งผ่อนคลาย ใจความในหน้าแรกเขียนไว้ว่า :
“13 มกราคม การติดต่อเป็นมิสเตอร์ประตูเริ่มมีเสถียรภาพ”
……………………